จากกรณีแพทย์หญิงกฤตยาณี พูลเพียร หรือ หมอกุ๊บกิ๊บ แพทย์ประจำ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พาครอบครัวไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ของบุคลากรด่านหน้า จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทำให้ นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง จากนั้นแพทย์หญิงกฤตยาณี ได้มาเล่ารายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดว่า เป็นการนำเอาวัคซีนก้นขวดที่ทิ้งแล้วมาฉีดให้พี่สาว และยังไม่ได้ฉีดให้แม่ เพราะอยากให้คนในครอบครับปลอดภัย พร้อมกับกราบขอโทษประชาชน และประกาศจะไม่ลาออก แต่จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยจรรยาบรรณและเพื่อประชาชนต่อไปนั้น
ล่าสุด นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครศรีธรรมราชได้ส่งเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายนิติการ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องในรูปของคณะกรรมการสอบสวนวินัย เข้าสอบสวน พญ.กฤตยาณี รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนและกำหนดแนวทางการดำเนินการทางวินัย หลังจากนั้นจะเสนอให้ ผวจ.นครศรีธรรมราชเป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนระเบียบของทางราชการ
สำหรับกรณีที่แพทย์หญิงอ้างว่าวัคซีนอยู่ในถังขยะแล้วนั้น นายแพทย์จรัสพงษ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงแล้วนั้นมีกระบวนการที่สำคัญคือได้จัดซื้อเข็มและหลอดเพื่อใช้วัคซีนให้ครบและประหยัดลดการสูญเสียในกระบวนการ โดยใช้เข็มที่มีพื้นที่ค้างของยาน้อยที่สุดที่เรียกว่าLow Dead Space Syringes ทำให้ยาติดค้างในเข็มและในไซริงค์น้อยมาก
“หากติดค้างน้อยจะมีวัคซีนเหลืออยู่ในขวดมาก ดังนั้นวัคซีนไฟเซอร์ปกติจะได้ 6 โดส จะทำให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 7 โดส การอ้างว่าโดสที่ 7 เป็นโดสที่ทิ้งนั้นไม่ใช่เป็นความตั้งใจอยู่แล้ว และเป็นไปในลักษณะเดียวกับแอสตราเซเนก้า ที่ปกตินั้นฉีดได้ 10 โดส แต่เราดึงฉีดได้ถึง 11 โดสเป็นปกติ”