พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ.2566 หลังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา จากนั้นตามมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้ มีการเรียกประชุมรัฐสภาภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุดหลังกกต.ประกาศรับรองผลส.ส. 500 คนไปเมื่อ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป จากนี้ก็นับถอยหลังเรื่องการเรื่องประธานรัฐสภาและนายกฯได้เลย ในส่วนของตำแหน่งประธานสภานั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลงตัว ชัดเจนว่าที่เป็นแบบนี้เพราะมันมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่นอน ขนาดเหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะมีรัฐพิธีเปิดประชุมสภาครั้งแรกในวันที่ 3 ก.ค.2566 จากนั้นในวันรุ่งขึ้น 4 ก.ค. 2566 จะมีการนัดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภากันเลย แต่จนถึงวันนี้ก้าวไกลกับเพื่อไทยก็ยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติออกมาเลย แม้แกนนำทั้งสองฝ่ายพยายามจะออกมาพูดว่าปัญหาประธานสภาจะไม่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักระหว่าง 2 พรรค “ส้ม-แดง” อย่างแน่นอน โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่าลืมว่าหน้าที่สุดสำคัญของประธานสภาระยะสั้นเบื้องหน้าจะต้องเป็นคนนำเสนอชื่อนายกฯขึ้นทูลเกล้าฯ ระยะยาวก็คุมเกมในสภา ทั้งแก้รัฐธรรมนูญทั้งแก้กฎหมายสารพัด เห็นปัญหาความขัดแย้งเรื่องประธานสภาระหว่างสองพรรค มาจนถึงบัดนี้ก็เดาได้ชัดเจนว่าก้าวไกลกับเพื่อไทย เสมือนน้ำกับน้ำมันไม่มีทางเข้ากันได้ แม้จะเป็นของเหลวเหมือนกันต่อให้ใส่ภาชนะเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันอยู่ ไม่มีทางรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้
ผ่านมา 40 กว่าวันแล้วถ้าเป็นรัฐบาลปกติป่านนี้รู้ชื่อประธานสภา รองประธานสภา 2 คนเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ไก่โห่แล้ว ถ้าไม่เขม่นถ้าไม่จ้องแทงข้างหลังกันเอง เรื่องพรรค์อย่างนี้คุยกันจับตั้งแต่ในมุ้งไม่ต้องออกมาเล่นละครตบตาชาวบ้านให้เสียเวลาทำมาหากินแบบนี้หรอก อาการของเพื่อไทยตอนนี้ก็โคตรชัด เล่น 2 บท ตี 2 หน้า เนียนกริ๊บ เข้าทำนอง “ปากว่าตาขยิบ” ระดับหัวแถวบรรดาแกนนำที่ไปนั่งโต๊ะเจรจา 8 พรรค นั่งคุยกับก้าวไกลก็โอโลมปฏิโลมยืนกรานเอาใจฝ่ายส้ม พรรคอันดับหนึ่งต้องได้ประธานสภา พรรคอันดับสองได้ 2 รองประธานสภาไปปลอบใจ เออออห่อหมกไปกับก้าวไกลรักษาบรรยากาศตั้งรัฐบาลไว้ไม่ให้พัง แต่ระดับล่างพวกส.ส.เปิดเกมรุกไล่บี้ไล่กระทืบก้าวไกลแบบไม่ไว้หน้า วานก่อนประชุมส.ส.ใหม่ที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค ก็เปิดฟลอร์ให้พวกล่อก้าวไกลแบบไม่ไว้หน้า ไฟเขียวให้ออกมาอัดแหลกก้าวไกลที่ “กินรวบ” ไม่ “กินแบ่ง” ให้เพื่อนบ้าง ความจริงประเด็นก้าวไกลกับเพื่อไทย มันขบเหลี่ยมมันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ อย่าลืมว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.ดาวดัง ดาวเด่น ของเพื่อไทยหลายคนที่สอบตก ที่ไม่ได้ไปสภา ที่ต้องตกงาน ส่วนใหญ่ก็เพราะแพ้ให้กับฝ่ายส้มล้มเจ้านี้แหละ ต่อให้ปากจะบอกว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน อยู่ขั้วเดียวกัน เป็นพันธมิตรกัน แต่ลึกๆระหว่างส้มกับแดง เกลียดกันแทบตาย เพราะต่างก็เป็นศัตรูทางการเมืองที่ต้องห่ำหั่นกันไปตลอดกาล ไม่มีทางญาติดีกันได้เพราะฐานมวลชนฐานเดียวกัน
