“ส้ม ภรณี” สวนเจ็บ “ศิริกัญญา” โชว์กึ๋นเพิ่มแบงก์ แก้ดอกเบี้ยกู้ ยันการเงินยุคใหม่ไม่จำเป็น แถมเสี่ยง bank run

"ส้ม ภรณี" สวนเจ็บ "ศิริกัญญา" โชว์กึ๋นเพิ่มแบงก์ แก้ดอกเบี้ยกู้ ยันการเงินยุคใหม่ไม่จำเป็น แถมเสี่ยง bank run

จากกรณีที่ “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงกรณีการแก้ดอกเบี้ยเงินกู้ ด้วยการเพิ่มธนาคารนั้น จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

 

 

นางสาว ภรณี วัฒนโชติ (ส้ม) อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ “ส้ม ภรณี วัฒนโชติ | Som Poranee Wattanachot” ระบุว่า
คำถามชวนคิด: “จำนวนธนาคารเพิ่มขึ้น ดอกต่ำ กู้ง่าย” จริงหรือ?

1. ข้อเท็จจริง จำนวนธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยนับเฉพาะที่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีทั้งหมด 17 แห่ง และธนาคารรัฐอีก 6 แห่ง ซึ่งแบงค์ชาติได้กำหนดให้มี virtual banking อีก 3 ใบอนุญาต เนื่องจากเป็นช่วงทดลองขั้นต้นในsandbox ของแบงค์ชาติ จึงรวมมีธนาคาร 26 แห่ง

**มากกว่าที่มีผู้กล่าวหาแบงค์ชาติว่าธนาคารในประเทศไทยมีน้อยกว่า 20 แห่งเมื่อรวมใบอนุญาติ virtual banking แล้ว

ซึ่งจำนวนที่ไทยเรามีอยู่เรียกว่าน้อย หรือไม่ ขอยกตัวอย่างประเทศเกาหลีที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 3เท่านิดๆ มีจำนวนธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง และ ธนาคารรัฐฯ 5 แห่ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ธนาคาร กับทุนใหญ่ ตัดขาดกันได้จริงหรือ?

ไม่ใช่ทุนใหญ่ เงินทุนไม่มากพอ ไม่มีเงินค้ำประกันกับแบงค์ชาติ รับฝากเงินแล้ว แกล้งล้ม rugpull กันได้ง่ายๆแบบสถานการณ์ของหลายๆเหรียญในโลกcrypto และเมื่อมีความกังวลคนแห่ไปถอนเงินฝากออกพร้อมกัน จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเหตุ bank run ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ความเสียหายจะเกิดกับประชาชน แบงค์ล้ม ไม่มีเสถียรภาพทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจพังทั้งระบบ

3. อยากลดดอกเบี้ยเงินกู้ ต้องเปิดธนาคารเพิ่ม จริงหรอ?

อาจไม่เสมอไป เพราะตัวแปรในการคิดอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้อย่างง่าย คือ
ต้นทุนทางการเงิน + อัตราผลกำไร + ดอกเบี้ยพรีเมี่ยมชดเชยความเสี่ยงตามลักษณะของผู้กู้

ดังนั้น การเพิ่มจำนวนธนาคารอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่การช่วยให้สถาบันการเงิน(ไม่ใช่แค่เพียงธนาคาร และไม่จำเป็นที่ต้องกำหนดว่าธนาคารเท่านั้นจึงจะสามารถปล่อยกู้ได้) โดยเมื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ได้

จะช่วยขยายฐานคนที่จะเข้าถึงเงินกู้ในระบบ และ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น

-การส่งเสริมการประเมินความเสี่ยงทางเลือก (Alternative Credit Scoring) ในการปล่อยกู้ เช่น fastwork ที่ช่วยให้ฟรีแลนซ์เข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้
-ใบอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ เช่น
-ใบอนุญาตสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง
-ใบอนุญาตการกู้ยืมทางดิจิตอล (digital lending license) เช่น Shopee
-ใบอนุญาตสินเชื่อให้กู้ไร้ตัวกลาง (Peer-to-peer lending) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเงินและดอกเบี้ยได้เป็นอย่างดี

 

ซึ่งมีบริษัทผ่านขั้นตอนทดสอบsandbox กับแบงค์ชาติแล้ว 5 ราย เช่น ฟินเทคสตาร์ทอัพ peer power เป็นต้น

ดังนั้นด้วยเครื่องมือทางการเงินยุคใหม่ แนวความคิดการเพิ่มจำนวนธนาคาร เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ จึงมีความจำเป็นน้อยลง (เพราะมีวิธีอื่นที่ดีกว่าและสร้างความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจน้อยกว่า)

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”
KIA-PDF ตีวงล้อมพม่า! ทอ.โผล่ช่วย แต่ยิงพลาดเป้า-สอยร่วงพวกเดียวกัน
จังหวัดฉะเชิงเทราปล่อยปลากะพงขาวเสริมทัพ คุมปลาหมอคางดำต่อเนื่อง ชูกินได้-อร่อยด้วย
ห้าดาว คว้า 3 รางวัลใหญ่ 'แฟรนไชส์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2024' พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการสู่ธุรกิจมั่นคง
ปลาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำญี่ปุ่นล้มป่วยเพราะเหงา
“ดร.เฉลิมชัย” ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการน้ำบาดาลระยะไกล แก้ปัญหาพื้นที่ขาดแคลนน้ำให้แก่ประชาชน ต.นาข่า จ.อุดรธานี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น