เหลือเวลาอีกแค่ 3 วันก็จะถึงรัฐพิธีเปิดประชุมสภาครั้งแรกประจำปี 2566 ในวันจันทร์ที่ 3 ก.ค.นี้แล้ว ถัดจากนั้นรุ่งขึ้นมีกำหนดการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จนถึงวันระหว่างสองพรรคคือก้าวไกลกับเพื่อไทยยังคุยกันไม่จบยังตกลงกันไม่ได้ ไม่ว่าจะอ้างว่าอย่างไรแต่ 2 พรรคใหญ่ไปกันไม่รอดแน่ๆ ย้อนไปดูประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทยได้ ไม่เคยมีสักครั้งหรือมีก็น้อยครั้งจริงๆที่พรรคอันดับ 1 ที่ชนะการเลือกตั้ง กับ พรรคอันดับ 2 ที่ตามมาจะร่วมหอลงโรง ตกลงปลงใจนั่งในเรือลำเดียวกันเป็นรัฐบาลร่วมกัน เพราะมันผิดธรรมชาติมันผิดปกติวิสัยของการแข่งขัน เที่ยวนี้ก็เหมือนกันผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ก็เป็นไปอย่างที่ทุกคนรู้ ก้าวไกลชนะเลือกตั้งมาอันดับ 1 ได้ ส.ส.151 คน ได้คะแนนพรรคมา 14,438,851 คะแนน ส่วนเพื่อไทยตามมาที่ 2 กวาดส.ส.ไป 141 คน ได้คะแนนพรรคทั้งประเทศมา 10,962,522 คะแนน 2 พรรคได้คะแนนรวมกันกว่า 25 ล้านคะแนน เลยจับมือกันตั้งรัฐบาลประชาชน มี 8 พรรคเข้าร่วม มีส.ส.ในมือ 312 คน แต่จนถึงวันนี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 47 วัน ( 30 มิ.ย.2566) แม้จะมีการประกาศตั้งรัฐบาลไปแล้ว ลงนาม MOU 23 ข้อ 5 แนวทางปฏิบัติในการตั้งรัฐบาลไปแล้ว มีการตั้งคณะทำงานสารพัดชุดขึ้นมาเดินหน้าเข้าสู่อำนาจ แต่ทั้งหลายทั้งมวลทุกอย่างยังเหมือนวนลูปอยู่ที่เดิมเหมือนไม่ได้ไปไหน เสมือนหนึ่งเดินหน้าหนึ่งก้าวแต่ถอยหลังสองก้าว เพราะประเด็นหลักประเด็นสำคัญสองพรรค “ส้ม-แดง” ระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทยยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ฝ่ายหนึ่งอยากแต่งงานใจจะขาด แต่อีกฝ่ายอยากเตะหัวขันหมากอยากโยนทิ้ง เจ้าสาวอยากเข้าโรงหอแต่เจ้าบ่าวอยากฉิ่งหนีงานวิวาห์ งานแต่งงานที่เคยประกาศหมั่นหมายกันใหญ่โตเลยเดินหน้าไม่ได้ไปต่อกันไม่ถึงการเข้าสู่ประตูวิวาห์กันจริงๆ
เรื่องนี้อธิบายไม่ยากเอาแบบบ้านๆเลย ก็เพราะเจ้าบ่าวที่ชื่อ นายเพื่อไทย ทุนนิยมสามานย์ ไม่อยากแต่งงานกับเจ้าสาวที่ชื่อน.ส.ก้าวไกล ณ ล้มเจ้า ทุกเรื่องราวเลยออกมาโอละพ่อจนวุ่นวายกันแบบนี้ มีอย่างที่ไหนเหลือเวลาอีก 4 วันจะโหวตเลือกประธานสภาแล้ว 2 พรรคใหญ่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นประธานสภา เลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาจนจะถึงวันจริงแล้ว ก็ยังไม่ตกผลึกว่าประมุขฝ่ายนิติบัญยัติจะอยู่กับใคร ก้าวไกลก็ไม่ยอมถอยเพราะต้องการเอาเก้าอี้ประธานสภาไปเป็นบันไดขั้นแรกในการแก้ ม.112 เปิดประตูชำเรารัฐธรรมนูญ ทลายกฎหมายสูงสุดทุกเรื่องทุกรูปแบบตามใจพวกกูฝ่ายกู ถ้าไม่ได้ประธานสภาเดี๋ยวจะแห้วแดกเหมือนตอนเสนอกฎหมาย ม.112 คราวที่แล้ว ก่อนโดนสุชาติ ตันเจริญ รองประธานเบรกไว้อีก เพราะกฎหมายมันอุบาทว์เสนอแก้กฏหมายให้คนด่าสถาบันได้แบบเสรีไม่มีความผิดคิดชาติชั่วแบบนี้จะยอมได้ไง ต้องยกย่องความกล้าหาญฝ่ายกลั่นกรองกฎหมายของสภาที่แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ แต่ก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ต่อสู้กับความชั่วช้าของพวกล้มเจ้า ด้วยการเสนอความเห็นไม่ควรบรรจุกฎหมายในสภาถึงสุชาติ สุดท้ายพ่อมดดำเลยตีตกไม่ไฟเขียวให้บรรจุวาระเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ลองบรรจุแก้ไข ม.112 เข้าไปซิ มีหวังตายห่ากันทั้งยวงเข้าคุกกันทั้งหมด เรื่องนี้ต้องชมพ่อมดดำแม้จะทำเรื่องน่าด่าหลายเรื่องแต่กรณีนี้ต้องชื่นชม ขวางกฎหมายล้มเจ้ารอบนี้ต้องปรบมือให้ดังๆ ไม่งั้นบรรลัยกันหมดทั้งสภา
