ผ่านมาเกือบ 40 วันหลังการเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค.2566 แม้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะประกาศตั้งรัฐบาล 8 พรรค 313 เสียง ตั้งแต่ไก่โห่เมื่อ 18 พ.ค.2566 หลังการเลือกตั้ง 4 วัน ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จากนั้นถัดมาอีก 4 วัน 22 พ.ค.2566 พิธานำทั้งหมดเซ็น MOU 23 ข้อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แต่จนถึงวันนี้ถ้ามาถามคนในแวดวงการเมืองว่าพิธายังมีโอกาสเป็นายกฯ ก้าวไกลยังมีโอกาสเป็นรัฐบาลไหม คำตอบก็คงบอกว่ามี แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตีออกมาเป็นสัดส่วน โอกาสในการเป็นนายกฯของพิธาเป็นรัฐบาลของก้าวไกลคงเหลือเปอร์เซ็นต์น้อยลงไปมากโข
ไม่ได้เกลียดพิธาเข้าเส้นหรือชิงชังก้าวไกลแบบเข้ากระดูก เป็น “สื่อ” ต้องดำรงความเป็น “กลาง” เรื่องนั้นเราทุกคนตระหนักดี แต่ที่พูดแบบนี้เพราะวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าดูตามหน้างานที่ปรากฎ โอกาสของฝ่ายส้มล้มเจ้าต้องบอกว่ายากจริงๆ แค่ตัวพิธาก็มีเรื่องมีราวมีคดีอีรุงตุงนังไปหมด ถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้นก็ยังชี้แจงไม่ชัดเคลียร์ไม่ได้สะที ตอนนี้ก็คอพาดเขียงยังต้องลุ้นว่าจะถูกหวย รัฐธรรมนูญ ม. 82 ส.ส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ยื่นเรื่องให้ประธานสภาส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความขาดสมาชิกภาพหรือจะโดนกกต.ส่งเรื่องไปให้ศาลไต่สวนเองก็ยังต้องตามอยู่ แถมประเด็นพิสูจน์เรื่องไอทีวีก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร หนึ่งไอทีวียังเป็นสื่ออยู่ไหมยังประกอบธุรกิจอยู่หรือปล่าว สองพิธาถือหุ้นในวันที่ไปสมัครเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหรือไม่ กับอีกประเด็นคือความไม่ชอบมาพากลในช่วงที่บริหารธุรกิจกงสีของครอบครัว ภายใต้ บ.อกรีฟู้ด จำกัด ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น บ. ออยฟอร์ไลฟ์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวส่งออก ที่มีตั้งแต่การปล่อยกู้ 117 ล้านบาท แบบไม่คิดดอกเบี้่ย ไม่มีหลักฐานค้ำประกัน ไม่รู้ว่าปล่อยกู้ให้ใคร การมีชื่อเป็นกรรมการไปค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินเกือบ 800 ล้านบาทให้กับบริษัท หรือแม้แต่กรณีที่ บริษัท สัญชาติสิงคโปร์ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บ.ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด หลังการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแค่ 11 วันเท่านั้น ทั้งหลายทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่พิธาต้องชี้แจงสังคมให้ชัด ไม่ใช่ๆอ้ำๆอึ้งๆ เอาแต่หลบหนี เขียนแค่ FB แก้ตัว หรือให้คนอื่นอย่างชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯพรรคออกมาชี้แจงแทน เพราะเรื่องนี้ผูกพันไปถึงความน่าเชื่อถือของพิธาว่าที่นายกฯประเทศไทยโดยตรง จะเป็นผู้นำคนใหม่ต้องใส ต้องบริสุทธิ์ ต้องเคลียร์ตัวเองให้ชัด
ขณะที่ตัวพรรคฝ่ายก้าวไกลเอง ตอนนี้ก็มีปัญหาสารพัด ยังบริหารจัดการเรื่องตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่สะเด็ดน้ำ เอาแค่ปมประธานสภาผู้แทนราษฎรจนถึงตอนนี้ก็ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้จะได้ฝ่ายส้มหรือฝ่ายแดง ทั้งๆที่ระยะเวลาในารัฐพิธีเปิดประชุมสภาก็งวดเข้ามาทุกที เพราะจะมีขึ้นภายใน 15 วันนับตั้งแต่กกต.รับรองส.ส.เกิน 95 % ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2566 ป่านนี้ก้าวไกลกับเพื่อไทยยังเถียงกันไม่จบว่าจะให้ใครเป็นประธานสภา เริ่มตั้งแต่สูตร 14+1 ก้าวไกลเอานายกฯบวกรมต.14 คน เพื่อไทยเอาประธานสภาบวกรมต.14 คน มาจนถึงก้าวไกลประธานสภา เพื่อไทยยอมถอยเอา 2 รองประธานสภา ตอนนี้ก็วนลูปมาที่จุดเดิมอีกคือก้าวไกลเอานายกฯ เพื่อไทยเอาประธานสภา แบ่งประมุขแต่ละฝ่ายกันคนละตัว หลังส.ส.เพื่อไทยออกมาต้านแกนนำพรรคหนักหลังไปสัมภาษณ์ยกประธานให้ฝ่ายส้ม งานนี้ไม่รู้ฝ่ายแดงจัดฉากหรือไม่อย่างไร แกนนำก็ไปรับปากฝ่ายส้มเปิดทางให้เดินหน้าตั้งรัฐบาลได้ ส่วนลูกหามส.ส.ในพรรคก็เล่นอีกบทบาทออกมาต้านก้าวไกล “กินรวบ” นายกฯกับประธานสภา งานนี้ไม่รู้เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ แต่เกมชักกะเย่อประธานสภาส่งผลทำให้ก้าวไกลเดินหน้าตั้งรัฐบาลได้ล่าช้าแน่นอน แถมล่าสุดยังมีข่าวเพื่อไทยเดินเกมลึกยืมมือพลังประชารัฐเสนอชื่อ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภา อ้างลูกพรรคไม่เห็นด้วย อ้างเอกสิทธิ์ส.ส. อ้างสารพัด สุดท้ายปลายทางกดดันให้ฟรีโหวต เพราะรู้ว่าเลือกประธานสภาใช้การ “โหวตลับ” จับมือกับพลังประชารัฐคุยกับรัฐบาลเก่าพลิกเกมเอาตำแหน่งนี้มาง่ายๆ เพราะรู้ว่าก้าวไกลเป็นพรรค “หมาหัวเน่า” ไร้เพื่อนไร้ฝูงไร้คนคบ ไม่มีทางจะได้แนวร่วมจากพรรคการเมืองอื่นแน่นอน ทั้งหมดที่ช้าเดินหน้าไม่ได้ก็เพราะทุกฝ่ายร่วมมือกันสกัดก้าวไกล ต่อหน้าก็สนับสนุนลับหลังก็ขัดขวาง เพราะไม่มีใครอยากให้พรรคเทวดาที่มีแนวคิดสุดโต่งมีเป้าหมายล้มเจ้าเปลี่ยนการปกครองได้มีอำนาจบริหารประเทศ
