พิธาเหิมเปิดหน้าขู่สถาบัน – ปลุกมวลชนสู้

ประกาศกร้าวส.ว.อย่าขวางหนทางขึ้นเป็นนายกฯ เปิดหน้าขู่เบื้องสูงอัดส.ว.อย่าอ้างไม่เลือกตัวเองเพราะชูแนวคิดแก้ ม.112 สุดเหิมเกริมและท้าทาย เปรียบเปรย " จะนำเสียงประชาชนมาปะทะกับสถาบันโดยตรง ไม่เหมาะสมและอันตราย" เสรีเดือดอัดขาดวุฒิภาวะ พูดจาไม่สร้างสรรค์ คนจะเป็นผู้นำพูดจาสร้างความแตกแยกแบบนี้ได้ไง พิธานับวันมีแต่ทำให้คนเกลียด คดีความก็มีเต็มกางเกง ความไม่ชอบมาพากลเรื่องพิรุธก็มีเพียบ แถมนโยบายของพรรคก็สุดโต่ง แต่ละเรื่องที่ทำล้วนแต่สร้างความแตกแยก เป็นแบบนี้จะหาเสียงสนับสนุนจากสภาสูงได้ไง ส.ว.ยืนกรานไม่เลือกคนล้มเจ้าไม่หนุนคนแก้ม.112 ขอทำหน้าที่เพื่อชาติ ปิดสวิตท์ตัวเองปิดประตูตายไม่ให้พิธาเป็นนายกฯ

หลังพ้นป่วยจากโควิด-19 วานนี้ (27 มิ.ย.2566) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล นำขบวน 149 ส.ส. เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอทำข่าว ด้วยเหตุที่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร แถมล่าสุดยังเกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยในเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ก้าวไกลกับเพื่อไทยยังไม่ได้ข้อยุติ ต่างฝ่ายต่างยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าประธานสภาต้องเป็นของตน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเดินหน้าเรื่องของการเลือกตัวประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร แถมเรื่องดังกล่าวก็ส่อเค้าเกิดความขัดแย้งหนัก หลังที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุมส.ส.เพื่อไทย ทุบโต๊ะยืนกรานยังไงประธานสภาต้องเป็นของพรรคตัวเอง ตามสัญญาที่คุยกันไว้ด้วยสูตร “14+1” ขณะที่ฝ่ายก้าวไกลก็แก้เกมประกาศตัวปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกขึ้นเป็นประธานสภาและประกาศกร้าวว่าพรรคอันดับ 1 ต้องได้ประธานสภา สองฝ่ายไม่มีใครยอมใครสุดท้ายก็วุ่นจนช่วงดึกราวห้าทุ่มก้าวไกลต้องให้ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคออกมาแจ้งสื่อยกเลิกการหารือของ 2 พรรคในวันนี้ (28 มิ.ย.2566) โดยไม่มีกำหนด หนำซ้ำมรแนวโน้มว่าการประชุม 8 พรรควันที่ 29 มิ.ย.2566 จะพลอยล่มไปด้วยเพราะ 2 พรรคใหญ่เปิดศึกงัดข้อกันแล้ว

แต่ประเด็นใหญ่สุดที่คนไทยมิควรมองข้าม คนรักชาติคนรักสถาบันควรต้องสดับรับฟังคือกรณีที่พิธาออกมาให้สัมภาษณ์ออกมาพูดเรื่องการโหวตนายกฯคุยเรื่องอนาคตของตัวเอง โดยเฉพาะกรณีที่ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกฯ เพราะมีแนวคิดแก้ไข กฎหมายอาญาม.112 ไฟเขียวให้มีการด่าทอสถาบันแบบเสรี วานนี้ไม่รู้พิธาเมาหมัดหรือโควิดยังไม่หมด เจ้าตัวออกมาพูดเปิดหน้าให้สัมภาษณ์สื่อในเรื่องนี้สุดเหิมเกริม ช่วงเช้าที่สภาพิธาตอบสื่อประเด็นนี้ว่า ” เป็นเรื่องน่ากังวลใจ เพราะถือเป็นการนำเสียงของประชาชนปะทะกับสถาบันโดยตรง ไม่เหมาะสมและอันตราย ดังนั้นอย่านำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างอีกเลย ” พิธาสุดกร้าวจับแพะชนแกะมั่วซั่วไปหมด เอาคนที่เลือกก้าวไกลมาชนกับสถาบันแบบหน้าตาเฉย แค่นั้นไม่พอช่วงบ่ายเดินทางไปขอบคุฯประชาชน ณ ลานหน้าศาลากลาง จ.