ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วกับการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 4 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา และก็เป็นไปตามที่คาดเรียบร้อยโรงเรียนแดงเข้าทางเพื่อไทย หลังประมุขฝ่ายนิติบัญญัติคนใหม่เป็นประธานหน้าเก่าที่ชื่อ “วันมูหะมัด นอร์มะทา” หัวหน้าพรรคประชาชาติ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อก้าวไกล พรรคฝ่ายส้มล้มเจ้าชนะการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ได้ส.ส.มา 151 คน คว้าคะแนนทั่วประเทศมาถึง 14.4 ล้านคะแนน แต่ไม่สามารถคว้าเก้าอี้ประธานสภา ไม่มีปัญญาในการรักษาเก้าอี้หนึ่งในประมุข 3 ฝ่ายเพื่อเข้าสู่อำนาจเอาไว้ได้ คอการเมืองส่วนใหญ่ก็ฟันธงว่าก้าวไกลอ่อนเชิงช่วงชิงอำนาจเป็นไก่อ่อนทางการเมืองให้เพื่อไทยเคี้ยวเล่น อย่างที่รู้ว่าวันนอร์ต่อให้มีโลโก้หัวหน้าประชาชาติ แต่เนื้อแท้ข้างในคือฝ่ายทักษิณคือเครือข่ายเพื่อไทยที่ได้ดิบได้ดีกับโทนี่มาตลอด
ยกแรกปรากฏว่าเพื่อไทยกินข้าวได้แล้วหนึ่งคำใหญ่ๆ ข้าวหมดไปแล้วครึ่งจาน สามารถชิงจังหวะส่งวันนอร์มาเป็นประธานสภาได้สำเร็จ เหลืออีกคำคือตำแหน่งนายกฯ ที่ล่าสุดวันนอร์นัดหมายจะโหวตกันวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค.2566 ขณะที่เจ้าตัวก็หลุดให้สัมภาษณ์ว่าจะให้โอกาสพิธาสัก 2-3 ครั้ง ถ้าโหวตไม่ได้ก็ต้องไปคุยหาแนวทางกันใหม่ ไม่ใช่มาโหวตเพื่อพิธาคนเดียว ต้องดูแนวทางอื่นๆด้วย แต่ประเทศไทยต้องมีนายกฯมาบริหารประเทศ จะโหวตไปเรื่อยเปื่อยคงไม่ได้ ถ้าเสนอโหวตนายกฯหลายครั้งส.ส.จะเบื่อ จะพาลไม่เข้าสภาเอาง่ายๆ พิธาก็จะล่องจุ๊นอีก วันนอร์พูดไม่ทันขาดคำตดยังไม่ทันหายเหม็นรองประธานสภาคนที่ 2 ฝ่ายเพื่อไทยอย่าง พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย ก็ออกมาขย่มพิธากดดันก้าวไกลอีก หลังออกมาประกาศว่าจะให้โอกาสพิธาแค่ 3 ครั้งในการโหวตนายกฯ ที่ก็ถือว่าเยอะแล้ว ” ในการเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ค. ถ้ายังไม่ได้นายกฯจะให้เลือกรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.และรอบ 3 วันที่ 20 ก.ค. คาดว่า 3 วันนี้ น่าจะเพียงพอได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ถ้ายังไม่ได้จะคุยกันใหม่ แต่จะเปิดโอกาสให้ 3 ครั้งก่อน เพราะการเรียกประชุมบ่อยๆ ใช้สมาชิก 750 คน ค่อนข้างลำบาก เวลา 3 วันเยอะแล้ว อยากให้ได้ภายใน 3 วันนี้ หากกำหนด 3 ครั้งแรกแล้วยังไม่ได้ตัวนายกฯ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภา และที่ประชุม 8 พรรค ที่ต้องทำตามเอ็มโอยูจะต้องพูดคุยกันเป็นการภายใน” พิเชษฐ์ระบุ เรียกว่าทั้งบี้ ทั้งกด ทั้งดัน พิธากับก้าวไกลจนหน้าเขียว บวมปูดไปหมดแล้ว