อย่าได้แปลกใจที่กระแสข่าวเรื่องเพื่อไทย “ย้ายขั้ว สลับข้าง” ถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน จะดังกระหึ่มและไม่มีวันจางไปจนกว่าจะมีการได้นายกฯถาวร ได้ครม.ตัวจริง เพราะมันมีความพยายามอย่างนั้นอยู่จริงๆ จนถึงตอนนี้ในวงการก็ยังไม่มีใครคิดว่าพิธาจะได้เป็นนายกฯ ก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาล ประเด็นเรื่องหาเสียงส.ส.กับส.ว.ให้ได้ 376 มากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภาที่มี 750 คน ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ล่าสุดส.ว.เสรีก็ออกมาบอกว่ากลุ่มที่เคยพูดหนุนพิธาก็เปลี่ยนใจหมด ส่วนทนายวันชัยก็ออกมาทำนายว่าชนะเลือกตั้ง 312 เสียง แต่จะแพ้ในการจัดตั้งรัฐบาลกับโหวตนายกฯต่อขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ตรงนี้ก็ยังเป็นปมที่ทุกคนคิดว่าพิธากับก้าวไกลจะก้าวไปไม่ได้เดินไปไม่ถึงเป้าหมายในการเป็นแกนนำบริหารประเทศ เพราะเรื่องล้มเจ้าเรื่องเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่มีใครคนไหนจะยอมได้ หนำซ้ำตัวพิธาเองยังมีคดีติดตัวมีชนักติดหลัง อนาคตจะโดนกกต.ยื่นเรื่องเอาผิดอาญา ม.151 รู้ว่าขาดคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญยังไปสมัครเป็นส.ส. ถ้าผิดจริงติดคุกหัวโตตัดสิทธิ์การเมือง 20 ปี ฝ่ายก้าวไกลก็มีนโยบายสุดโต่งสุดขั้วทุกเรื่อง “รื้อ-ล้าง-ทำลาย” ทุกองคาพยพในประเทศไทย ไม่มีใครอยากให้พรรคแบบนี้ขึ้นบริหารประเทศ เพราะจะเกิดความวุ่นวายทุกหย่อมหญ้าไม่จบสิ้น
นั้นจึงทำให้ความพยายามในการคิดสูตรใหม่ของการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีทางหายไป เพราะทุกคนเดาได้ว่าพิธาตกม้าตายก้าวไกลตกสวรรค์แน่ๆ โอกาสที่เพื่อไทยจะฉวยโอกาสคว้าจังหวะสองเป็นรัฐบาลก็มีสูงลิบ แต่เพื่อไทยก็จะไม่มีทางหาเสียงได้ถึง 376 เช่นกัน ถ้าไม่ดึงพรรคการเมืองอื่นมาช่วย “เศรษฐา-แพทองธาร” ก็ไม่มีทางได้เป็นนายกฯ ในสมการตั้งรัฐบาลล่าสุดไม่มีพรรคการเมืองใดจะเป็น “ตัวแปร” ที่มีศักยภาพมากสุดเท่ากับพลังประชารัฐ อย่างที่รู้แม้พรรคลุงป้อมจะมีส.ส.แค่ 40 คน แต่พล.อ.ประวิตรก็มีกองหนุนจากส.ว.ในมืออีก 250 คน รวมกันก็มีเสียงในกระเป๋าถึง 290 เสียงแล้ว ประเด็นนี้แหละเลยทำให้มีการเสนอสูตร 3 พรรคใหญ่ 252 คน ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 40 คน เพื่อไทย 141 คน ภูมิใจไทย 71 คน ถ้ารวมกับชาติไทยพัฒนา 10 คน ประชาชาติ 9 คน เสรีรวมไทย 1 คน ก็จะเป็น 272 คน เมื่อบวกส.ว.อีก 250 คน ก็จะเป็น 522 คน แต่แนวทางดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อไทยจะ “กินรวบ” ได้ทั้งหมด เพราะหากเป็นสูตรนี้เพื่อไทยต้องถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน และต้องยอมเสียเก้าอี้นายกฯ เอาตำแหน่ง “สร.1” ไปประเคนให้กับลุงป้อมด้วย แต่ก็จะได้เป็นรัฐบาลแบบสบายใจไม่ต้องอยู่ใต้ตีนใคร แถมเป็นพรรคเสียงข้างมากอันดับหนึ่ง ได้ประธานสภา ได้กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญๆ ทำการเมืองง่ายกว่าเพราะอยู่คนละขั้วไม่ได้เป็นศัตรูที่มีฐานมวลชนเดียวกันเหมือนก้าวไกล
