จับสัญญาณเกม “เพื่อไทย” พลิกขั้วทิ้ง “ก้าวไกล”

เจาะลึกโหวตประธานสภาฯไม่ปกติ เหตุพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ส่งผู้ท้าชิงลงชิงชัย ชี้พิรุธมีนัยยะแอบตกลงอะไรบางอย่างกับเพื่อไทยหรือไม่ พร้อมจับสัญาณภูมิใจไทยไม่โหวตรองประธานสภาฯ ให้รวมไทยสร้างชาติไทยเป็นการปลดแอกพันธะพรรคร่วมเดิมหรือไม่ พร้อมส่งเกมเพื่อไทยดันก้าวไกลสุดความสามารถ ก่อนทิ้งไว้กลางทาง จัดตั้งรัฐบาลเอง

เจาะลึกโหวตประธานสภาฯไม่ปกติ เหตุพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ส่งผู้ท้าชิงลงชิงชัย ชี้พิรุธมีนัยยะแอบตกลงอะไรบางอย่างกับเพื่อไทยหรือไม่ พร้อมจับสัญาณภูมิใจไทยไม่โหวตรองประธานสภาฯ ให้รวมไทยสร้างชาติไทยเป็นการปลดแอกพันธะพรรคร่วมเดิมหรือไม่ พร้อมส่งเกมเพื่อไทยดันก้าวไกลสุดความสามารถ ก่อนทิ้งไว้กลางทาง จัดตั้งรัฐบาลเอง

 

 

การเมืองไทยเริ่มเข้มขั้นขึ้นทุกขณะ หลังการเลือกประธานสภาฯผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย โดยนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ได้รับเลือกเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติแบบไร้คู่แข่ง แต่สิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่งคือการเลือกประธานสภาฯในครั้งนี้มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

อะไรคือความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะโดยปกติการเสนอชื่อประธานสภาฯตั้งแต่อดีตจะพบว่า พรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาล และพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านจะส่งชื่อประธานสภาฯลงชิงตำแหน่ง โดยการเลือกตั้งในปี 2562 พรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อนายชวน หลีกภัยจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานสภาฯ ขณะที่ 7 ร่วมฝ่ายค้านในครั้งนั้นส่งชื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ท้าชิง และนี่คือความปกติของการเมืองไทยในระบบรัฐสภาไทย

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การเลือกประธานสภาฯเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา มีข้อพิรุธที่ไม่ปกติเกิดขึ้น คือ ทำไมพรรครัฐบาลเดิมที่ประกอบไปด้วย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ฯลฯ จึงไม่เสนอชื่อประธานสภาฯเข้าแข่งขันกับ 8 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

อะไรคือคือสิ่งผิดปกติที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ส่งชื่อประธานสภาฯเข้าแข่งขัน ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า พรรคร่วมเดิมอาจมีข้อตกลงอะไรบางอย่างกับพรรคเพื่อไทย เพราะตามครรลองประชาธิปไตย กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่มีเหตุผลที่จะไม่เสนอชื่อประธานสภาฯเข้าแข่งขัน แต่ในครั้งนี้ทั้งพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปัตย์ต่างปิดหู ปิดตาเงียบเป็นเป่าสาก

 

ที่น่าสงสัยยิ่งขึ้นเมื่อมีการเสนอชื่อรองประธานสภาคนที่สองที่มาจากพรรคเพื่อไทย คือนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ปรากฎว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ได้ส่งชื่อใครลงชิงดำ แต่พอมาถึงคิวพรรคก้าวไกลที่เสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ปรากฎว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย เข้าชิงชัย ซึ่งตรงนี้มองได้หรือไม่ว่า สาเหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่เสนอชื่อประธานสภาฯแข่งขันกับนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา อีกทั้งยังไม่เสนอชื่อรองประธานสภาฯแข่งกับนายพิเชษฐ์เ ป็นการส่งสัญาณทอดสะพานความเป็นมิตรไปถึงพรรคเพื่อไทย โดยผ่านการตกลงและวางแผนกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่

 

ส่วนความผิดปกติลำดับต่อมาคือการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกรองประธานสภาฯคนที่สองจากพรรคก้าวไกลพบว่า นายปดิพัทธ์ได้คะแนนเสียงจาก 8 พรรคการเมืองท้วมท้นเต็มคาราเบล 312 เสียง โดยเฉพาะ 141 เสียงของเพื่อไทยเทไปให้ก้าวไกลครบถ้วนไม่มีแตกแถวถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า เพื่อไทยสนับสนุนก้าวไกลอย่างสุดความสามารถตามข้อตกลงเอ็มโอยูที่เซ็นร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

 

