กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ายินดี เมื่อ“พลายศักดิ์สุรินทร์” เดินทางกลับประเทศไทย หลังถูกส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกาตั้งแต่ 22 ปีก่อน ภายหลังพบว่ามีชีวิตที่ตกระกำลำบาก ไม่ได้รับการดูแล จนทำให้เจ็บป่วยร่างกายทรุดโทรม และทางวัดที่นำพลายศักดิ์สุรินทร์ไปเลี้ยง ได้ใช้งานพลายศักดิ์สุรินทร์ ซึ่งวัตถุประสงค์การขอช้างเชือกนี้ของศรีลังกามีเอกสารระบุว่า ขอนำไปแห่พระบรมสารีริกธาตุ แต่เมื่อไทยมอบให้กลับส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปอยู่วัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวง โดยการนำไปเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนทำให้ขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง ก่อนหลายฝ่ายร่วมกันผลักดันทวงคืนพลายศักดิ์สุรินทร์กลับคืนสู่บ้านเกิด พร้อมนำมารักษาตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองไทยอีกครั้ง
สำหรับการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับบ้าน มีการเคลื่อนย้ายช้างจากสวนสัตว์เดฮิวาลา มายังสนามบินโคลัมโบ ก่อนจะนำช้างขึ้นเครื่องบิน Ilyushin IL-76 (อิลยูชิน อิล-76) เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ณ สนามบินเชียงใหม่ ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา จากนั้นจะมีการนำพลายศักดิ์สุรินทร์ไปดูแลรักษาอาการป่วย ที่ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ในวันเดียวกัน
แต่ความสำเร็จในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ “คุณหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา” ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ประสานงานพาพลายศักดิ์สุรินทร์ประเทศไทย ซึ่งได้เปิดเผยกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ถึงแผนการนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับประเทศไทย ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ เพราะงาที่โค้งยาว หรือเรียกว่างาอุ้มบาตร จึงทำให้ต้องใช้ช้างไปเดินในขบวนแห่กว่าเดือนละ 30 ครั้ง จนขาซ้ายด้านหน้างอเข่าไม่ได้ และมีฝีขนาดใหญ่ด้านหลังทั้งสองแห่ง
เช่น ต้องจองเครื่องบินขนาดใหญ่พิเศษนานนับเดือน เพราะเป็นเครื่องบินขนส่งเฉพาะกิจ จากประเทศรัสเซีย โดยเครื่องบินลำนี้ จะบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก อาทิ รถถัง การขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มีค่าใช้จ่ายกับภารกิจในครั้งนี้ รวมกว่า 17 ล้านบาท ได้รับความอนุเคราะห์จากรัฐบาล นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้อนุมัติงบฉุกเฉินให้