ความจริงแดงกับส้มไม่มีทางไปด้วยกันได้อยู่แล้ว ตอนแรกหลายคนมองว่ามาจากเถือกเถาเหล่ากอเดียวกัน เอาจริงๆไม่ใช่เลย ฝ่ายส้มล้มเจ้าพวกอนาคตใหม่พวกก้าวไกล นิยามจริงๆน่าจะเป็นพวก “ผ่าเหล่าผ่าก่อ” เป็นสปีชี่ส์ใหม่ เป็นพวก “กลายพันธุ์” ก็ว่าได้ เพราะการเมืองไทยไม่มีใครเล่นเกินเบอร์ไปถึงขั้นล้มล้างสถาบัน ริอ่านถึงขั้นล้มล้าง 3 เสาหลักของชาติ ที่ประกอบด้วย “ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” อย่างนี้มันพวกกบฎพวกขายชาติแล้ว เอาจริงๆสมมุติฐานว่าก้าวไกลกับเพื่อไทยมีฐานเสียงเดียวกัน แรกๆอาจจะจริงเพราะเป็นฝ่ายที่อ้างว่าถือหลักประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนฝ่ายก้าวไกลจะวิวัฒน์กองเชียร์ของตัวเองไปไกลมาก ถึงขั้นสถาปนาเป็นพวกลัทธิส้มหรือ “ด้อมส้ม” ไปแล้ว คือไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่มีความนับถือพ่อแม่ ไม่เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ ไร้ศาสนา ศรัทธาแต่แกนนำก้าวไกลอย่างเดียว ที่ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายมากๆ หากจะให้พรรคนี้ คนกลุ่มนี้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองหรือบริหารประเทศ ไปๆมาๆตอนนี้ฐานเสียงของก้าวไกลกับฐานเสียงของเพื่อไทยถูกแยกออกจากกันแล้ว พวกที่ไปใส่เสื้อส้มไม่มีทางกลับมาสวมเสื้อสีแดง แต่พวกที่ใส่เสื้อสีแดงมีโอกาสเปลี่ยนไปใส่เสื้อส้ม ถ้าเพื่อไทยไม่ปรับตัวถ้าเพื่อไทยไม่พัฒนา “จุดแข็ง” หรือ “จุดเด่น” ของตัวเองให้ชัด แฟนคลับแดงจะถูกดูดไปเป็นฝ่ายส้มล้มเจ้าหมด
ถึงบอกไงว่าก้าวไกลกับเพื่อไทยไม่มีวันไปด้วยกันได้ เพราะสองพรรคเป็นศัตรูทางการเมืองโดนตรงระหว่างกัน แม้จะเป็นฝ่ายที่อ้างว่าอยู่ขั้วประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่ลองไปดูจากการเลือกตั้งคราวนี้สิเพื่อไทยเสียส.ส.เก่าให้กับใครมากสุด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือก้าวไกลฝ่ายส้มนี้แหละที่ทำให้ส.ส.เพื่อไทยสอบตกอกหักมากสุด กทม.กวาด 32 จาก 33 จังหวัดใหญ่ๆก้าวไกลกวาดเรียบวุธ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ชลบุรี ฯลฯ ย้อนอดีตเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 อนาคตใหม่ได้คะแนนทั่วประเทศแค่ 6.2 ล้านคะแนน ห่างกัน 4 ปี ก้าวไกลใช้โซเชี่ยลปั่นกระแสดึงคะแนนมาได้ถึง 14.4 ล้านคะแนน ถามว่า 8.2 ล้านคะแนนที่งอกขึ้นมาเอามาจากไหน ก็แย่งมาจากเพื่อไทยไง 4 ปีก่อนเพื่อไทยได้ 7.9 ล้านคะแนนแต่ส่งส.ส.เขตแค่ 250 เขตเท่านั้นนะ มาเที่ยวนี้ขยับขึ้นมาเป็น10.9 ล้านคะแนน ขึ้นมาแค่ 3 ล้านคะแนน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยได้ 18.9 ล้านเสียงในยุคไทยรักไทย 2 สมัยทักษิณ และ 15.7 ล้านเสียงสมัย “เจ๊ปูว์” ยิ่งลักษณ์ รอบนี้คะแนนที่หายไปเสียงที่ร่วงหล่นก็เพราะโดนก้าวไกลใช้กลเกมอุบาทว์ กุศโลบายชั่วช้า หยิบโซเชี่ยลสร้างกระแสจนเพื่อไทยฝ่ายแดงพ่ายแพ้ย่อยย่อย เคยประกาศตั้งเป้าแลนด์สไลด์ 310 คน ถึงเวลาจริงหายไปกว่าครึ่งเหลือได้มาแค่ 141 คนเท่านั้นเอง