ขณะที่นายวิทยา จากรวมไทยสร้างชาติได้คะแนนจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจำนวน 105 เสียง งดออกเสียง 81 บัตรเสีย 2 ใบ โดยการงดออกเสียงมาจากภูมิใจไทยทั้งพรรคด้วยจำนวน 71 เสียง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล อ้างว่าเป็นการปล่อยให้ ส.ส.ในพรรคมีอิสระในการโหวต แต่ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวออกมาว่า สาเหตุที่ภูมิใจไทยไม่โหวตให้นายวิทยาเป็นเพราะต้องการสื่อให้รู้ว่า ภูมิใจไทยไม่มีข้อตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งตรงนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณสะกิดไปถึงเพื่อไทยให้รับรู้ไม่ว่า ขณะนี้พรรคของเสี่ยหนูไม่มีพันธะใด ๆ กับกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีก็น่าเชื่อว่า เสียงในฝั่ง 8 พรรคการเมืองที่โหวตใหนายพิธาจะท้วมท้นเหมือนเดิมคือ 312 เสียง โดยเฉพาะ 141 เสียงของเพื่อไทยจะเทให้ก้าวไกลครบถ้วนสุดความสามารถเช่นเดิม แต่ถ้านายพิธาไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว. ในการโหวตในครั้งแรก จากนั้นหากมีการโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯในครั้งที่สอง และครั้งที่สาม แต่นายพิธายังไม่ผ่านด่าน ส.ว.เช่นเคยทั้งที่เพื่อไทยเทเสียงสนับสนุนทุกครั้ง

ตรงนี้ต่างหากคือไฮท์ไลท์สำคัญ เพราะเมื่อนายพิธาไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากติดหล่มของของ ส.ว. ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยพลิกสถานการณ์ โดยอ้างว่าที่ผ่านมาเพื่อไทยทำทุกทางเพื่อสนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างสุดความสามารถ แต่นายพิธาไม่สามารถผ่านด่าน ส.ว. จึงขอเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลเอง โดยอาจไปจับขั้วกับพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมอย่างพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคพันธมิตรขั้วเดิมอย่างพรรคประชาชาติ เพื่อไทยรวมพลัง และพรรคเสรีรวมไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก

จากนั้นจะทิ้งก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านไปโดยปริยาย พร้อมให้เหตุผลสวย ๆ อีกว่าหากก้าวไกลยังร่วมรัฐบาล จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยในการเสนอชื่อนายกฯไม่ผ่านด่าน ส.ว.อยู่ดีไม่ว่าจะเป็น น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน เนื่องจากก้าวไกลมีนโยบายแก้มาตรา 112 รวมถึงนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และสถาบันฯ จึงจำเป็นต้องสลัดก้าวไกลออกไปให้พ้นทาง

จากท่วงท่าทำนองในบริบทการเมืองของเพื่อไทยและก้าวไกล จากนี้ไปจึงต้องจับสัญาณการเมืองให้ดีว่า ขณะนี้เกมของเพื่อไทยในการกินรวบทั้งกระดานกำลังดำเนินแบบเป็นขั้นตอน โดยทุกอย่างสอดรับกันไปหมดอย่างมีชั้นเชิงในทุก ๆ ทาง?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กู้ภัยเจอแสงไฟมือถือ ใต้ซากตึกสตง. โซน B สแกนพบร่างคน ลุ้นความหวังรอดชีวิต
"อนุทิน" เผยปภ.ชงเพิ่มเงินชดเชยผู้เสียชีวิต "ตึกสตง." ถล่มเป็น 1 แสน ยังไม่สรุปสาเหตุรอผลสอบให้ชัด
เปลือกโลกขยับ “เชียงใหม่” แผ่นดินไหวถี่ยิบ “กูรู” เผยสภาพ “เขื่อนแม่งัดฯ”
"สรรเพชญ" จี้เร่งสอบเหตุตึกสตง.ถล่ม ลั่นคือบทเรียนใช้งบฯแผ่นดิน ต้องคุ้มค่า-ปลอดภัย
"กินเนสก์บุ๊ค" เตรียมบันทึกสถิติโลก ฟ้อนเล็บคุ้มเจ้าหลวงอัตลักษณ์เชียงใหม่ ฉลองสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี
"อนุทิน" เปิดกระทรวงมหาดไทย ให้ขรก.อวยพรสงกรานต์ ขอบคุณ ทุกคนทำงานเต็มที่
กรมการค้าต่างประเทศ สั่งคุมเข้มสินค้าเฝ้าระวัง 49 รายการ เสี่ยงสูงส่งออกสหรัฐฯ
“เอกนัฏ” ปรับแผน สั่งทีมสุดซอย นำหมายศาลค้น “ซิน เคอ หยวน” เก็บคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หาข้อมูล
"ถ.มิตรภาพ" โคราช รถเริ่มมาก ปชช.ทยอยเดินทางกลับอีสาน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หญิงชาติพันธ์ุไทเกล้า'มวยผมนกยูง'รับเทศกาลสาดน้ำในยูนนาน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น