จากวันนี้ก็เหลือเวลาแค่ 7 วัน พิธากับก้าวไกลเหลือโอกาสน้อยลงไปทุกทีในการรักษาอำนาจ วานนี้พิธาบอกมั่นใจว่าจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว.เพิ่มมากขึ้น แต่ข่าวว่าส.ว.ส่วนใหญ่หลายคนออกมาให้สัมภาษณ์เป็นในทางกลับกัน ไม่มีใครในสภาสูงอยากโหวตให้พิธาเป็นนายกฯอยากยกมือให้คนของก้าวไกลเป็นผู้นำประเทศ ตราบใดที่ในสมองยังคิดแต่เรื่องล้มเจ้า เดินหน้าซ่อนเร้นแก้ไขม.112 แบบอุตลุต หัวเด็ดตีนขาดไม่มีทางที่ส.ว.จะโหวตให้พิธากับฝ่ายส้มแน่ แค่สองเรื่องนี้ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ยังไม่นับรวมเรื่องอันตรายแนวคิดชั่วช้าอีกมากที่ก้าวไกลคิด ทั้งแก้ระเบียบกระทรวงกลาโหมสารพัดเรื่อง อาทิ การรื้อระเบียบกลาโหมที่ลามปามไปถึงหน่วยทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดทุกเรื่อง ยกเลิกการแต่งตั้งโยกย้ายทหารจากยุคที่ “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ เคยวางกรอบให้ ” 7 เสือกลาโหม” ที่ประกอบด้วย รมว.กลาโหม, รมช.กลาโหม ,ปลัดกลาโหม ,ผบ.ทสส.,ผบ.ทบ.,ผบ.ทร.,ผบ.ทอ. เป็นคนพิจารณาให้กลับมาอยู่ในมือนักการเมืองเพียวๆ เหมือนในอดีต ยกเลิกกฎอัยการศึกใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้ทหารมีกฎหมายพิเศษไว้ปราบพวกก่อการร้าย ผ่าตัดกอ.รมน.ฯลฯ ยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ เปลี่ยนวันชาติจาก 5 ธันวาคมของทุกปีเป็น 24 มิ.ย. ที่เป็นวันปฏิวัติสยาม เรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัด ล้างบางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าตัดระบบราชการไทย ปฏิรูปการศึกษาสไตล์ก้าวไกลแต่งชุดบ้านไปเรียนไว้ผมยาวไม่ผิดกฎทำสีผมไม่โดนว่า ยกตัวอย่างเรื่องอุบาทว์จากสมองคนจัญไรมาแค่หางอึ่ง ฟังแค่นี้ก็หนาวจับใจเพราะแต่ละเรื่องที่มาจากหัวคิดส้มล้มเจ้าจากไอเดียของพวกก้าวไกล มีแต่พาประเทศให้ฉิบหายทำลายชาติให้เสื่อมลงรื้อล้างของดีที่เคยมีมาในอดีตให้สูญสิ้น
จากนี้ก็ต้องลุ้นว่าพิธากับก้าวไกลจะเอาไงต่อ เพราะเวลาโหวตก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ ขณะที่เสียง 8 พรรคก็ยังอยู่แค่ 312 ขาดอีกตั้ง 64 เสียงกว่าจะถึง 376 มากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภาที่จะสามารถลผักดันให้พิธาเป็นนายกฯคนที่ 30 ได้ตามฝันหวานที่ประกาศไว้ตั้งแต่ไก่โห่ ก้าวไกลก็เดินไปตามบทส่วนเพื่อไทยก็เล่นไปตามเกม ธรรมเนียมการเมืองไทยพรรคที่มีส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ต้องได้เสนอชื่อคนเป็นนายกฯก่อน แต่ถ้าพรรคอันดับ 1 ไม่มีปัญญาหาพวกไม่ได้ ก็มีความชอบธรรมที่พรรคอันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลใหม่แทนได้ รอบนี้ก้าวไกล เพื่อไทย หรือ พรรคที่ร่วมเสียงข้างมากได้สำเร็จ จะได้โหวตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเสียงและพวกพ้องในสภา เลือกตั้งรอบก่อนๆที่ผ่านมามีเสียงเกิน 250 คนจาก 500 คนของส.ส.ก็เป็นนายกฯได้แล้ว แต่เลือกตั้งรอบที่แล้วกับรอบนี้คนเป็นนายกฯต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสองสภาส.ส.กับส.ว. คือ 750 ถ้าเสียงไม่แน่นบารมีไม่แข็งจริงไม่มีทางจะ ขึ้นเป็นนายกฯได้เลย รอบก่อน 24 มี.ค.2562 บิ๊กตู่เป็นนายกฯด้วยเสียง 500 มีส.ส.ยกมือให้ 251 คน ส.ว.249 คน ธนาทอนได้ไป 244 รอบนี้พิธามีในกระเป๋า 312 ต้องหาอีก 64 ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ถ้าพิธาไม่ประกาศลดเพดานเรื่องล้มเจ้าเรื่องม.112 ไม่มีทางเป็นนายกฯได้แน่นอน รับกินได้เลย
จับตา 13- 19 -20 ก.ค. 2566 เป็นกำหนดการ 3 วันที่โหวตเลือกนายกฯไม่มีทางที่พิธาจะไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ ล่าสุดชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯก้าวไกล ก็ออกมาบอกในทำนองว่าไม่มีทางเลือกการเป็นรัฐบาลมากไปกว่าการไปถึงอุดมการณ์และเป้าหมายของพรรคที่มองว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าการเข้าสู่อำนาจมาก ขณะที่อานนท์ นำภา ก็ออกมาเขียนเฟสบุ๊คประมาณว่าพิธาอย่าลดเพดานเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือแก้ไขม.112 เพื่อเข้าสู่อำนาจหรือต้องการเป็นนายกฯ เหลือเวลาอีกไม่มากมีเวลาอีกไม่นานจะถึงวันโหวตนายกฯ ดูทรงแล้วพิธากับก้าวไกลเดินยังไงก็ไปไม่ถึง จับตามวยจังหวะสองรอจังหวะเก็บตกมุมแดงอย่างเพื่อไทย ถ้าพิธาไปต่อไม่ไหวก้าวไกลไปต่อไม่ได้ เพื่อไทยจะเผยตัวตนออกมาเป็นพระเอกชิงธงนำตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน ฟันธงได้เลยว่าพิธาปิ๋วก้าวไกลคอขาด นายกฯคนใหม่น่าจะหนีไม่พ้น “แพทองธาร-เศรษฐา-พล.อ.ประวิตร” เพื่อไทยจะย้ายขั้วสลับข้างถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านแน่นอน แต่กระนั้นก็ต้องดึงพลังประชารัฐเอาเสียงส.ว.250 คนจากลุงป้อมมาเป็นนั่งร้าน รวมถึงภูมิใจไทยและพรรคเล็กอื่นๆที่เหลือทั้งหมด ยกเว้นประชาธิปัตย์อริเก่า กับ รวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ ที่ยังไงก็รวมกันไม่ได้ จากสมการนี้ก็ต้องไปลุ้นว่านายกฯคนใหม่จะเป็นของฝ่ายไหนจะไปออกที่ใคร “อุ๊งอิ๊ง-เสี่ยนิด-ลุงป้อม” แพทองธารอาจจะยากหน่อยเพราะพจมานเบรกไว้ด้วยเหตุพรรษายังอ่อน อายุยังน้อย เศรษฐาแม้จะมีจุดแข็งแต่ไร้บารมี ไปๆมาๆ คนแก่แบบลุงป้อมที่ถูกดราม่านอนหลับในสภา อาจลุกขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศอายุมากสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ได้ แม้อายุจะปาเข้าไป 77 ปีแต่ยังเตะปี๊บดัง บารมีล้น ประสานประโยชน์ได้หมดทุกขั้ว นายกฯสมานฉันท์ ผู้นำปรองดอง ประมุขฝ่ายบริหารที่เดินหน้าลดความขัดแย้ง อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
///////////////////