“ประกิต ” ซัดแรง “ศิริกัญญา ก้าวไกล” แขวะธปท. โพล่งเพิ่มแบงก์ แก้ดอกเบี้ยเงินกู้

"ประกิต " ซัดแรง "ศิริกัญญา ก้าวไกล" แขวะธปท. โพล่งเพิ่มแบงก์ แก้ดอกเบี้ยเงินกู้

 

จากกรณีที่ “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงกรณีการแก้ดอกเบี้ยเงินกู้ ด้วยการเพิ่มธนาคารนั้น จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

 

 

ล่าสุดนายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ประกิต สิริวัฒนเกตุ ระบุถึงเรื่องนี้ว่า วิธีแก้ดอกเบี้ยแพง คือต้องมีธนาคารเยอะ ๆ จะได้แข่งกันปล่อยกู้ แข่งกันลดดอกเบี้ย หอมกลิ่นปี 2540

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ก่อนหน้านั้น นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้โพสต์ข้อความวิเคราะห์นโยบายด้านเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ชื่นชมความตั้งใจให้เต็ม 10 แต่ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ให้ชาวเน็ตอ่านแล้วคิดกันดู ยันนโยบายไม่แย่ แต่แค่มันยังไม่ใช่

สืบเนื่องมาจากกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ที่เสนอตัวเป็น รมว.คลังในการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ออกรายการเว็บไซต์ลงทุนแมน เจอชาวเน็ตโวยประเทศไม่ใช่ตลาดนัด ชี้นโยบายกระทบตลาดทุน คนรวยโดนรีด คนจนก็ไม่รวยขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นส่วนตัวลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวมองว่าหลายนโยบายก็ไม่ได้แย่ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ใช่ ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

“ไม่แย่ แต่ ไม่ใช่

ได้ฟังว่าที่ รมต.คลัง คุณไหม ศิริกัญญา ตันสกุล ให้สัมภาษณ์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของ ลงทุนแมน (ฟังไปจัดๆ 3 รอบ)

หลายคำถามที่ชวนให้กังวล ได้รับคำตอบที่ต้องบอกว่ายอมรับได้ (ไม่แย่) แต่อีกหลายคำถามที่เกี่ยวพันกับการเติบโต โดยเฉพาะตลาดทุน ยอมรับเลยว่า เหนื่อยแน่ๆ

เนื้อหาการให้สัมภาษณ์จะแบ่งเป็น 2 ช่วง

ช่วงแรกคุณศิริกัญญาจะพูดถึงเป้าหมายและนโยบายที่พรรคก้าวไกลจะทำ

– เศรษฐกิจต้องโตอย่างเป็นธรรม ในอดีตเศรษฐกิจโตก็จริง แต่ดอกผลการเจริญเติบโตไม่ได้รับการกระจายอย่างเป็นธรรม

– มุ่งเน้นการกระจายรายได้ให้เกษตร SME และแรงงาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

– จัดการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันการค้า (ทลายทุนผูกขาด) โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการทำสัญญาผูกขาดกับรัฐบาล เช่น ธุรกิจเครื่องดื่มมึนเมา

– เรื่องของการเติบโต เน้นไปที่เพิ่มศักยภาพของแรงงาน เน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น ชิป และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เน้นเรื่องข้อมูลที่ทุกคนสามารถนำข้อมูลบางส่วนของรัฐไปใช้ได้

– ค่าไฟ จะเร่งคุยกับ กกพ.ปรับค่า FT ลง (ปกติจะมีการปรับทุกๆ 4 เดือน) ดังนั้นค่าไฟน่าจะลดลงได้ภายใน ธ.ค. ทันกรอบ 100 วันแรก

ส่วนที่ 2 คือ เน้นตอบคำถามต่างๆ

– เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน มองว่าเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการขึ้นค่าแรงสู่ดุลยภาพ เพราะที่ผ่านมาค่าแรงขึ้นเฉื่อยและไม่ทันกับเงินเฟ้อ

– จะมีมาตรการชดเชย เยียวยา ให้แก่ SME ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น งดการนำส่งเงินสมทบประกันสังคมได้ 6 เดือน ค่าจ้างนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และปรับลดภาษีนิติบุคคลให้กับ SME (25% เหลือ 10%) การลงทุนในเครื่องจักรสามารถนำมาลดภาษี 1.5-2 เท่า

– เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ นำการลงทุนในเครื่องจักรมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5-2 เท่า

– ช่วงเปลี่ยนผ่าน มีความยืดหยุ่น ผู้ประกอบการสามารถขอเลื่อนหรือขยายเวลาในการปรับขึ้นค่าแรงได้