สมุทรสงคราม มีบรรดาแฟนคลับ ด้อมส้ม มารอรับกันเนื่องแน่น จุดนี้เลยได้โอกาสปลุกม็อบปกป้องตัวเองเหมือนอย่างที่เดินสายทำมาหลายจังหวัดก่อนหน้านี้ ” จากวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ให้ความไว้วางใจ ที่พรรคก้าวไกล รวมกับพรรคเพื่อไทยเป็น 25 ล้านเสียง แต่ยังมีกับดักทางการเมืองเยอะเหลือเกิน เวลาผ่านไปยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรวันนี้เรามาไกลแล้ว มาด้วยกำลังใจเกินร้อย และไม่เคยหวั่นไหวกับอุปสรรคขวากหนามทางการเมืองใดๆ เมื่อพี่น้องประชาชนให้ฉันทานุมัติมาแล้ว….คนในประเทศรับรู้ แม้เขาจะอยู่บนหอคอยงาช้างว่าตอนนี้คลื่นใต้น้ำ คลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนถวิลหา ที่ประชาชนต้องการมาเป็นเวลานานมาถึงแล้ว ใครไม่เชื่อให้มาถามชาวสมุทรสงคราม …..เหลือเวลาไม่ถึง 20 วัน จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขอให้พี่น้องจับมือกันให้มั่นแล้ว เดินไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพวกเรา ทุกท่านรู้ดีว่าอิสรภาพไม่ได้มาโดยความบังเอิญ เพราะฉะนั้นตบมือไปยังส.ส. และส.ว. ว่าขออย่าให้ฝืนมติประชาชน ” พิธาพูดปลุกด้อมส้มกดดันไปถึงส.ส.และส.ว.ให้หนุนตัวเองเป็นนายกฯ

ฟังดูเผินๆอาจไม่มีอะไร แต่ถ้าฟังแบบตั้งใจจะรู้ว่าพิธาปราศรัยแฝงปลุกม็อบระดมคมให้ลุกขึ้นสู้ปกป้องตัวเอง ตามแบบฉบับที่ถนัดและทำมาแล้วหลายจังหวัด อ้าง 14.4 ล้านเสียงที่คนเลือกมา เคลม 25 ล้านเสียงของเพื่อไทยเข้าไปด้วย ทั้งๆที่ฝ่ายแดงเกลียดส้มจะตายห่า หาทางแยกตัวอยู่ร่อมร่อ เพราะไม่อยากติดกับดักตกร่างแหเป็นพวกล้มเจ้าไปด้วย ประเด็นเรื่องที่พูดว่าถ้าส.ว.ไม่เลือกตัวเองเพราะอ้างเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมาย ม.112 จะกลายเป็นการจับ “ประชาชน ชนกับ สถาบัน” พิธาพูดหมาๆแบบนี้ได้ไง เอาอะไรมาวัดว่า 14.4 ล้านคนที่เลือกก้าวไกลต้องการให้ล้มสถาบัน ต้องการให้แก้ ม.112 เหรอ ให้ผลที่คนไทยเลือกพิธากาก้าวไกลมีตั้ง 108 พันประการ อาจมีคนที่คิดแบบนี้บ้างแต่เชื่อว่าคงไม่ทั้งหมด หรือต่อให้เป็นหมดแบบพิธาพูด 14.4 ล้านคน ก็แค่ 1 ใน 4 ของคนทั้งประเทศ 60 กว่าล้านคน ขี้ตู่นี้หว่า พูดเอง เออเอง แบบนี้ได้ไง หางเริ่มโผล่ ลิ้นเริ่มตวัดออกมาแล้ว ล่าสุดเรื่องนี้ก็ถูกเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.คนดังออกมาสวนติงเรื่อง “วุฒิภาวะ” คนจะเป็นนายกฯ ไม่ควรพูดจาให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง ” แค่เสนอเรื่องนี้ก็ขาดวุฒิภาวะแล้ว เพราะสิ่งที่เสนอและแสดงออกกันมาก็แสดงออกอยู่แล้วว่ากระทบกับสถาบัน เมื่อ ส.ว.ไม่เห็นด้วยก็เป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่ควรเอาประชาชนมาทำให้เกิดการปะทะอะไรกัน การเป็นผู้นำประเทศถ้าต้องการให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งก็ควรเสนออะไรที่สร้างสรรค์ ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา ความเห็นที่แตกต่าง แค่เสนอเรื่องนี้ตนก็เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะที่พูดกันมาตลอดต้องดูให้ดีแล้ว” เสรีกล่าว