อย่าคิดว่าสูตรลุงป้อมเป็นนายกฯจะเกิดไม่ได้ไม่มีทางเป็นจริง การเมืองไทยชั่วโมงนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เรื่องดีลลับระหว่างโทนี่กับลุงป้อมก็พูดกันมานานแล้ว ฝ่ายลุงป้อมก็มีการส่ง “ตัวแทน” คุยกับทักษิณอยู่ตลอด ต่อสายกันประจำ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร “ทักษิณกับลุงป้อม” ไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง จำได้ไหมพล.อ.ประวิตรออกตัวไม่รู้เรื่องปฏิวัติ เพราะฉะนั้น “ดีลลับ” ของโทนี่กับลุงป้อม มันมีทางเป็นไปได้จริงๆ ทักษิณประกาศกลับบ้านเดือนก.ค. พล.อ.ประวิตรบินไปดูม้าแข่งที่อังกฤษ อีกไม่กี่วันจะมีการเปิดสภา เลือกประธานสภา ต่อด้วยโหวตนายกฯ ทุกอย่างสอดคล้องต้องกันหมด ถ้าเรื่องนี้ไม่มีมูล คงไม่มีข่าว “งูเห่า” 70-80 ตัวเตรียมเลื่อยออกจากรูเพชรบุรีตัดใหม่มาลงหลุมป่ารอยต่อฯ ที่ถนนวิภาวดี ฯ นั้นก็เพราะมีความเคลื่อนไหวมีความพยายามเดินเรื่องแบบนั้นจริงๆ อย่าดูถูกอำนาจบารมีของลุงป้อม อย่าปรามาสกลเกมของฝ่าย 3 ป. ชั่วดีถี่ห่างก็อยู่ในอำนาจเป็นรัฐบาลมา 8 ปี ความเขี้ยวเหลี่ยมคมการเมืองของฝ่ายทหารก็ไม่ได้น้อยด้อยไปกว่าฝั่งนักการเมือง ล่าสุดก็มีข่าวปล่อยออกมาในทำนองว่า ลุงป้อมส่งผู้กองนัสเคลียร์ใจกับบิ๊กตู่เรียบร้อยแล้ว จูบปากรวมพลเตรียมรวมพลังพลิกเกมสู้กับฝ่ายส้มล้มเจ้า แนวทางพลังประชารัฐอาจดึงรวมไทยสร้างชาติที่มีส.ส.36 คนมาผนึกกำลังเป็นพรรคเดียวกัน เพิ่มอำนาจต่อรองให้กับลุงป้อม เพิ่มนั่งร้านทางการเมืองของพี่ใหญ่ 3 ป.ให้แข็งแรงขึ้น รวมกันสองพรรคจะมี 76 เสียงขึ้นมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ถ้ารวมกับเพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง ก็จะได้ถึง 288 เสียง เอาประชาชาติ 9 คน ชาติไทยพัฒนา 10 คน เสรีรวมไทย 1 คน ก็จะเป็น 308 เสียง ใช้ ส.ว.ช่วยยกมือ อีกนิดหน่อย พล.อ.ประวิตรก็เป็นนายกฯสบายๆ ในสมการนี้พล.อ.ประยุทธ์จะถอยห่างออกไปพัก เพื่อไทยก็คงไม่ขัดข้องถ้าบิ๊กตู่ไม่อยู่แล้ว พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯไทยคนที่ 30 ขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่อายุมากสุดในวัย 77 ปี เดินหน้านำพาประเทศแบบไร้ความขัดแย้ง เปิดทางทักษิณกลับบ้านในเดือนก.ค.ดูแลรับรองความปลอดภัยให้โทนี่เต็มที่ เท็จจริงไม่มีใครรู้แต่เค้าลางความเป็นไปได้มันเดินไปทางนั้นจริงๆ
//////////////////