วันที่ 1 ก.ค. 66 นายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชายของผู้ประสบเหตุทางเลื่อนดูดขา ที่ สนามบิน ดอนเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า สวัสดีตอนเช้าวันที่ 2 หลังวันเกิดเหตุครับ
.
ทางครอบครัวกิตติรัตนา ต้องขอขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามาอีกครั้งนะครับ อยากให้ทุก ๆ ท่านทราบจริง ๆ ว่า การได้รับกำลังใจจากคนนับหมื่นในขณะที่พวกเรากำลังเผชิญวิกฤตมันทำให้พวกเราจิตใจเข้มแข็ง และมีกำลังใจที่จะต่อสู้ปัญหาจริง ๆ ครับ
.
เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดกับครอบครัวของเราได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก วันนี้ผมขอเป็นตัวแทนของครอบครัวเป็นผู้เขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เพื่ออัพเดทเรื่องราวและสถานการณ์ทางฝั่งเรา
.
ส่วนที่ 1 อัพเดทอาการของคุณแม่ในเบื้องต้น
.
1. คุณแม่ฟื้นตัวจากการผ่าในครั้งแรกได้ผลเป็นที่น่าพอใจในเบื้องต้น ทานข้าวได้เอง เริ่มพูดคุยได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามทางทีมแพทย์ยังลงความเห็นให้อยู่ในสถานะเฝ้าระวังการติดเชื้อ ยังคงต้องอยู่ต่อในห้อง ICU อีกสักพัก และใคร่ขอความอนุเคราะห์งดเยี่ยมเพื่อให้คุณแม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของบาดแผลและการรักษาฟื้นฟูในระยะยาว
.
2. สภาพจิตใจของคุณแม่เข้มแข็งมาก ๆ ครับ วันนี้เป็นวันที่ 2 หลังวันเกิดเหตุ คุณแม่บอกว่าคุณแม่จะสู้ คุณแม่จะต้องกลับมาเดินได้อีกครั้งครับ คุณแม่ได้ปรึกษากับทั้งทีมแพทย์และครอบครัวในกระบวนการรักษาฟื้นฟูระยะยาวรวมถึงการใส่ขาเทียม
ผมได้ติดต่อเพื่อน ๆ ที่ทำงานในบริษัทนวัตกรรมขาเทียมชั้นนำทั้งในในต่างประเทศ ทุก ๆ คนบอกว่ามีความเป็นไปได้มาก ๆ ที่คุณแม่จะกลับมาเดินและใช้ชีวิตได้จนเกือบเหมือนปกติครับ โดยทั้งคุณแม่และครอบครัวของเราจะสู้อย่างเต็มที่ทั้งในเรื่อง สภาพร่างกาย สภาพจิตใจ และ กำลังทรัพย์ (พวกเราดีใจมากจริง ๆ ที่ยังมีความเป็นไปได้ในเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้)
อย่างไรก็ตามครอบครัวเลือกให้มีจิตแพทย์เข้าร่วมในขั้นตอนการเยียวยารักษา เพื่อให้คุณแม่ฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจครับ
.
3. คุณแม่ขอฝากผมมาขอโทษพี่ ๆ สื่อมวลชน และ สังคมที่ยังไม่สามารถออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ณ วันเกิดเหตุได้ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ คุณแม่ยังไม่ได้มีสติสัมปัชชัญญะเต็มร้อย เพราะความตกใจ ความเศร้า และอาการของฤทธิ์ยาแก้ปวด คุณแม่ขอเวลาทุก ๆ ท่านที่เกี่ยวข้องพักฟื้นอีกสักหน่อย และขอทบทวน เรียบเรียง เรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งปรึกษาทนายความของครอบครัว เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่จะได้มีเผยแพร่ออกไปให้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด
.
4. คุณแม่ขอฝากขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ได้รับจากทุก ๆ ท่านอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าคุณแม่ไม่เคยคิดว่าจะมีกำลังใจหลั่งไหลกันเข้ามา ทั้งจาก ญาติมิตร คนสนิท คนรู้จัก และคนที่ไม่รู้จัก ทุก ๆกำลังใจช่วยเยียวยาจิตใจของคุณแม่มาก ๆ จริง ๆ ครับ
.
5. คุณแม่ขอให้ผมให้ข้อมูลที่เผยแพร่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้พูดถึงถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ท่านได้ตั้งคำถามในหลายประเด็นจากข้อสมมติฐานจากแถลงการณ์ ซึ่งทำให้คุณแม่ยังคงร้องไห้และมีอาการซึมเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวจึงยืนยันที่จะจำกัดการเข้าถึงข่าวสารของคุณแม่ และให้ผมผู้เป็นลูกชายคนโตเป็นตัวแทนในการสื่อสารและเปิดเผยข้อมูลจนกว่าคุณแม่จะพร้อมครับ