นานวันเข้า “สันดาน” คนก็เริ่มออก ตัว “ตน” ที่แท้จริงก็เริ่มโผล่ออกมา เพราะไม่มีใครจะปกปิด “ธาตุแท้” กับ “กำพืด” ของตัวเองได้ เป็นคนดีก็ดีไปตลอด เป็นคนชั่วใจทรามไม่นานเปลือกก็หลุดลอกออกมาเอง พิธาย่ามใจประกาศกร้าวตั้งแต่ไก่โห่ว่าเป็นว่าที่นายกฯคนที่ 30 ของคนไทย ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคลียร์ไม่ร้อยเปอร์เซ็น คดีความติดก้นก็มีเต็มไปหมดเสมือนขี้ละขาคากางเกง ทั้งเรื่องถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ที่แม้กกต.จะตีตก 3 คำร้องไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ตั้งคณะทำงานไต่สวนกรณีที่พิธาอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายลูก เลือกตั้งส.ส. ม.151 รู้ว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแต่ยังไปสมัครเป็นส.ส. ที่งานนี้ถ้าพบว่ามีมูลผิดจริงจะเป็นคดีอาญา จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท รวมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เรื่องต่อมาก็คือกรณีถูกธีรยุทธ สุวรรณเกษณ ร้องกกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรื่องพิธากับก้าวไกลประกาศนโยบายแก้ ม.112 ช่วงหาเสียง เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ ม.49 วรรค 1 หรือไม่ ที่ล่าสุดกกต.สั่งให้อสส.รายงานความคืบหน้าภายใน 15 วัน หลังมีคนไปร้องให้อสส.เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกการดำเนินการของพิธาและก้าวไกล แต่อสส.ยังไม่ได้ดำเนินการตามคำร้อง นอกจากนี้พิธายังมีเรื่องโชว์ขวดเหล้าพูดเชียร์สุราพื้นบ้าน เรื่องความไม่ชอบมาพากลระหว่างการเป็นกรรมการ บ.อกรีฟู้ด จำกัด ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บ.ออย ฟอร์ ไลฟ์ ผลิตนำมันรำข้าวขายของครอบครัว ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2549 ถึง 6 มี.ค.2560 ที่ถูกมองว่ามีความไม่ชอบมาพากลหลายเรื่องในการบริหารกงสีของครอบครัวจนขาดทุน อาทิ การปล่อยกู้ 117 ล้านบาท แบบไม่คิดดอกเบี้ย ไม่มีหลักฐานค้ำประกัน ไม่รู้ว่าปล่อยให้แมวที่ไหนกู้ หรือกรณีค้ำปกระกันเงินกู้สถาบันการเงินให้กับบริษัทตัวเองกว่า 800 ล้านบาท เรื่องพันธมิตรสิงคโปร์ที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทหลังก่อตั้งขึ้นมาแค่ 11 วันเท่านั้น ฯลฯ ไม่นับรวมอีกสารพัดเรื่องที่พิธาต้องชี้แจงเพราะถูกคนจับได้ว่าโกหก เรื่องขายที่ดินที่ปราณบุรี ต่ำกว่าที่แจ้งกับป.ป.ช. เรื่องวันเสียชีวิตของพ่อ เรื่องถูกควบคุมตัวตอนปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 เรื่องบริหารธุรกิจของครอบครัวจนประสบความสำเร็จ แต่จริงๆบริษัทถูกฟ้องล้มละลาย สารพัดจิปาถะไม่รู้อันไหนจริง อันไหนเท็จ อย่าว่าแต่เราจำไม่ได้เลย พิธาก็คงจำไม่ได้เพราะพูดทุกครั้งไม่เคยเหมือนกัน

