“อัษฎางค์” เปิดโปงขบวนการ อยากเปลี่ยนประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เทียบชัด 3 ข้อ ก้าวไกลเจตนาแก้ 112 ไม่ต่างจากปฏิวัติ

"อัษฎางค์" เปิดโปงขบวนการ อยากเปลี่ยนประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เทียบชัด 3 ข้อ ก้าวไกลเจตนาแก้ 112 ไม่ต่างจากปฏิวัติ

 

6 ก.ค.2566 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า

“ปฎิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม”

 

 

อนาคตใหม่ ก้าวหน้า ก้าวไกล กับม็อบสามนิ้ว มีแนวทางทางการเมืองไปในทางเดียวกัน ถึงแม้จะยอมรับว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ก็ตาม แนวทางทางการเมืองไปในทางเดียวกันที่ว่า คือการอ้างว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีปัญหาจึงต้องปฎิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ความต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้นแฝงความต้องการปฏิวัติ ดังที่ปรากฏชัดบนเวทีม็อบสามนิ้ว ทำให้ถึงต้องการปฏิรูปแฝงปฏิวัติ ?

 

 

คำตอบก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหนึ่งเดียวกับชาติไทย
และการปกครองของชาติไทยเรียกว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันหมายความว่า ประชาธิปไตยที่มีประชนชนเป็นใหญ่นั้น ยังมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประชาธิปไตยและประชาชน

ดังนั้น ความต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่แฝงความต้องการปฏิวัติ คือความต้องการจะกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากการเป็นประมุข หรือไม่ หรือแฝงความต้องการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย โดยไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ ตามที่แกนนำประกาศเสมอว่า มาสานต่อภาระกิจของคณะราษฎร์ซึ่งเป็นคณะปฏิวัติล้มเจ้าแต่ภารกิจนั้นยังไม่สำเร็จ

ข่าวที่น่าสนใจ

 

จึงเป็นที่มาของการปั้นกระแสและสร้างความเท็จให้เป็นความจริง การทำการเมืองด้วยการตลาดอำมหิต ด้วยกลยุทธ์ในน่านน้ำสีดำ (Black Ocean Strategy) โดยการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยไม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งขัน ประชาชนหรือใครๆ ทั้งสิ้น ไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใดให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

กลยุทธ์ในน่านน้ำสีดำ จะดำเนินการหลบเลี่ยงตามช่องว่างของกฎหมาย ใช้สายสัมพันธ์กับผู้ที่มีอิทธิพลทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงหรือการครองใจประชาชนผู้ที่จะเป็นฐานเสียงให้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนคล้อยตามและนิยมชมชอบพรรคและพวกของตน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข้อมูลเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ดำเป็นขาวและขาวเป็นดำ ทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่ว บ่อนทำลายผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ของคนดีหรือความดี เช่น การบ่อนทำลายพระมหากษัตริย์ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำศาสนาและผู้นำสังคม

หลอกเด็กหรือประชาชนให้ทำผิดกฎหมาย หลอกให้คนต่อต้านวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีงาม หลอกให้คนเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ หลอกว่าประชาชนถูกกดขี่ เป็นทาส หลอกว่า ม.๑๑๒ ซึ่งเป็นเพียงกฎหมายปกป้องการล่วงละเมิดสถาบันประมุขของชาติว่าเป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิและกดขี่ประชาชน หลอกว่าดินแดนต่าง ๆ ของไทยไม่ใช่ของไทย หลอกว่าเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนอดอยาก ทั้งที่ทุกคนแม้แต่คนที่ยุยงก็ยังมีกินมีใช้ มีสิทธิเสรีภาพ มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มีชีวิตที่เป็นปกติ
กิจกรรมหลัก” เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ได้แก่

1. หลอกให้ประชาชนเรียกร้องให้พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ 2475 แล้ว
เวลาเราได้ยินว่ากฎหมายนั้นกฏหมายนี้เรียกว่า พระราชบัญญัติ พระราชกำนด หรือการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาล ฯลฯ เราจะรู้สึกหรือเข้าใจเหมือนว่าพระมหากษัตริย์มีอำนาจสั่งการและแต่งตั้งทั้งตัวบุคคลและออกกฏหมาย
ความจริง

ในระบอบประชาธิปไตย กฎหมายทุกฉบับมาจากประชาชน เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกผู้แทนเป็น สส.เข้าไปทำหน้าที่ออกกฎหมาย เลือกนายกฯ เลือกรัฐบาลให้มาบริหารประเทศ นอกจากนี้ สส.ยังมีอำนาจและหน้าที่ในการควบคุม ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจ
เพราะฉะนั้น กฏหมายที่บังคับใช้กับประชาชนก็มาจากประชาชน พระมหากษัตริย์ไม่ได้ทรงร่างกฎหมายนั้นขึ้นมาเอง รัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดิน ก็มาจากประชาชน ตุลาการศาลก็มาจากประชาชน เพราะทั้ง 3 อำนาจหลักในระบอบประชาธิปไตยมีจุดเริ่มต้นมาจากประชาชน และประชาชนเป็นผู้ที่เลือกผู้แทนไปทำหน้าที่เหล่านั้นแทนประชาชน การเมืองและการปกครองไม่ได้มาจากพระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แต่อยู่เหนือการเมือง อย่างไร

รัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญิตว่า
มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
คำว่า” อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล” ทำให้ประชาชนที่ไม่เข้าใจกฏหมาย ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองการปกครอง ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของนักการเมืองชั่ว ว่าพระมหากษัตริย์อยู่เบื้องหลังการเมืองการปกครอง มีอำนาจสั่งการทุกสิ่งอย่าง
รัฐสภา ประกอบด้วย สส.และ สว. ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน
รัฐบาล มาจาก สส.ซึ่งผ่านการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แล้ว สส.นั้นก็เป็นตัวแทนประชาชนเพื่อเลือกตัวนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีเลือกคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

ศาส มาจากคณะกรรมการศาลยุติธรรมเป็นคนจัดสอบและคัดเลือก
ดังนั้นคำว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” หมายความว่า ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองจริง แต่อำนาจทางการเมืองหรืออำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของประชาชนและมาจากประชาชน เพราะรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล มีที่มาจากประชาชนทั้งสิ้น
จึงเป็นที่มาของคำว่า พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แต่อยู่เหนือการเมือง

2. หลอกประชาชนว่า ระบอบประธานาธิบดีดีกว่าระบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะประชาชนเลือกประธานาธิบดีโดยตรง

 

ความจริงคือ สหรัฐอเมริกาปกครองในระบอบประธานาธิบดี แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชนโดยตรงอย่างที่คนไทยเข้าใจ แต่ประชาชนอเมริกันจะเลือกคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ซึ่งพรรคการเมืองจะส่งตัวแทนให้ประชาชนเลือก แล้วคณะผู้เลือกตั้ง จะเป็นผู้ไปเลือกประธานาธิบดีอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมเหมือนระบบรัฐสภาของไทย ที่เราเลือก สส.แล้ว สส.ก็ไปเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต่างกันคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นทั้งประมุขของรัฐ(Head of state) และประมุขของรัฐบาล (Head of Government) แต่ในระบบรัฐสภาของไทยเรามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของรัฐ(Head of state) และนายกรัฐมนตรีที่มาจาการเลือกตั้งเป็นประมุขของรัฐบาล (Head of Government)
ข้อดีของ ระบบรัฐสภาของไทย ที่เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คือเรามีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขของรัฐ มีอำนาจในการช่วยรัฐบาล รัฐสภาและศาล ปกครองบ้านเมืองอีกแรงหนึ่ง รวมทั้งเป็นผู้ถ่วงดุลอำนาจอีกชั้นหนึ่ง
เมืองไทยไม่เหมาะที่จะมีประธานาธิบดีซึ่งเป็นทั้งประมุขของรัฐและประมุขของรัฐบาล เพราะคนไทยยังคงไม่เข้าใจการเมืองและการปกครองอย่างแท้จริง จึงทำให้คนไทยมีโอกาสตกเป็นเครืองมือทางการเมืองของนักการเมืองชั่วผู้แสวงหาแต่ผลประโยชน์
การมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุข จะเป็นเหมือนการที่ประชาชนจะมีพระมหากษัตริย์ซึ่งมีอำนาจทางการเมืองในฐานะประมุขของชาติ ที่จะยืนอยู่ข้างประชาชนเสมอมาและตลอดไป ผิดกับนักการเมืองที่บางคนอาจอยู่ข้างประชาชน ในขณะที่บางคนก็อยู่ข้างผลประโยชน์ส่วนตนหรือของพรรคพวกของตนเท่านั้น

 

3. หลอกให้ประชาชนเรียกร้อง สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค ทั้งที่ถูกบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับอยู่แล้ว
ความจริงคือ เราทุกคนถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพโดยกฎหมายอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะกฎหมายมีหน้าที่ ให้สิทธิเสรีภาพและจำกัดสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งกฎหมายทำให้เกิดความเสมอภาคของบุคคล

ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชน จะยอมสละสิทธิ เสรีภาพ บางประการ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม สิทธิเสรีภาพ การอยู่ร่วมกันนั้น ถ้าทุกคนเรียกร้องจะใช้สิทธิเสรีภาพของตนเอง เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนก็ย่อมอยากจะได้ใช้สิทธิเสรีภาพของตนอย่างอิสระและเต็มที่ ในที่สุดจะนำมาซึ่งความขัดแย้งซึ่งกันและกัน

รศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มธ. ยกตัวอย่าง เรื่องไฟแดงไฟเขียว ว่าเป็นตัวอย่างของการถูกจำกัดสิทธิส่วนบุคคล แต่ทุกคนยอมจำกัดสิทธิเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเราทุกคน

สิทธิเสรีภาพ มิใช่การทำอะไรตามอำเภอใจ กฎหมายถูกบัญญัติโดยรัฐสภา ซึ่งสมาชิกรัฐสภาคือผู้แทนปวงชน หมายความว่า กฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของเรานั้นมาจากตัวเราเอง

สรุป ประชาชนถูกหลอกว่าถูกรัฐและสถาบันพระมหากษัตริย์กดขี่ จนต้องเรียกร้องเรื่อง สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค ทั้งที่กฎหมายจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับมีลักษณะเป็นการให้สิทธิเสรีภาพและจำกัดสิทธิเสรีภาพรวมทั้งความเสมอภาคอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว

ไม่มีความจำเป็นต้องอ้างการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง รวมทั้งไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ด้วยใจอำมหิต ด้วยการโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้างสมองประชาชนด้วยการลบล้างจารีพประเพณีอันดีงาม เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังมวลชนเพื่อกิจกรรมทางการเมือง “เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น