บาดแผลครั้งนี้ของเพื่อไทยคิดเหรอว่า ทักษิณ คุณหญิงพจมาน แพทองธาร และคนในตระกูลชินวัตร รวมถึงบริวารข้างกาย อย่าง นพ.พรหมมินทร์ ภูมิธรรม ชลน่าน ประเสริฐ ฯลฯ จะอ่านใจ “นายใหญ่-นายหญิง-ลูกสาว” ไม่ออก แพ้ย่อยยับแบบนี้มันก็ “แค้นฝั่งหุ่น” ดีๆนี้เอง คิดเหรอว่าเพื่อไทยอย่างเป็น “มิตร” กับ “ศัตรู” ที่เพิ่งห่ำหั่นเพิ่งทำสงครามกันมา การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรลองไปถามส.ส.เพื่อไทยสิตอนนี้เกลียดส.ส.พรรคไหนเกลียดพวกไหนมากสุด มีส้มต้องไม่มีแดง มีแดงต้องไม่มีส้ม น้ำกับน้ำมันแม้เป็นของเหลวเหมือนกันแต่ก็เข้ากันไม่ได้ ถ้าเพื่อไทยปล่อยให้ก้าวไกลโตไปวันนี้ วันหน้ารับรองจะไม่มีที่ยืน ชิงจังหวะตัดไฟแต่ต้นลมตอนนี้ดีที่สุด ในสถานการณ์ที่มีกองหนุนมากมายที่พร้อมกระทืบก้าวไกลให้จมดินด้วยข้อหาล้มเจ้าเปลี่ยนการปกครองของแผ่นดิน ประเด็นประธานสภาแค่ยกแรกของความขัดแย้งเท่านั้น คุยกับแทบตายเมื่อวานนี้ยังมีการปล่อยข่าวว่าเพื่อไทยยอมถอยยกประธานสภาให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลจะยอมแลกเรื่องโหวตนายกฯให้เพื่อไทยถ้าพิธาไม่ได้รับการโหวตเกิน 376 เสียงจากสองสภาจริงๆ วันนี้แกนนำสองพรรคก็ออกมาโต้กันวุ่นว่าไม่จริง ขั้วแดง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมมินทร์ ก็ยืนกรานว่าไม่มีเรื่องนี้ อย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวปล่อยมันเยอะ
ชลน่านก็ชี้แจงยังตกลงกันไม่ได้ งงข่าวเพื่อไทยถอยให้ก้าวไกล พร้อมระบุสื่อตีความผิดเรื่องคลุมถุงชน 25 ล้านเสียง ด้านฝ่ายส้มชัยธวัชยิ่งแล้วใหญ่บอกยังไงก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับ 1 ก็ต้องได้เสนอชื่อนายกฯ ได้เก้าอี้ประธานสภา สองคนยลตามช่องต่างคนต่างไปต่างคนต่างมีจุดยืนของตัวเอง ทำไปทำมาก็ลิงหลอกเจ้าเล่นละครเข้าหากันต่างฝ่ายต่างรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง เชื่อน้ำยาได้เลย 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ก้าวไกลถอยเรื่องประธานสภาก็จะแพ้ทั้งกระดานเสียประธานสภาแถมไม่ได้นายกฯ เพื่อไทยถ้าไม่ได้เก้าอี้่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติก็พร้อมออกลูกงอแงเตรียมแผนให้คนของฝ่ายตัวเองเสนอชื่อสุชาติ ตันเจริญ ชิงดำประธานสภาไว้แล้ว 4 ก.ค. 2566 คอยดูวันแตกหักของ “ส้ม-แดง” ยังไงก็ไปกันยาก ส้มพรรคเทวดาไม่มีพวก แดงเก๋าเกมเขี้ยวกว่าแถมมีพวกมีกองหนุนเยอะ ยกแรกประธานสภาถ้าตกลงกันไม่ได้แข่งกันจริงเพื่อไทยเอาไปกินแน่นอน จากนั้นค่อยกินรวบเก้าอี้นายกฯต่อ เพราะพิธาตกเก้าอี้ไม่มีทางได้โหวตให้ไปถึง 376 เสียงแน่นอน การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เพื่อไทยแค่เล่นไปตามเกมเดินไปตามบทถึงเวลาจะเอาคืนส้มล้มเจ้าแบบทบต้นทบดอกแน่นอน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด แดงกับส้มก็มิอาจร่วมทางกันฉันนั้น …..ไม่เชื่อคอยดู
//////////////////////