เศรษฐกิจฟื้นต่อเนื่อง ดันยอดใช้พลังงาน 4 เดือนปีนี้ เพิ่ม 3.8%

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เผย 4 เดือนแรกของปี 2566 ยอดใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มร้อยละ 3.8 จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงมีการผ่อนคลายที่มากขึ้น ส่งผลมีการเดินทางเพิ่มขึ้น

วันนี้ (30 มิ.ย.66) นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานในช่วง 4 เดือนของปี 2566 พบว่าการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 โดยเพิ่มขึ้นมาจากการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ร้อยละ 3.8 ผลมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้น้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มถึง ร้อยละ 89.1 และน้ำมันเบนซิน ร้อยละ 6.2 ในขณะที่พลังงานอื่นๆ มีการใช้ลดลง โดยการใช้ลิกไนต์/ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 8.9

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการใช้พลังงานระยะต่อไป ว่าจะมีผลกระทบจากปัญหาการส่งออก ซึ่งจะมีผลในการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเตรียมประเมินข้อมูลครึ่งปีแรกอีกครั้งในช่วงเดือนส.ค.66

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับสถานการณ์พลังงานรายเชื้อเพลิงในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 สรุปดังนี้

 

 

– การใช้น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน LPG (ไม่รวมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี) และน้ำมันเตา ร้อยละ 89.1 6.2 2.8 และ 2.4 ตามลำดับ ส่วนการใช้น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล ลดลงร้อยละ 34.2 และ 3.4 ตามลำดับ โดยการใช้น้ำมันดีเซลลดลงร้อยละ 3.4 อยู่ที่ระดับ 75 ล้านลิตรต่อวัน การใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 อยู่ที่ระดับ 31 ล้านลิตรต่อวัน สำหรับการใช้น้ำมันเครื่องบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.8 อยู่ที่ระดับ 14 ล้านลิตรต่อวัน ด้านน้ำมันเตา เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 อยู่ที่ระดับ 6 ล้านลิตรต่อวัน

– การใช้ LPG โพรเพน และบิวเทน ลดลง ร้อยละ 3.0 อยู่ที่ระดับ 17.4 พันตันต่อวัน โดยการใช้ LPG เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งมีสัดส่วนการใช้สูงสุดคิดเป็น ร้อยละ 41 มีการใช้ลดลง ร้อยละ 12.7 รองลงมาภาคครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนการใช้คิดเป็น ร้อยละ 33 มีการใช้ลดลง ร้อยละ 1.1 ภาคขนส่งมีสัดส่วนร้อยละ 14 มีการใช้ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.6 ภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วน ร้อยละ 11 มีการใช้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 ในขณะที่การใช้เอง ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 1 มีการใช้ เพิ่มขึ้น/ลดลง ร้อยละ 43.2

– ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) ลดลงร้อยละ 3.8 อยู่ที่ระดับ 4,208 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยลดลงจากการใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าในโรงงาน และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ 13.1 2.0 และ 1.3 ตามลำดับ ในขณะที่การใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3

– ถ่านหิน/ลิกไนต์ ลดลงร้อยละ 2.9 อยู่ที่ระดับ 5,265 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (KTOE) จากการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงร้อยละ 8.9 และการใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 โดยสัดส่วนการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ในประเทศไทยอยู่ที่ 80/20 ซึ่งร้อยละ 51 ของการใช้ถ่านหินอยู่ในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ร้อยละ 96 ของการใช้ลิกไนต์เป็นการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

– การใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 มีการใช้รวมทั้งสิ้น 64,285 กิกะวัตต์ชั่วโมง เป็นการเพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ และอื่นๆ สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าลดลง ปัจจัยจากการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง ส่วนการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 3.7 และการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ลดลงร้อยละ 0.4

โดยความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดของระบบ 3 การไฟฟ้าของปี 2566 (ในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2566) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 เวลา 14:28 น. อยู่ที่ระดับ 33,623 เมกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้าของปีก่อน

 

 

 

 

 

 

นายวัฒนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ อยู่ในระดับ 77.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ในระดับ 93.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับ 94.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ จะอยู่ระหว่าง 81-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซิน จะอยู่ระหว่าง 96-105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซล จะอยู่ระหว่าง 91-98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

 

 

นายวัฒนพงษ์ ระบุว่า สนพ. อยู่ระหว่าง ศึกษาโครงการทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับน้ำมันที่มีคุณภาพตามมาตรฐานยูโร 5 ซึ่ง สนพ. คาดว่า โครงการทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จะทำให้เกิด “โครงสร้างราคา” ที่เหมาะสมตามต้นทุนและสถานการณ์ที่เป็นจริงของตลาด เกิดราคาที่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมัน เกิดการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรฐกิจไทย และภาครัฐสามารถกำกับดูแลระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น