รู้จักโรค "กล้ามเนื้ออ่อนแรง" (ALS) เปิดอาการ 3 ระยะ ภัยแฝงไม่ควรละเลย พบได้ทุกเพศทุกวัย
ข่าวที่น่าสนใจ
สาเหตุของโรค “กล้ามเนื้ออ่อนแรง”
- เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมีความผิดปกติ
- ทำให้กล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรงลง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด กล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรง หายใจลำบาก
- เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
- โดยโรคนี้มักจะเกิดในกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 40 – 60 ปี
- และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด การรักษาทำได้เพียงบรรเทาอาการและประคับประคอง เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ทรมานจากอาการเจ็บป่วย
เปิดอาการ 3 ระยะ โรคกล้าม เนื้ออ่อนแรง
ระยะเริ่มต้น
- จะรู้สึกมือ เท้า แขนขาอ่อนหรือไม่มีแรง เช่น
- เดินแล้วล้มบ่อย
- ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งไม่ขึ้น
- จากนั้นอาการจะเริ่มรุนแรงขึ้น โดยมีอาการกล้ามเนื้อแขนและขาลีบ
- รับประทานอาหารลำบาก พูดไม่ชัด
ระยะที่สอง
- อาการจะหนักขึ้นจนลามไปถึงระบบหายใจ
- ทำกิจวัตรประจำวันได้ลำบากมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก มีอาการเหนื่อยง่ายจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรง
ระยะสุดท้าย
- ผู้ป่วยจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
- ต้องให้อาหารและน้ำทางสายน้ำเกลือ และอาจเสียชีวิต เนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว
ผู้ป่วยโรค “กล้ามเนื้อ อ่อนแรง” สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ แต่ต้องกินยาตามแพทย์สั่ง นอกจากนี้
- ผู้ดูแลต้องพยายามให้ผู้ป่วยออกกำลังกายทำกิจกรรม เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อลีบแบน เกิดแผลกดทับและการติดของข้อ
- พักผ่อนให้เพียงพอหลีกเลี่ยงความร้อนและความเครียด
- รับประทานอาหารที่อ่อนนุ่มและไม่ต้องเคี้ยวมาก
- คนในครอบครัวและญาติต้องให้กำลังใจ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข
วิธีป้องกัน
- เนื่องจาก ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริง ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ ควรดูแลสุขภาพตนเองให้ดี
- หากมีอาการเจ็บป่วยควรรีบพบแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักเกินไป
- ควบคุมความเครียด
- หลีกเลี่ยงการรับหรือสัมผัสกับยาฆ่าแมลงหรือพวกโลหะหนักและรังสีรุนแรง ซึ่งจะกระตุ้นทำให้เซลส์เสื่อมสภาพและตาย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
หากสงสัยว่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้อ อ่อนแรงให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามต่อไป ทางสถาบันประสาทวิทยา เปิดให้บริการคลินิกเฉพาะโรค ALS เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ข้อมูล : กรมการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง