“บิ๊กโจ๊ก” แถลงปิดคดี “แอม ไซยาไนด์” โดนอ่วม 75 ข้อหา มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงปิดคดี "แอม ไซยาไนด์" โดนอ่วม 75 ข้อหา มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้

 

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 มิ.ย.ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เป็นประธานการแถลงปิดคดีแอม ไซยาไนด์

 

พร้อม พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.สพฐ.ภ.7 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 และ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ร่วมแถลงคดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาวางยาฆ่าเจ้าหนี้ 15 คดี ในพื้นที่ 8 จังหวัด โดยคดีแรกเกิดในปี 2558 ต่อเนื่องปี 2566 มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย

 

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีความเกี่ยวพันกับแอม ไซยาไนด์ ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตร ซึ่งสถาบันนิติเวชวิทยาได้ตรวจสอบเลือดและสารคัดหลั่งในกระเพาะจากศพเหยื่อรายสุดท้ายที่ จ.ราชบุรี

 

พบสารไซยาไนด์ในเนื้อตับของผู้ตาย รวมพยานอื่น ๆ ทั้งหมดกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดีถึง 26,500 แผ่น ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า 3 เดือน

ถือเป็นคดีที่ระดมชุดสืบสวนสอบสวนมากที่สุดในประเทศไทยจนสามารถสรุปสำนวนดำเนินคดีนางสรารัตน์ รวม 15 คดี

 

ประกอบด้วย ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ,ชิงทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้,การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอม และใช้เอกสารปลอมฯ รวมกว่า 75 ข้อหา

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังสรุปสำนวนดำเนินคดีกับบุคคลใกล้ชิดนางสรารัตน์ อีก 2 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐานได้แก่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีแอมคนล่าสุด และ น.ส.ธันย์นิชา

ทนายความส่วนตัวของนางสรารัตน์ ดำเนินคดีฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด

คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี โดยวางยาพิษให้เหยื่อกินจนเสียชีวิตในลักษณะเหมือนการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อให้ญาติไม่มีข้อสงสัย ก่อนหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ หรือล้างหนี้ที่เคยยืมกันมา

ส่วนฆาตกรรมต่อเนื่องคือการฆ่าคนมากกว่า 2 คนขึ้นไปโดยทิ้งระยะเวลาห่างกัน ต่างจากการสังหารหมู่ ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีผู้ต้องหาได้แน่นอน และจะไม่เกิดเหตุซ้ำ เช่น คดีนายสมคิด พุ่มพวง หรือคิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ออกจากเรือนจำมาก่อเหตุซ้ำแน่ พร้อมยืนยันว่านางสรารัตน์ มีสภาพจิตปกติทุกอย่าง

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหาติดพนันออนไลน์มีหนี้ในระบบและนอกระบบจำนวนมาก จึงต้องหาเงินมาชดใช้คืนด้วยวิธีการดังกล่าว โดยพบพฤติกรรมก่อเหตุมี 3 ประการ คือ

1.ขับรถไปรับผู้ตายออกมาประทานอาหารจากที่บ้าน ก่อนลอบวางไซยาไนด์และนำไปส่งบ้านกระทั่งผู้ตายเสียชีวิต

2.รับผู้ตายจากบ้านและลอบวางไซยาไนด์จนเสียชีวิต

3.ส่งแคปซูลยาอ้างเป็นยาลดความอ้วนไปให้ผู้ตายถึงที่บ้านซึ่งมีคดีเดียวใน จ.มุกดาหาร หลังผู้ต้องหาเห็นผู้ตายต้องการจะลดน้ำหนักหลังคลอด

หลังก่อเหตุผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หาเหยื่อหรือคนใกล้ตัวเหยื่อว่ามีอาการหรือไม่ หากมีอาการแล้วจะตัดขาดการติดต่อไป

จากนั้นผู้ต้องหาพยายามทำลายพยานหลักฐานโดยไปเอาโทรศัพท์มือถือผู้ตายออกมา ก่อนนำโทรศัพท์อีกเครื่องไปวางไว้แทน

หรือหาทางเอาโทรศัพท์จากญาติผู้ตายทำลายข้อมูลในโทรศัพท์ที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัว รวมถึงยังเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้ตาย และทำหลักฐานเท็จเพื่อไปเอาทรัพย์สินจากญาติผู้ตายด้วย

ส่วนเงื่อนไขตามข้อกฎหมาย ที่พิจารณางดเว้นโทษประหารหากผู้ต้องหาเป็นหญิงตั้งครรภ์นั้น ตามที่นางสรารัตน์ ได้แท้งลูกไปแล้ว จึงถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขข้างต้น และข้อหาที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ขณะที่สำนวนทั้ง 15 คดีจะเริ่มทยอยส่งให้อัยการภายในวันนี้

