“คำนูณ” ชำแหละ “ก้าวไกล” แก้มาตรา 112 ชี้อาจขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงเป็นชนวนความขัดแย้งจนเกิดวิกฤตใหญ่

“คำนูณ” ชำแหละ “ก้าวไกล” แก้มาตรา 112 ชี้อาจขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงเป็นชนวนความขัดแย้งจนเกิดวิกฤตใหญ่ หากกระดุมเม็ดแรกที่ผู้จงใจร่างใหม่กลัดผิดจากหลักการเดิม เม็ดต่อไปก็ผิดตาม ยันม.112 ไม่ใช่เครื่องมือทำร่านเยาวชนตามที่บางกลุ่มพยายามสร้างอุปาทานหมู่

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แก้ 112 ลดการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ย้ายหมวด-ลดโทษ-เพิ่มเหตุเว้นผิด/เว้นโทษ-ยอมความได้-จำกัดผู้ร้องทุกข์ ! “มีข้อมูลมีหลายฝ่ายที่ยังเข้าใจผิด เพราะการแก้ไขคือการแก้ไข ไม่ใช่การยกเลิก เท่าที่ได้คุยกับส.ว. ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น การรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  27 มิถุนายน 2566 เมื่อท่านแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีว่ามาอย่างนี้ ก็ขอชวนเชิญมาดูข้อมูลช้า ๆ ชัด ๆ กันอีกครั้งให้สิ้นกระแสความกันไปว่าร่างกฎหมายแก้ไข 112 ภายใต้ฉลาก ‘(แค่)แก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก’ นั้น – เนื้อในคืออะไร ?

ปรับเปลี่ยนอะไร ?

ภาพรวมคือการลดระดับการคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ลงมาเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 90 ปีนับตั้งแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถวรฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 จากการคุ้มครองเด็ดขาด เป็นการคุ้มครองอย่างมีเงื่อนไข โดยมีทั้งบทยกเว้นความผิด บทยกเว้นโทษ และบทจำกัดผู้ร้องทุกข์

เบื้องต้นเลยคืออาจขัดรัฐธรรมนูญ

ฝ่ายบริหารของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ววินิจฉัยตั้งแต่ปี 2564 ว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 6 จึงไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระและส่งคืนผู้เสนอ

รัฐธรรมนูญมาตรา 6 บัญญัติไว้ว่า…

“องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”

ข้อเสนอปรับเปลี่ยนของพรรคก้าวไกลจะ ‘ขัดรัฐธรรมนูญ’ หรือไม่ ความเห็นของแต่ละคนแตกต่างกันได้ ตราบใดที่องค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นที่สุดและมีผลผูกพันทุกองค์กรยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด จึงใช้คำว่า ‘อาจ’ นำหน้าไว้ แต่เรื่องปรับเปลี่ยนโดย ‘ลดระดับการคุ้มครองพระมหากษัตริย์’ นั้นปรากฎชัดเจนในร่างกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 135/5 – 135/9 ตามปรากฎอยู่ในภาพประกอบหน้า 1 และ 2

พอสรุปเป็นคำสำคัญได้ดังนี้

“ย้ายหมวด – ลดโทษ – เพิ่มเหตุยกเว้นความผิด/ไม่ต้องรับโทษ – ยอมความได้ – ให้สำนักพระราชวังร้องแทน”

ขยายความได้เป็น 6 ประการดังนี้

1. นำออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
2. ลดโทษจำคุกลงต่ำเหลือไม่เกิน 1 ปี
3. ถ้าทำโดยเจตนาบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประการ ไม่ถือว่าเป็นความผิด
4. ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง ไม่ต้องรับโทษ
5. ให้เป็นความผิดที่ยอมความได้
6. จำกัดผู้แจ้งความดำเนินคดี

การนำมาตรา 112 ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญาเป็นประเด็นหลักที่ต้องถกกันเป็นเบื้องต้น เพราะนี่คือกฎหมายลำดับรองที่ทำให้รัฐธรรมนูญมาตรา 6 มีผลเป็นจริงในทางปฏิบัติ นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่ผู้ร่างจงใจกลัดเสียใหม่ให้ผิดไปจากหลักเดิม ทำให้เม็ดต่อ ๆ มาผิดตาม เพราะเมื่อลดสถานะขององค์พระมหากษัตริย์ลงมาเปรียบเทียบกับบุคคลธรรมดาเสียแล้ว ก็ไปนำ ‘หลักการทั่วไป’ ของโทษหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาในประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยเหตุไม่เป็นความผิดและไม่ต้องรับโทษมาใช้กับพระองค์ และกำหนดหลักการเพิ่มให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์แทน

การกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์แทน และให้เป็นผู้เสียหาย ในทางปฏิบัติก็เสมือนกับการนำองค์พระมหากษัตริย์ลงมาเป็นคู่กรณีโดยตรงกับประชาชนอยู่ดี เพราะสำนักพระราชวังเป็นส่วนราชการในพระองค์ การจัดระเบียบและการบริหารเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560

 

ข่าวที่น่าสนใจ

และในอีกมุมมองหนึ่ง ยังเป็นเสมือนการตัดสิทธิของประชาชนที่จะทำหน้าที่พิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญหมวดหน้าที่ของปวงชนชาวไทยมาตรา 50 (1) เพราะเมื่อพบเห็นการกระทำที่เป็นความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ก็ไม่อาจร้องทุกข์ได้โดยตรง

บทยกเว้นความผิด 3 ประการที่ให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถยกขึ้นกล่าวอ้างได้นั้นก็กว้างขวางมาก

1. เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ

3. เพื่อประโยชน์สาธารณะ

หมายความว่าอะไรหรือ ?

