การช่วงชิงตำแหน่งประธานสภาฯระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจบสิ้นลงโดยนายวัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติเป็นผู้คว้าตำแหน่งดังกล่าวไปครองอย่างไร้คู่แข่ง โดยขั้นตอนจากนี้ไปจะเป็นกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลหรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป
ทั้งนี้ยังมีประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจและไม่อาจมองข้ามไปได้คือการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่าน โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ระบุถึงกระบวนการต่างที่ทั้งสองพรรคจะทำร่วมกันไว้ 4 ข้อ โดยข้อ 1-3 เป็นเรื่องการผลักดันตำแหน่งประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อความเอกภาพระหว่างสองพรรคในการจับมือไปด้วยกันอย่างสุดความสมารถ
แต่ที่น่าอดสูยิ่งนักคือกระบวนการผลักดันการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยในข้อที่ 4 ที่ระบุชัดเจนว่า ทั้งสองพรรคจะร่วมผลักดันการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งการประกาศจับมือผลกดันกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องถามกลับไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะยินยอมให้บุคคลผู้กระทำความผิดในมาตรา 112 ที่ให้ร้ายโจมตีสถาบันกษัตริย์มาอย่างต่อเนื่องกลายเป็นผู้พ้นผิดจากการออกกฎหมายนิโทษกรรมหรืออย่างไร
พรรคเพื่อไทยอย่าทำเป็นหลับตาข้างเดียว เนื่องจากรู้ดีว่านโยบายการออกกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการให้กลุ่มผู้กระทำผิดมาตรา 112 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแกนนำ และมวลชน 3 นิ้วพ้นมลทินจากการกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น นายอานนท์ นำภา , นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน , น.ส. เบจา อะปัญ , น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง , นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ฯลฯ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาการออกกฎหมายนิรโทษกรรมถือข้อเสนอใหญ่ที่สุดของพรรคก้าวไกล โดยบรรจุอยู่ในนโยบายชุดแรกของพรรคก้าวไกลที่เรียกว่า “ไทยก้าวหน้า”ที่ระบุชัดเจนว่า ต้องการคืนความเป็นธรรมและอนาคตให้กับประชาชนที่ต้องคดีการเมืองเพียงเพราะแสดงความเห็นต่าง และวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
นอกจากนี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เคยแสดงความคิดเห็นเมื่อครั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลในเรื่องนิรโทษกรรม “หากเรามีเสียงมากพอเราจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งรวมถึงคดี 112 ให้กับเยาวชนคนหนุ่มสาวเขาไม่ใช่อาชญากรไม่ใช่คนที่ทำร้ายประเทศแต่เป็นคนที่หวังดีอยากเห็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าในแบบฉบับของเขาเอง จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการ 1 ชุดพิจารณาคนที่ได้รับสิทธิ์ และหากได้รับสิทธิ์นั้นด้วยตนก็จะขอสละสิทธิ์เพื่อเผชิญหน้าในคดีการเมืองนี้”
ตรงนี้จึงถือว่าชัดเจนยิ่งนักถึงเหตุผลที่พรรคก้าวไกลต้องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อชำระล้างบุคคลผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ให้กลับมาสะอาดเอี่ยม และขณะเดียวกันหากการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสำเร็จจะทำให้คนในพรรคก้าวไกลได้ประโยชน์โดยตรงไปด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามี ส.ส.ในพรรค รวมถึงกลุ่มบุคคลระดับแกนนำในคณะก้าวหน้าต้องคดี 112 กันถ้วนหน้า ยกตัวอย่างเช่น