วันที่ 23 มิ.ย.66 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาที่ยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลจะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ ว่าคงไม่น่ามีปัญหาอะไร อาจเป็นประสบการณ์ที่บางฝ่ายอาจไม่เคยเจอ เพราะโดยทั่วไปแล้วพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากก็จะได้ตำแหน่งประธานสภาและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลที่เป็นเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย มักเป็นคนละฝ่ายกัน จึงไม่ค่อยมีปัญหา เช่น สมัยที่พรรคความหวังใหม่ได้ 125 เสียง ส่วนพรรค ปชป. ได้ 123 เสียง แต่เป็นคนละฝ่ายจึงไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งกัน ดังนั้นพรรคความหวังใหม่จึงได้ทั้งตำแหน่งประธานสภาและนายกฯ แต่ครั้งนี้พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และ 2 ร่วมรัฐบาลเดียวกัน จึงทำให้เกิดปัญหาว่าต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นประธานสภา
ส่วนความวิตกกังวลว่าหากใครเป็นประธานสภาแล้วจะได้เปรียบ ทำให้การเสนอกฎหมายและญัตติต่างๆ เรื่องนั้นไม่มีผล เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ประธานสภาต้องเป็นกลาง และจากประสบการณ์ 55 ปีของตน ไม่ว่าประธานสภาจะมาจากที่ไหนโดยทั่วไปก็จะเป็นกลาง มีเพียง 2 คนที่เคยมีปัญหาอันเนื่องมาจากรัฐบาลสั่งให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง แต่ในปัจจุบันตนเห็นว่าจะทำได้ แม้กระทั่งการนำกฎหมายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมาพิจารณาก่อนก็ทำไม่ได้ ยกเว้นเป็นมติของที่ประชุม
และถ้าไปเทียบว่าตอนที่เป็นฝ่ายค้านแล้วกฎหมายของพวกตัวเองเสนอยาก ต่อไปนี้เป็นรัฐบาลก็จะได้ชดเชย โดยทั่วไปแล้วใครเป็นรัฐบาลสามารถเสนอกฎหมายเป็นร้อยฉบับได้ และสภาต้องพิจารณาตามที่รัฐบาลขอ ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะเห็นว่ากฎหมายของฝั่งรัฐบาลจะผ่านการพิจารณาทุกเรื่อง แต่กฎหมายฝ่ายค้านอาจไม่ได้พิจารณาเลย เพราะหากรัฐบาลเสนอมาเรื่องด่วนมา เราก็ต้องพิจารณาเรื่องด่วนก่อน