จนถึงวันนี้พิธายังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะออกลูกผีหรือลูกคน จะได้เป็นนายกฯตามฝันของตัวเองหรือไม่ แต่ด้วยคดีความ ข้อสงสัย ความไม่ชอบมาพากลต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวพิธาเอง แค่นี้ก็ลดทอนความเชื่อถือลดเครดิตของตัวเองลงไปมากโขแล้ว คนจะเป็นผู้นำประเทศต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทิน เหมือนนายกฯทุกคนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ พิธายังไม่ขึ้นเป็นนายกฯเลย แค่เป็นแคนดิเดตนายกฯของก้าวไกลก็มีเรื่องให้ศาลต้องพิสูจน์กันน้ำบานแล้ว อย่าว่าส.ว.ไม่ไว้วางใจเลย เราเป็นชาวบ้านฟังข้อครหาพิธาแล้วยังอ่อนใจจะไปรอดสันดอนได้ยังไง แค่เรื่องแก้ไข ม.112 เปิดทางรื้อล้างสถาบัน รถกฐินส้มก็คว่ำตั้งแต่หน้าปากทางก่อนถึงสภาก่อนจะไปโหวตแล้ว ยังไม่รวมนโนยบายหาเสียงอีกเป็นพะเรอเกวียนที่สุดโต่งสุ่มเสี่ยงทำให้บ้านเมืองแตกแยกคนแตกความสามัคคี อาทิ ชูธงแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ประกาศปฏิรูปกองทัพผ่าตัดกระทรวงกลาโหม รื้อทำความสะอาดสำนักงานตำรวจแห่งชาติล้างบางสีกากีสีเทา ปรับปรุงศาลกระบวนการยุติธรรม จัดการองค์กรอิสระจัดแถวหน่วยงานตรวจสอบ กระจายอำนาจไปสู่ท่องถิ่นเลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัด ส่งเสริมการแบ่งแยกดินแดนให้อิสระปกครองตัวเอง ฯลฯ เอาแค่นี้ก็ตายห่าแล้ว ชาติฉิบหาย ประเทศวิบัติใครจะรับผิดชอบ “ด้อมส้ม-พ่อฟ้า” ปลุกคนให้ชั่วช้า ถึงเวลาก็หนีไปต่างประเทศ เอาเร็วๆไวๆที่คิดได้ช่วงหลังเลือกตั้งที่ก้าวไกลชนะมาที่หนึ่งได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีเรื่องห่าเหวไม่เข้าท่าถูกเสนอถูกทำออกมามากมาย อาทิ สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดน ทั้งปาตานี ทั้งล้านนา เสนอให้เปลี่ยนวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีที่เป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ร.9 ไปเป็นวันที่ 24 มิ.ย.ที่เป็นวันปฏิวัติสยามเปลี่ยนแปลงการปกครองแทน ฯลฯ แต่ละเรื่องนรกจะกินหัวทั้งนั้น แบบนี้ไหวเหรอด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้แหละที่ทำให้ส.ว.250 คน ผนึกกำลังกันเหนียวแน่น หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่โหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ไม่มีทางให้ส้มได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะความคิดอันตรายส่วนการกระทำก็ชั่วช้า จะให้คนพรรค์อย่างนี้พรรคแบบนี้มาปกครองบ้านเมืองได้อย่างไร สู้ปิดสวิทต์ตัวเองพาตัวเองเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เป็นด่านสุดท้ายที่จะปกป้องชาติดูแลสถาบันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรยกย่องเชิดชูกว่าเอาใจพรรคการเมืองที่เอาแต่อ้างประชาชน แต่เข้าสู่อำนาจด้วยกุศโลบายแยบยล อาศัยเทคโนโลยี อาศัยกระแส เอาความเชื่อของผู้คนมาสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตัวเอง​ ล่าสุด​ส.ว.สมชาย​ ออกมาปูดมีข่าวลงทุนซื้อตัวส.ว.กันแล้ว​ สนนราคา10-20 ล้านบาทเพื่อให้ยกมือให้หน้าหล่อเป็​นนายกฯ​  เท็จจริง​ก็ไปสืบเอากัน  จับตาจุดจบคนไม่ดี นอกจากประธานสภาจะไม่ได้แล้ว อนาคตดูทรงแล้วนายกฯก็คงคว้าน้ำเหลว รัฐบาลก็จะไม่ได้เป็น มีแนวโน้มสูงยิ่งว่าจะถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้าน แกนนำมีคดีเผลอๆอาตติดคุก ปลายทางไกลๆอาจไม่มีแผ่นดินอยู่ สยามประเทศเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใครทำชั่วทำเลวไว้จบไม่สวยมีอันเป็นไปทุกคน ไม่เชื่อคอยดูกัน
/////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น