– ความกังวลว่าจะมีการย้ายฐานการผลิต จะแก้ด้วยการเพิ่มทักษะของแรงงาน (labor productivity) เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้แรงงานเพิ่มทักษะได้ในระยะเวลาสั้นๆ (รัฐบาลจะอุดหนุนครั้งใหญ่ในเรื่องนี้)

– เรื่องทลายทุนผูกขาด มองทุนผูกขาดคือทุนที่มีอำนาจเหนือตลาด หากได้มาด้วยการมีนวัตกรรมของตัวเองอันนั้นโอเค แต่เมื่อไหร่ที่ได้อำนาจเหนือตลาด จากการใกล้ชิดกับรัฐหรือได้มาโดยสัมปทานที่ไม่ได้มีการประมูลอย่างโปร่งใส หรือได้มาเพราะควบรวมโดยยังไม่มีกฎหมายควบคุม พวกนี้จะเข้าไปทลายด้วยการออกมาตรการจัดการ รวมไปถึงยกเครื่องกฎหมายการแข่งขันการค้า

– วิธีการทลายทุนผูกขาด กลุ่มโรงไฟฟ้า ไม่สามารถไปยกเลิกสัญญาสัมปทาน แต่จะแก้ด้วยการเจรจาเพื่อแก้สัญญา เช่นรัฐบาลจะขอเลื่อนการจ่ายค่าความพร้อมจ่ายแลกกับการขยายเวลาสัญญา มองอนาคตกำลังไฟสำรองที่เกินความต้องการจะลดลง (เท่ากับว่าจะมีแผนลดการทำสัญญาโรงไฟฟ้าใหม่ๆ)

– จะมีการทบทวนสัญญาการรับซื้อไฟใหม่ อาจจะต้องมีการเปิดเสรีการซื้อขายไฟฟ้า (ทุกวันนี้มีการผูกขาดโดยรัฐ มี กฟผ.เป็นผู้ซื้อผู้เดียว)

– กลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตอนนี้เหลือผู้ประกอบการ 2 ราย จะปรับกฎระเบียบเปิดเสรีโทรคมนาคม และเร่งเจรจาหาผู้ประกอบการรายที่ 3, 4 มากกว่าที่จะเข้าไปจัดการกับกลุ่มผู้ประกอบการเดิม

– มองเรื่องดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลดลง บางส่วนมาจากตลาดเชื่อว่าก้าวไกลเอาจริงในการทลายทุนผูกขาด แต่สาเหตุใหญ่อื่นๆมาจาก 1. ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงด้วย 2. หุ้นมักจะลงหลังเลือกตั้ง 3. ฝรั่งขายเพราะความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเกิดจากปม รธน.ปี 2560 ที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีความยากลำบาก

– การเก็บภาษีจากกำไรเงินลงทุน Capital Gain Tax (CGT) มีความเป็นธรรมต่อนักลงทุนรายย่อยมากกว่าภาษีจากการขายหุ้น Financial Transaction Tax (FTT)

– มองว่าการลงทุนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นกู้ พันธบัตร ที่ดิน หรือฝากเงินไว้ในธนาคารฯ ล้วนต้องเสียภาษี แต่การซื้อขายหุ้นกลับไม่เสียภาษี ถ้ามองที่ความเป็นธรรม การเก็บ CGT ดูเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามยังต้องมีการศึกษาผลกระทบ จากผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสีย (ตอนนั้นเป็นพี่ทอม ไพบูลย์ เป็นผู้ถาม และถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้เสียประโยชน์จะไม่เห็นด้วยกับ CGT)

– ภาษีจากความมั่งคั่ง wealth tax จะเก็บจากผู้ที่มีสินทรัพย์ (รวมหุ้นที่ถือด้วย) ลบหนี้สิน เกิน 300 ล้านบาท ส่วนที่เกินตั้งแต่บาทแรกจะเก็บ 0.5% มีอยู่ประมาณ 1 แสนรายทั่วประเทศ

– ไม่คิดว่า wealth tax จะทำให้การออก IPO ของบริษัทต่างๆ ลดลง เพราะผลกระทบน้อย การได้ประโยชน์จากการระดมทุน เทียบกับ cost of fund จากแหล่งอื่น การเสีย wealth tax ถือเป็นต้นทุนที่เล็กน้อย

– ภาษีทรัพย์สิน เป็นแนวทางหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำ ที่ผ่านมาคนอาจไม่สบายใจในการเสียภาษี แต่วันนี้ก้าวไกลจะใช้ภาษีให้คุ้มค่า เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข สร้างสวัสดิการมีหลักประกันที่มั่นคงในชีวิต

– RMF ในการนำมาหักลดหย่อนภาษี ควรมีอัตราที่เป็นธรรม ไม่เกิน 15% (เพื่อไม่ให้ลดหย่อนมากจนเกินไป) ส่วน LTF ตอนนี้เป็น SSF มองว่าตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องดีมากแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเอา LTF กลับมาอีก