แถมการเลือกตั้งรอบนี้เอาจริงๆ ฝ่ายส้มล้มเจ้าก็ไม่ได้ชนะขาด ไม่ได้ชนะแบบแลนด์สไลด์ถล่มทลาย ถ้าเป็นเหมือนยุคทักษิณสมัยไทยรักไทยที่ครั้งแรกได้ส.ส. 245 คน ครั้งสองได้ 377 คน หรือ ยุคเจ๊ปูว์สมัยยิ่งลักษณ์ที่เพื่อไทยกวาดส.ส.มาได้ 265 คน แบบนั้นจะกวาดทั้ง “ประธานสภา-นายกฯ” ก็ไม่มีใครด่าไม่มีใครว่าได้ เพราะเหมาะสมเนื่องจากได้ส.ส.เกินครึ่งมากกว่า 250 คนของสภา แต่รอบนี้ก้าวไกลได้ส.ส.มาแค่ 151 คน เพื่อไทยได้มา 141 คน สองพรรคห่างกันแค่สิบคน ความจริงศักดิ์ศรีก็เกือบเท่ากัน จู่ๆฝ่ายส้มจะมาเคลมเอาทุกอย่างไปหมด ก็ถูกแล้วที่เรื่องนี้จะทำให้ส.ส.เพื่อไทยเดือดดาลชนิดหัวชนฝา แบบที่อดิศร เพียงเกษ ออกมาสับแแหลก ไม่เห็นหัวเพื่อน พร้อมทิ่มกลับเพื่อไทยไม่ใช่พรรคสาขาก้าวไกล เพื่อไทยไม่ใช่เบี้ยล่าง เพื่อไทยไม่ใช่ไก่รองบ่อน ศักดิ์ศรีของส้มกับแดงแทบจะเท่ากัน แต่ประมุขฝ่าย “บริหาร-นิติบัญญัติ” ก้าวไกลจะเล่นเหมาเข่งเอาไปทั้งหมดไม่ได้ เขี้ยวรากดินอย่างพรรคแดงของโทนี่ไม่มีทางให้พระบวชใหม่เณรเพิ่งโกนหัวมาเป็นเจ้าอาวาสก่อนพระหลายพรรษาอย่างตัวเองแน่นอน ยิ่งในทางการเมืองเสื้อแดงไม่มีทางอยู่ใต้ตีนเสื้อส้ม เพื่อไทยไม่มีทางกินน้ำใต้ศอกก้าวไกลแน่นอน ที่สุดจึงนำมาสู่การเล่นเกมชักกะเย่อทางการเมืองในตำแหน่งประธานสภาเหมือนอย่างที่เราเห็น เผลอๆวันจริงอาจต้องฟรีโหวต แต่ฝ่ายเพื่อไทยมีพวกมากกว่ายังไงก็ชนะ ก้าวไกลพรรคเทวดาไม่มีใครครบยังไงก็แพ้แน่นอนถ้าคุยกันไม่จบหาข้อยุติไม่ได้ แถมอนาคตฝ่ายแดงนี้แหละจะเป็นคนกินรวบเตรียมฮุบทุกอย่างจากไก่อ่อนสีส้มไปทั้งหมด
ปรากฎการณ์ของเล่นซ่อนแอบหลบนักข่าวของ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ ที่มีข่าวว่าจะถูกเชิดขึ้นเป็นประธานสภาเที่ยวนี้ก็ยิ่งกว่าชัด เพราะหลังมีข่าวว่าจะมีการแก้เกมยืมมือเพื่อนให้พลังประชารัฐเสนอชื่อสุชาติเป็นคู่เทียบแข่งกับตัวแทนฝ่ายก้าวไกล สุชาติก็สวมวิญญาณนินจาดำดินมาตลอด คราวก่อนประชุมส.ส.หน้าใหม่ของพรรคก็อ้างว่าเจ็บฟันมาประชุมไม่ได้ รอบนี้ไปรายงานตัวเป็นส.ส.เข้าสภา ก็เลือกไปวันเสาร์เอาช่วงคนน้อย ไปหลังเวลารายงานตัวอีกต่างหาก แถมทำตัวลับๆล่อๆ หลอกล่อนักข่าวให้ฉงนเพราะไม่อยากให้สัมภาษณ์ไม่อยากถูกไล่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ สุชาติถ้าบริสุทธิ์เพื่อไทยถ้าไม่มีอะไรในก่อไผ่ ทำไมต้องตีกรรเชียงทำไมต้องลับ ลวง พราง เรื่องนี้ ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งชัด ว่า 2 พรรคไม่มีทางลงเรือลำเดียวกันได้ อย่างที่รู้ก้าวไกลมี 151 ตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง ขาดอีก 64 เสียงถึงจะดันก้นพิธาขึ้นเป็นนายกฯได้ ส.ว.ไม่มีทางโหวตให้เพราะติดเรื่องล้มเจ้า เรื่องเปลี่ยนการปกครอง เรื่องแยกดินแดน เรื่องล้มล้างเรื่องดีของประเทศ พรรคอันตรายแนวคิดสุดโต่งแบบนี้ไม่มีใครรับได้ เพื่อไทยบวกลบคูณหารดีดลูกคิดรางแก้วไว้แล้ว ยังไงพิธาก็ไม่ได้นายกฯยังไงก้าวไกลก็ไม่มีทางตั้งรัฐบาลได้ โอกาสที่สองจังหวะทองฝังเพชรต้องตกมาที่เพื่อไทยแน่นอน คนในแวดวงการเมืองทุกคนพอเดาเรื่องนี้ออก ปะติดปะต่อเรื่องนี้เข้าใจกันหมด ก้าวไกลเดินหน้าตั้งรัฐบาลเพื่อไทยก็เดินหน้าเล่นละครหลอกส้ม ตีบทแตกเล่นบทเนียน