หมิ่นประมาท/ดูหมิ่น/อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ได้ ไม่ถือเป็นความผิด หากกระทำโดยสุจริตเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ? หมิ่นประมาท/ดูหมิ่น/อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ได้ ไม่ถือเป็นความผิด หากกระทำโดยสุจริตเพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ ? หมิ่นประมาท/ดูหมิ่น/อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ได้ ไม่ถือเป็นความผิด หากกระทำโดยสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะ ? แล้วยังให้ผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ได้ว่าการหมิ่นประมาท/ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นความจริง เพื่อไม่ต้องรับโทษ โดยมีบทยกเว้นห้ามพิสูจน์เฉพาะบางเรื่อง และให้เป็นความผิดที่ยอมความได้

หากการแก้ไขสำเร็จ บทบัญญัติคุ้มครองการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 ถึงจะยังคงมีอยู่แต่ก็จะลดระดับลงมามาก

ผมจึงพูดในอีกมุมหนึ่งไปว่าเป็นเสมือนการแก้ไขบทบัญญัติหลักมาตราแรกหมวดพระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ทางประตูหลัง ! ซึ่งหากบทบัญญัติหลักมาตราแรกของรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์สั่นคลอน ถูกลดระดับ ก็มีคำถามตามมาอีก 2 ประการ

หนึ่ง บทบัญญัติรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์มาตราอื่น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ในโอกาสต่อไป ?

สอง บุคคลบางกลุ่มจะยิ่งเพิ่มข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) ค.ศ. 2008 อันจะยิ่งส่งผลให้ลดระดับการคุ้มครองการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ผู้ใดจะฟัองร้องมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ลงไปอีก ?

นี่หรือคือประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน ? สำหรับคนไทยโดยทั่วไป บทบัญญัติคุ้มครองการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แค่กฎหมายมาตราหนึ่งเท่านั้น

หากแต่เป็น ‘มรดก’ ของวัฒนธรรมและจริยธรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ และมีลักษณะ 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีสถานะสูงส่งทั้งทางศาสนาและสังคม อีกด้านหนึ่งคือการที่องค์พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตจวบจนปัจจุบันทรงมีความใกล้ชิดกับประชาชนเป็นที่เคารพรักสักการะของประชาชนอย่างยิ่ง ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงประกอบเพื่อประชาชน และนำพาประเทศออกจากวิกฤติใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าในแต่ละยุคสมัย ทําให้เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์โดยไม่เป็นธรรม คนไทยส่วนใหญ่ที่มีชีวิตมายืนยาวพอได้ประจักษ์ในความจริงแก่สายตา จึงรู้สึกยอมรับไม่ได้ และต้องการรักษา ‘มรดก’ นี้ไว้ให้เป็นรากฐานแห่งความเจริญรุ่งเรืองของสังคมไทย

บทบัญญัติคุ้มครองการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ ได้ปรากฎอยู่ในรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก 10 ธันวาคม 2475 นับจนถึงวันนี้ก็กว่า 90 ปีมาแล้ว มีขึ้นเพื่อให้สอดรับกับลักษณะพิเศษของการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย

ทำไมจะต้องปรับเปลี่ยนหลักการนี้ ? ปรับเปลี่ยนเพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปเป็นอะไร ?

ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ว่าบทบัญญัติคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ประเด็นจำเป็นเร่งด่วนอันจะหลีกเลี่ยงมิได้จนจะตัองนำมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปกันรัฐสภาในสถานการณ์ปัจจุบัน ตรงกันข้ามหากเร่งนำประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนและเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับสถาบันอันที่เคารพสักการะและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและจริยธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยมาพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปกันในรัฐสภาโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ อาจเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งและวิกฤตใหญ่ได้

จริงอยู่ พวกเราต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้มาตรา 112 ในบางกรณีนั้นมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการและกลไกของฝ่ายบริหารในชั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโดยการหารือร่วมกันกับองค์กรอัยการและฝ่ายตุลาการในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยทุกวันนี้ก็ได้มีการดำเนินการกันอยู่ หรือถึงที่สุดแล้ว หากเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ก็สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยไม่เป็นการกระทบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ แต่อีกด้านหนึ่ง เราก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าการกระทำความผิดตามมาตรา 112 โดยเจตนานั้นมีอยู่จริง มีไม่น้อย และมีอยู่อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการอันสะท้อนจุดมุ่งหมายทางการเมืองเพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประเด็นของมาตรา 112 หาใช่มีแต่การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำร้ายปรปักษ์ทางการเมืองทำร้ายเยาวชนของอำนาจเผด็จการตามที่บุคคลบางกลุ่มพยายามสร้างอุปาทานหมู่ให้เห็นเป็นเช่นนั้นไม่ จึงนำเสนอมาเพื่อวิญญูชนพึงพิจารณา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พายุฝนพัดถล่มปากพนังเมืองคอนอ่วมอรทัย น้ำท่วมต้นไม้หักโค่นขวางถนน ฝนตกน้ำท่วมและคลื่นลมแรงพัดพัดหอบหอยกาบเกลื่อนชายหาดชาวบ้าน แห่เก็บขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
รวบแล้ว “พี่สาวเมียทนายตั้ม” หลังตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันฟอกเงิน” เร่งสอบปม 39 ล้าน
"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด
จีนเตือนไม่มีใครชนะในสงครามการค้า
อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น