ส่วนเงื่อนไขตามข้อกฎหมาย ที่พิจารณางดเว้นโทษประหารหากผู้ต้องหาเป็นหญิงตั้งครรภ์นั้น พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ตามที่นางสรารัตน์ ได้แท้งลูกไปแล้ว จึงถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขข้างต้น และข้อหาที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ขณะที่สำนวนทั้ง 15 คดีจะเริ่มทยอยส่งให้อัยการภายในวันนี้

 

 

ด้านพ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ เผยว่า จากการตรวจสอบไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุมียี่ห้อชื่อแพรีแอค ผลิตที่ประเทศสเปน นำเข้าโดย 1 ใน 5 บริษัทในไทย

 

ซึ่งเป็นไซยาไนด์ที่มีความเข้มข้นถึง 75% และสั่งนำเข้ามา 2,000 ขวด ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งพบเป็นล็อตเดียวกันกับขวดของกลางที่ใช้

 

สำหรับสินค้าพบว่าคงเหลือที่ 543 ขวด และอีก 1,600 กว่าขวด ถูกจำหน่ายไปหลายแห่ง ทั้งสถานศึกษา และเทรดเดอร์ต่างๆ 6 แห่ง ที่ประชาชนสามารถสั่งซื้อได้

 

โดยพบว่ามีแห่งหนึ่ง จำหน่ายให้ประชาชนแล้วนำไปใช้ฆ่าตัวตาย ฆ่าสัตว์ หรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ สำหรับนางสรารัตน์ ได้สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทแห่งหนึ่งข้างต้น และผู้ต้องหาให้จัดส่งผ่านแมสเซ็นเจอร์แทนไปรษณีย์

หากย้อนไปดูข้อมูล ที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนสามารถสรุปเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ นางสรารัตน์ฯ ได้ทั้งหมด 15 คดี มีรายละเอียดดังนี้

รายที่ 1 น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ภายในคอนโดพื้นที่ สน.ทองหล่อ รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ ตั้งแต่ช่วงที่อยู่ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดย นางสรารัตน์ฯ เสนอตัวช่วยดูแลอาคารปล่อยเช่าให้ในระหว่างที่ผู้ตายเดินทางไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ และจะขับรถไปรับที่สนามบินทุกครั้งที่กลับไทย ในวันเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถไปรับผู้ตายที่สนามบิน แล้วนำมาส่งที่คอนโดที่พัก ก่อนจะพบเสียชีวิตในวันต่อมา นอกจากนี้พบว่า นางสรารัตน์ฯมีการเอาเงินจากผู้ตายไป รวมถึงทรัพย์สินภายในอาคารปล่อยเช่าได้สูญหายไปหลังจากผู้ตายเสียชีวิต

 

รายที่ 2 น.ส.นิตยา แก้วบุบผา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.63 ภายในห้องพักพื้นที่ สภ.โพรงมะเดื่อ ภ.จว.นครปฐม ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายกับ นางสรารัตน์ฯ ได้มีการนำรถยนต์ไปจำนำจนได้เงินมาจำนวน 150,000 บาท

จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถมารับผู้ตายออกไปรับประทานอาหาร แล้วกลับมาส่งที่ห้องพัก และพบผู้ตายเสียชีวิตในบ้านพักในวันต่อมา

โดยเงินจากการจำนำรถดังกล่าวได้สูญหายไป หลังเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ยังให้สามีของผู้ตายนำเงินจำนวน 150,000 บาท ไปไถ่รถคืนและเอารถยนต์คันที่ผู้ตายใช้สอยไปเป็นของตนเอง

 

รายที่ 3 น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.เมืองมุกดาหาร รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากเล่นแชร์วงเดียวกัน

และเป็นภรรยาตำรวจเหมือนกัน ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้ทวงเงินค่าแชร์จำนวน 600,000 บาท จาก นางสรารัตน์ฯ แต่ไม่ได้รับการชำระแต่อย่างใด

ต่อมา นางสรารัตน์ฯ ได้ส่งยาลดความอ้วนซึ่งปลอมปนสารพิษไซยาไนด์มาให้ผู้ตายทางไปรษณีย์ ผู้ตายทานยาดังกล่าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 4 น.ส.ดาริณี เทพทวี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ภายในบ้านพักพื้นที่ สภ.สามพราน ภ.จว.นครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ จากการที่พักอาศัยอยู่ใกล้กัน

เนื่องจากสามีเป็นข้าราชการตำรวจด้วยกัน และเล่นวงแชร์รวมถึงมีการกู้ยืมเงินด้วยกัน ซึ่งนางสรารัตน์ฯ เป็นหนี้ผู้ตายอยู่ 60,000 บาท

ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ขับรถมารับผู้ตายไปรับประทานข้าวมันไก่ที่ตลาดสามพราน ต่อมาผู้ตายมีอาการแน่นหน้าอก นางสรารัตน์ฯ จึงพามาส่งบ้าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 5 นายสุรัตน์ ทรพับ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.ลูกแก ภ.จว.กาญจนบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

 

ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้ยืมเงินของผู้ตายไป 60,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถยนต์มารับผู้ตายออกไปรับประทานอาหารที่ร้านกาแฟ ก่อนจะพากลับมาส่งที่บ้าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 6 ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 นอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์ของตนเองบนถนนในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ จากการเล่นวงแชร์วงเดียวกัน

และมีการยืมเงินจากผู้ตาย ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้มีการโอนเงินให้กับ นางสรารัตน์ฯ จำนวน 150,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้พาผู้ตายไปดูดวงที่ จ.สมุทรสาคร

และรับประทานอาหารด้วยกัน ก่อนที่ผู้ตายจะขับรถไปส่งนางสรารัตน์ฯ ที่บ้านพัก และพบผู้ตายเสียชีวิตในรถในเวลาต่อมา

 

รายที่ 7 น.ส.รสจรินทร์ นิลน้อย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่ร้านขายผักในตลาดสดมหาชัย พื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากอยู่ในวงแชร์ของ นางสรารัตน์ และถูกนางสรารัตน์ฯ กู้ยืมเงินบ่อยครั้ง ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้ยืมเงินผู้ตายอีกจำนวน 60,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถมาหาผู้ตายที่ตลาด และซื้อสลัดมาให้ จากนั้นผู้ตายได้นั่งกินสลัดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 8 นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.ชะอำ เพชรบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ

เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ ได้หลอกลวงให้ผู้ตายเอาเงินมาปล่อยกู้ ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้มีการนัดพบกับ นางสรารัตน์ฯ ที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน

และได้ทานยาจาก นางสรารัตน์ฯ อ้างว่าช่วยรักษาอาการลองโควิด จากนั้นจึงได้กลับมาที่บ้านและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 9 นางมณีรัตน์ พจนารถ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ที่ตลาดนครปฐมในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ มาประมาณ 3-4 ปี

เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ เป็นญาติของคนรู้จัก และได้มายืมเงินของผู้ตายไปปล่อยกู้ต่อ โดยจะได้ดอกเบี้ยในอัตราสูง

ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้นัดผู้ตายไปพบที่ตลาดนครปฐม ก่อนจะล้มหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

รายที่ 10 น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารัตน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ร้านกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน พื้นที่ สภ.โพธาราม ภ.จว.ราชบุรี

รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ ได้หลอกลวงให้ผู้ตายนำเงินไปไถ่ทองจากโรงรับจำนำ เพื่อนำไปขายต่อทำกำไรจำนวน 650,000 บาท

วันเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ได้ชวนผู้ตายไปไถ่ทองจากโรงรับจำนำ จากนั้นได้พาผู้ตายมาที่ร้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"บิ๊กเต่า" ร่วมกับ ป.ป.ท. บุกจับ "นายก อบต.สำนักทอง" เรียกรับเงินผู้รับเหมาสร้างถนน 1 แสนบาท
นักท่องเที่ยวตายหมู่หลังดื่มเหล้าผสมเมทานอลในลาว
“วราวุธ” เผย ศรส.พิษณุโลก ช่วยเด็กหญิง 12 ปี ถูกแม่แท้ๆ พาไปขายบริการ หาเงินขัดหนี้รายวัน
"กัน จอมพลัง" พา 2 เยาวชนหญิงแจ้งความ หลังถูกแก๊งเพื่อน รุมทำร้าย ถ่ายคลิปอนาจาร ขู่แบล็คเมล์
“สมศักดิ์” ตั้ง คกก. 2 ฝ่าย เคาะเงื่อนไขให้เภสัชฯ จ่ายยา 32 กลุ่มอาการ โดยไม่ต้องไปรพ. ลดความแออัด
บิ๊กเต่า ร่วมกับ ป.ป.ท. จับกุม นายก อบต. สำนักทอง ระยอง เรียกรับเงินจากผู้รับเหมาสร้างถนน 1 แสนบาท นายกฯปฏิเสธ ลั่น ผมไม่ได้ทำจะให้รับสารภาพได้อย่างไร
“นายกฯ” เผยรบ.เร่งพัฒนาปท. "พักหนี้เกษตรกร-แจกเงินหมื่น" ปลื้มเป็น นายกฯหญิงอายุน้อยสุดในโลก
ตม.ชลบุรี บุกค้นแหล่งที่พักต่างด้าวซ่อนตัวทำผิดกฎหมาย และทำงานแย่งอาชีพคนไทย
ชาวบ้าน โล่งใจ ไร้กลิ่นเหม็น จาก การที่ ผู้นำพร้อมชาวบ้านร่วมตรวจสอบ 2 โรงงานแบบจู่โจมไขข้อกังขาจากการที่มีกระแสโซเชี่ยลโพสต์ปลุกประเด็นมีกลิ่นเหม็นอย่างหนักในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม ปรากฏไม่พบความผิดปกติใดๆ
นายอนุทิน ลงพื้นที่จันทบุรีติดตามโครงการสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติงบประมาณ 15 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น