จับตา 7 วันหลังจากนี้ ตำแหน่งประธานสภาเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ กระดุมเม็ดแรกของการก้าวเข้าสู่อำนาจทางการเมือง จะตกไปอยู่กับฝ่ายใด ส้มหรือแดง 27 มิ.ย.เพื่อไทยประชุมเคาะแนวทางเรื่องนี้ 28 มิ.ย.คุยกันสองพรรคส้มกับแดง 29 มิ.ย. คุย 8 พรรครัฐบาล 3 ก.ค.รัฐพิธีเปิดสภาครั้งแรก 4 ก.ค.ประชุมสภาเลือกประธานสภา หากไม่มีอะไรผิดพลาด 13 ก.ค.2566 จะเป็นวันโหวตนายกฯ ตอนนี้ลุ้นกันที่เก้าอี้ประธานสภาก่อน ว่าจะออกที่ใครก้าวไกลหรือเพื่อไทย ถ้าออกที่ก้าวไกลทุกอย่างก็จบเดินหน้าถูลู่ถูกังจับพิธาขึ้นโหวตแน่นอน ไม่ว่าจะถูกคดีถูกสั่งพักการทำหน้าที่ ฝ่ายก้าวไกลคงดันเต็มที่ แต่ถ้าออกที่เพื่อไทยสุชาติหรือตัวแทนใครได้เป็นประธานสภาตามข่าวลือที่ออกมา การเมืองจะเข้มข้นยิ่งนักจะเห็นอะไรพิศดารออกมาแน่นอน ช็อตแรกประธานสภาฝ่ายเพื่อไทยจะยอมเข็นพิธาขึ้นโหวตไหม จะเดินกันไปยังไงต่อ กูรูการเมืองหลายคนเห็นตรงกันยากที่ส้มกับแดงจะไปกันรอด หนึ่งในคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้คือ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ออกมาชี้ช่อง 2 พรรคไม่มีทางจับมือไปกันแน่นอน โอกาสพลิกขั้วย้ายข้างของเพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย สมการนี้มีโอกาสสูงยิ่ง ประกาศให้โฟกัสไปที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ชั่วโมงนี้เดินแผนสูง แม้มีส.ส.ในมือ 40 คน แต่มีส.ว.เป็นแบ็กอัพอีก 250 คน มีโอกาสเป็นนายกฯปรองดองไม่น้อย แม้จะต้องแลกมาด้วยความวุ่นวาย ฝ่ายส้มเต็มถนนแต่ก็อาจคุ้มที่พล.อ.ประวิตรจะต้องแลก ” ในการโหวตลับเลือกประธานสภาฯ ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ หากได้นายสุชาติ เป็นประธานสภาฯ แล้วต่อมาวันที่ 13 ก.ค. พล.อ.ประวิตร จะถูกเลือกอย่างเปิดเผยให้เป็นนายกฯ โอกาสที่มวลชนไม่พอใจจะลงมาเต็มถนนย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน ขณะนี้ยากที่จะประเมินว่า หลังจาก 4 ก.ค.แล้ว มวลชนจะชุมนุมมากน้อยแค่ไหน หากมีประชาชนลุกลามมากขึ้น และปักหลักต่อเนื่องแล้ว วันที่ 13 ก.ค.จะได้เปิดสภาเพื่อเลือกนายกฯ หรือไม่ คงไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง ” จารย์ตู่ฟันธง การเมืองเขม็งเกรียวเดินหน้าเข้าสู่โหมดร้อนแรง เผชิญหน้าอีกครั้ง ยกแรกชี้ขาดประธานสภา ยกสองโหวตเลือกนายกฯ กรกฎาฯ อันตรายกำลังมาเยือน เกมเปลี่ยนได้ตลอด ชนะแพ้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกพรรคขยับชิงจังหวะ สองขั้วใช้กำลังภายในหาทางออกจุดยืนให้ตัวเอง ใครจะชนะ ใครจะเข้าวิน ประธานสภาเป็นใคร นายกฯจะเป็นของฝ่ายไหน เริ่มนับถอยหลังกันได้แล้ว
////////////////////////////