– เห็นความสำคัญของตลาดทุน จะเน้นการเข้าไปทำให้เกิด fair game มุ่งเป้าไปที่ ก.ล.ต.ในการจัดการเอาผิดผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย

– ภาษีนิติบุคคล มองว่ามีช่องว่าง Gap กับภาษีบุคคลธรรมดาที่กว้างมาก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จะมีการทยอยขึ้นภาษีนิติบุคคลจาก 20% เป็น 23% และปรับลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา

– จะไปมุ่งขึ้นภาษีที่ดินก่อน การขึ้นภาษีนิติบุคคล

– จะมุ่งไปที่รัฐสวัสดิการ (ไม่ถึงขั้นกลุ่มประเทศ Scandinavia Model) แต่ต้องให้ถึงขั้นสวัสดิการพื้นฐาน)

– แหล่งที่มาของเงิน แม้จะไม่ทำรัฐสวัสดิการ แต่โปรแกรมภาษีกำลังรออยู่ จากสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้การ refinance พันธบัตรชุดต่างๆ ส่งผลให้รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละปีไปชนขอบวินัยการคลังภายในปี 2570 ดังนั้น ก.คลัง (รัฐบาลชุดก่อน) มีแผนอยู่แล้วในการจะขึ้นภาษีต่างๆ

– ก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีดังกล่าว เพราะจะเป็นการไปไล่เบี้ยกับประชาชนคนเล็กคนน้อย เช่น VAT และยกเลิกการยกเว้นผู้มีรายได้ 1.5 แสนบาทแรก

– จะเน้นการเก็บภาษีจากผู้ที่มีความสามารถในการจ่าย และจัดการกับงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณฐานศูนย์ ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นทิ้งไป และอุดรูรั่วเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ใช้ AI จับโกง

– ภาษีที่ดิน ภาษีค่าเช่า และภาษีอื่นๆ จะต้องมีการขันนอต เก็บให้มีประสิทธิภาพ

จากที่คัดย่อการให้สัมภาษณ์มา ผมขอสรุปตามความคิดเห็นของผมนะครับ

เป็นไปตามที่ Live ในทุกเช้าว่า เขาจะมุ่งสู่การเป็นรัฐสวัสดิการ เน้นการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ลดกำไรส่วนเกินของกลุ่มทุนใหญ่ ผ่านการขึ้นค่าแรง ภาษี และเพิ่มคู่แข่ง ด้วยการสร้างความเข้มแข็งให้ SME

แม้จะไม่มีการไปยกเลิกสัญญา รวมไปถึงขวางการควบรวมที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่จะมีการออกมาตรการ กฎหมายการค้าต่างๆ

ดังนั้น จากนี้ประสิทธิภาพการทำกำไร การเติบโตของกลุ่มทุนใหญ่จะเหนื่อยและยากกว่าเดิม และกระทบการลงทุนแน่นอน

ส่วนความเหมาะสมของตำแหน่ง รมต.คลัง จากการฟังความคิดเห็นต่างๆ คุณศิริกัญญามีความรู้ในสิ่งที่ตัวเองจะทำเป็นอย่างดี แต่ภาพเศรษฐกิจของประเทศมันมีการเชื่อมโยงกันหลายส่วน หลายคำตอบยังไม่เคลียร์ และมีคำถามต่ออีกมากมาย

เช่น เรื่องการขึ้นค่าแรงมีความเฉื่อยและตามเงินเฟ้อไม่ทัน แล้วผลกระทบจากการกระชากค่าแรงขึ้นจะยิ่งเป็นการเร่งเงินเฟ้อหรือไม่ สุดท้ายแล้วต้องขึ้นค่าแรงรุนแรงไปเรื่อยๆ หรือไม่

หรือการขึ้นค่าแรงจะทำให้มีการย้ายฐานการผลิตหรือไม่ คำตอบว่าต้องไปเร่งเพิ่มทักษะแรงงาน ยังเป็นคำตอบที่ชวนให้สงสัยว่ากลุ่มทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในประเทศไทยนั้น เขามาด้วยค่าแรงเราถูกและเหมาะกับงานที่ใช้ทักษะไม่สูงมิใช่เหรอ หากต้องการทักษะสูง ค่าแรงสูง เขาจะย้ายฐานมาทำไม

ผลกระทบเรื่องนี้กลับไม่มีการพูดถึง เช่นเดียวกับความรู้ความเข้าใจในกลไกตลาดทุนต่อระบบเศรษฐกิจ

คำตอบที่ได้รับคือ ต้องมีการไปศึกษาก่อน

ถ้าเรื่องความตั้งใจในสิ่งที่จะทำผมให้เต็มสิบ แต่ถ้าเรื่องความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ทุกท่านลองไปฟังและให้คะแนนกันเอาเองนะครับ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น