เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ท่านประธาน!!” โดยระบุว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หรือ วันนอร์ เป็นประธานสภาฯที่ทุกฝ่ายยอมรับการทำหน้าที่ ซึ่งเกมตำแหน่งประธานสภา เริ่มเห็นร่องรอยการเปลี่ยนมาสู่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เนื่องจากนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ ไปคุยกับนายสุชาติ ตันเจริญ ผู้เป็นพ่อ แล้วโพสต์ว่าพ่อเชื่อฟังลูกเพื่อเห็นแก่ประชาธิปไตย จึงแสดงถึงการเปลี่ยนเกมแล้ว เมื่อนายสุชาติไม่รับเป็นประธานสภา หวยจึงมาออกที่นายวันนอร์ ซึ่งทุกฝ่ายล้วนยินดี และไม่มีฝ่ายไหนเสียสักคน แต่ได้กันทุกฝ่าย ดังนั้นเสียงของสภาจึงออกมาเป็นเอกฉันท์
“จตุพร” ชี้จุดเปลี่ยนประธานสภาฯ “มดดำ” ต่อสายกล่อมพ่อ เชื่อเกมชิงนายกฯ พลิก คาด “พิธา” แข่งเดี่ยวไม่มีคนประกบ ปล่อยรัฐสภาลงมติใช้เสียง 376 ชี้ขาด ไม่ถึงก็ไม่ผ่าน จับตาเกมฝ่าย 188 เสียงได้โอกาสดึง 63 เสียงจาก 312 มาตั้งรัฐบาล ดัน “ประวิตร”ยืนหนึ่งนายกฯ
ข่าวที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร เห็นว่า การเลือกประธานสภาฯ เป็นเพียงเกมยกที่หนึ่งเท่านั้น ส่วนหนทางข้างหน้าเป็นการเลือกนายกฯ จะพิสูจน์ความจริงใจและเอกภาพของ 8 พรรค 312 เสียง ซึ่งยากอย่างยิ่งที่จะหาเสียงมาเติมให้ครบ 376 เสียง เพื่อนายพิธาจะได้เป็นนายกฯ แต่ทั้งหมดต้องลุ้นในวันเลือกนายกฯ นอกจากนี้เชื่อว่าการโหวตเลือกนายกฯ คงมีความเป็นไปได้ว่านายพิธาจะถูกเสนอให้สองสภาลงมติคนเดียว แต่หากยังไม่ถึง 376 เสียงก็มีโอกาสให้ลงมติได้อีกสักครั้ง เพื่อพิสูจน์ความข้องใจให้หายสิ้นสงสัยไปเลย ว่า ส.ว.ไม่โหวตเสียงให้ ถ้านายพิธาหมดความข้องใจ และมติไม่ผ่าน 376 เสียงแล้ว ก็ถึงคิวอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน สองแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย
แต่ที่สุดเชื่อได้ว่าคงได้เสียงเพียง 312 เสียงเท่ากัน ดังนั้นผลลัพธ์ก็ออกมาไม่แตกต่างจากนายพิธา จึงเปิดโอกาสให้ฝ่าย 188 เสียง เข้ามาก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยการหาเสียงอีก 63 เสียง จากฝ่าย 8 พรรคมาหนุนเพิ่มให้เสียงถึง 251 เสียง แล้วนำ ส.ว. 250 เสียงมาเติมก็ได้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ดังนั้นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังยืนหนึ่งอยู่ เพื่อมาข้ามความขัดแย้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง