“รพ.พระมงกุฎฯ” ฟ้องคดีอาญาเอกชนฉ้อฉลประมูลทำความสะอาดค่า 50 ล้าน

"รพ.พระมงกุฎฯ" ฟ้องคดีอาญาเอกชนฉ้อฉลประมูลทำความสะอาดค่า 50 ล้าน

สืบเนื่องจากสำนักข่าว TOPNEWS ได้มีการนำเสนอข่าวและติดตามเรื่องตรวจสอบและดำเนินคดี กรณี การปลอมและใช้เอกสารปลอม เพื่อเสนอราคาและทำสัญญาโครงการจ้างเหมาทำความสะอาดอาคารภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ประจำงวด 12 เดือน ด้วยวิธีประกวดราคาเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน จ้างเหมาประมาณ 50 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.65 นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น เข้ายื่นหนังสือถึง พลตรี ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (ผอ.รพ.รร.6) เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดี กรณีตรวจพบการปลอมและใช้เอกสารปลอม เพื่อเสนอราคาโครงการจ้างเหมาทำความสะอาดอาคารภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ประจำงวด 12 เดือน ด้วยวิธีประกวดราคาเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน จ้างเหมาประมาณ 50 ล้านบาท

 

 

เหตุผลเพราะได้รับการร้องเรียนและการแจ้งข้อมูลจากเครือข่ายของกลุ่มฯ ว่า การจ้างเหมาทำความสะอาดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตามเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ 9/2563 ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 วงเงินจ้างเหมาประมาณ 50 ล้านบาท น่าจะมีการดำเนินการไม่เป็นไปตามร่างขอบเขตของงาน ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560

 

 

 

ขณะที่ TOP NEWS ลำดับความเป็นมาของเหตุกรณีดังกล่าว สรุปความว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ประกาศเผยแพร่การจัดซื้อจัดจ้าง ร่างขอบเขตของงาน หรือ ทีโออาร์ คือ คุณสมบัติของผู้ประกวดราคา หรือ เสนอราคา ต้องมีประสบการณ์ในการรับเหมา ทำความสะอาดในสถานพยาบาล และ ทำความสะอาดสำนักงานสูง โดยต้องแสดงหนังสือรับรองผลงานและสำเนาสัญญาจ้างที่ครบกำหนดแล้วจากหน่วยงานนั้น ๆ

รวมถึงยังต้องมีความพร้อมในแรงงาน คือ มีจำนวนผู้ควบคุมงานและพนักงานทำความสะอาดที่เพียงพอกับความต้องการของโรงพยาบาล โดยหัวหน้าผู้ควบคุมงานและพนักงานทำความสะอาด จะต้องเป็นพนักงานของผู้เสนอราคา โดยต้องไม่เป็นคนต่างด้าวและไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีการทำประกันสังคมถูกต้องตามกฎหมาย

และ ต้องผ่านการฝึกอบรมด้านการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในโรงพยาบาล ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน HA , ISO หรือ JCI อย่างใดอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยอันตราย ชนิดขยะเคมีบำบัดและการอบรมอัคคีภัยจากโรงพยาบาลของรัฐ หรือ หน่วยงานสาธารณสุข พร้อมใบประกาศนียบัตร หรือ หนังสือรับรองการฝึกอบรม (มีอายุไม่เกิน 2 ปี ) **** จำนวน 209 คน และ มีพนักงานทำความสะอาดสำรอง เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน ในกรณีที่พนักงานทำความสะอาดหลักไม่สามารถทำงานได้ *****

จากนั้นปรากฎว่า ผู้เสนอ 3 ราย ประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจำกัด แคร์ แอนด์ คลีน , บริษัทมัดชา เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท N มีเพียง บริษัทมัดชา เซอร์วิส จำกัด เท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และตรวจพบด้วยว่า บริษัท N เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยการยื่นเอกสารอันเป็นเท็จ

จากการที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลภูมิพลฯ ให้ตรวจสอบเอกสาร หนังสือรับรอง และ รายชื่อผู้ผ่านฝึกอบรม จัดการขยะ และการแพร่กระจายเชื้อ บริษัท N ที่เข้าร่วมประมูล ปรากฎว่า บริษัท N ได้ยื่นสำเนาหนังสือรับรอง การผ่านฝึกอบรมการบริหารจัดการขยะและลดการแพร่กระจายเชื้อ ลงวันที่ 30 ส.ค. 2562 ออกให้โดยโรงพยาบาลภูมิพลฯ กรมแพทย์ทหารอากาศ พร้อมแนบรายชื่อผู้เข้าอบรม จำนวนทั้งสิ้น 266 คน

แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฏว่ามีจำนวนผู้ผ่านเข้าอบรม จำนวนเพียง 199 คน และ มีรายชื่อผู้เข้าอบรมตรง กับรายชื่อที่ทางบริษัท N ยื่นไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพียง 136 คน จึงถือว่าเป็นการยื่นเอกสารเท็จ

อย่างไรก็ตาม TOP NEWS พบว่าถึงแม้ บริษัท N จะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง และ คณะกรรมการฯ เห็นว่าคำอุทธรณ์ของบริษัท N มีน้ำหนักเพียงพอ พร้อมส่งเรื่องกลับให้ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง และดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง

แต่กรณีดังกล่าวมีประเด็นข้อเท็จจริง ชัดเจนต้องติดตามต่อไปว่า ความผิดดังกล่าวสำเร็จแล้วหรือไม่ หลังจากทางคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคาฯ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้เคยสอบถามประเด็นข้อกฎหมายกับนายทหารพระธรรมนูญ และมีการยืนยันการกระทำผิดของบริษัท N ว่า สำเนารายชื่อพนักงานของบริษัท N ได้รับการอบรมประจำปี ณ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช นำมากล่าวอ้าง เป็นเอกสารที่บริษัท N ทำขึ้นเอง

และมีข้อเท็จจริงปรากฎชัด บริษัท N จัดทำรายชื่อ ผู้ผ่านการฝึกอบรมฯ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ หากยังนำมาแสดงต่อคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคาฯ เพื่อใช้เป็นเอกสารเสนอราคา จึงถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจากการที่ บริษัท N แสดงเอกสารเสนอราคาเป็นเท็จ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายทหารพระธรรมนูญ ระบุด้วยว่า บริษัท N ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ที่เสนอไว้แล้วในทีโออาร์มิได้ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงคณะกรรมการฯสามารถตัดรายชื่อบริษัท ผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นออกจากประกวดราคาได้ ดังนั้น กรณีนี้จึงเสมือนว่า การกระทำของบริษัท N ผู้ยื่นข้อเสนอ อาจเป็นเหตุอันควรสงสัย ว่ามีการกระทำอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือกระทำการโดยไม่สุจริต

เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความเท็จต่อพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และ หากคณะกรรมการฯเห็นควรให้มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทผู้ยื่นข้อเสนอ ขอให้มีหนังสือรายการข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวต่อ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อพิจารณาสั่งการ

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 พลตรี ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผู้อำนวยการ รพ.พระมงกุฎเกล้า ได้เปิดเผยกับ TOP NEWS ว่า ได้เห็นหนังสือของกลุ่มธรรมาภิบาลฯแล้ว รวมถึงทราบจากข่าวทางสื่อโซเชียล โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอเวลาในการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด

และเมื่อสอบถามว่า จะใช้เวลาในการตรวจสอบนานเท่าใด พลตรี ธำรงโรจน์ กล่าวยืนยันว่า ไม่นาน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม และ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จะต้องทำให้เกิดความกระจ่าง และให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสังคม

ทั้งนี้ พลตรี ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ต่อจาก พลตรี สุรศักดิ์ ถนัดศีลธรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563

ทั้งนี้ TOP NEWS พบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า นอกเหนือจากเอกสาร หลักฐานปลอม เรื่อง คุณสมบัติ และจำนวนผู้ผ่านอบรม การบริหารจัดการขยะและลดการแพร่กระจายเชื้อ ของบริษัท N ในการนำใช้ประกอบยื่นประมูล จ้างเหมาทำความสะอาดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มูลค่า 50 ล้านบาท

ปรากฎเพิ่มเติมด้วยว่า ในการยื่นหนังสือประกอบการประมูลดังกล่าว มีการแสดงเอกสารบางฉบับที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขทีโออาร์ ในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยร่างขอบเขตประกวดราคา หรือ ทีโออาร์ งานจ้างเหมาทำความสะอาด ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ว่า ต้องมีประสบการณ์ในการรับเหมาทำความสะอาดในสถานพยาบาล และทำความสะอาดอาคารสำนักงานสูงโดยแสดงหนังสือรับรองผลงาน และสำเนาสัญญาจ้างที่ครบกำหนดแล้วจากหน่วยนั้นๆ พร้อมแนบสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานในวันเสนอราคา **เหตุผลเพื่อให้ได้ผู้รับจ้างที่มีความเข้าใจในการให้บริการในสถานพยาบาล และมีประสบการณ์ในการทำความสะอาดอาคารสูงได้โดยไม่มีปัญหา

รวมถึงมีผลงานด้านการรับเหมาทำความสะอาดในโรงพยาบาล ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน HA, ISO หรือ JCI (The joint Commission International Accreditation ) อย่างใดอย่างหนึ่ง ภายในระยะเวลาไม่เกินกว่า 5 ปี นับแต่การรับเหมาทำความสะอาดในสัญญานั้นสิ้นสุดลงจนถึงวันเสนอราคา วงเงินจ้างไม่ต่ำกว่า 10,000,000 บาท ( -สิบล้านบาทถ้วน- ) ต่อสัญญา และเป็นโรงพยาบาลซึ่งมีจำนวนเตียงไม่น้อยกว่า 500 เตียง โดยแสดงหนังสือรับรองผลงานและสัญญาจ้างจากหน่วยนั้น ๆ พร้อมแนบสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานในวันเสนอราคา

แต่เอกสารฉบับหนึ่งที่แสดงต่อคณะกรรมการฯ ซึ่งมีประทับตรารับรองสำเนาถูกต้อง โดย บริษัท N ว่าผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 ( 2018) ตรวจสอบแล้วปรากฎเป็นชื่อบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติเกี่ยวกับการทำความสะอาดอาคารสำนักงาน และ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ หลังจากที่บริษัทเอกชนรายนั้น สำเนาเอกสารส่งให้ บริษัท N นำไปใช้ประกอบการยื่นประมูล งานจ้างเหมาทำความสะอาด ภายในโรงพยาบาล

อีกประเด็นสำคัญ ก่อนหน้านั้น กลุ่มธรรมาภิบาลฯ ให้ข้อมูลว่า เคยเกิดกรณีในลักษณะเดียวกันที่่โรงพยาบาลอานันทมหิดล หลังจากมีการสอบถามไปถึง โรงพยาบาลภูมิพลฯ เกี่ยวกับความถูกต้องของหนังสือรับรอง รายชื่อผู้ผ่านการอบรมพนักงานทำความสะอาด ลดการแพร่กระจายเชื้อโรค การจัดการขยะมูลฝอยในโรงพยาบาล ขยะทั่วไป ขยะติดเชื้อ ขยะอันตรายชนิดเคมีบำบัดและขยะรีไซเคิลของ โรงพยาบาลภูมิพลฯ โดยบริษัทรับจ้างทำความสะอาดแห่งหนึ่ง

และผู้บริหารโรงพยาบาลภูมิพลฯ กรมแพทย์ทหารอากาศ ชี้แจงกลับว่า การอบรมดังกล่าวเป็นการจัดอบรมที่จัดขึ้นอย่างเร่งด่วนเป็นการภายใน ให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการรักษาความสะอาดและกำจัดขยะมูลฝอย มีความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน ควบคุมการแพร่เชื้อ หรืออันตรายที่เกิดจากขยะมูลฝอยติดเชื้อ สามารถดูแลตนเองให้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง มีความปลอดภัย ในสถานการณ์ที่กำลังมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้มีการออกใบประกาศนียบัตรรับรองการผ่านการอบรมฯ โดยคณะกรรมการบริหารสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และชีวอนามัย

โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้หน่วยงานภายในของโรงพยาบาล ได้หมุนเวียนเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานทราบเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งใบประกาศนียบัตรนี้ มิได้มีจุดมุ่งหมายให้นำไปแสดงต่อหน่วยงานภายนอก เพราะเนื้อหาที่จัดการอบรมได้ออกแบบเฉพาะให้เหมาะสมต่อ โรงพยาบาลภูมิพลฯเท่านั้น และหากเป็นเอกสารที่จะใช้แสดงต่อหน่วยงานภายนอก จะต้องลงชื่อโดย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลฯ กรมแพทย์ทหารอากาศ เท่านั้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 11 พ.ย.65 นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับขบวนการปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ร่วมประมูลงานจ้างเหมาทำความสะอาดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตามเอกสารประกวดราคาเลขที่ 9/2563 ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 ตามข้อมูลและหลักฐานบ่งชี้่ว่า ในการประมูลที่เกิดขึ้น หนึ่งในบริษัทเอกชนมีเจตนาไม่สุจริต ในการเข้าเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ

 

 

โดยเฉพาะการแสดงเอกสาร สำเนาหนังสือรับรอง การผ่านฝึกอบรมการบริหารจัดการขยะและลดการแพร่กระจายเชื้อ ลงวันที่ 30 ส.ค. 2562 อันเป็นเท็จ ทำให้ประโยชน์ราชการเกิดความเสียหาย ตามมติของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาฯและความเห็นฝ่ายกฎหมาย หรือ นายทหารพระธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าทางผู้บริหารโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดหรือไม่อย่างใด แม้มีรายงานว่ากองทัพบกได้ออกมาชี้แจงว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าสามารถดำเนินการ เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดได้เอง เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายโดยตรง

 

 

นายวิวัฒน์ ยังระบุถึงการดำเนินการทางกฎหมาย โดยเฉพาะการใช้เอกสารปลอม หรือ เอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้บริษัทตนเองได้มีสิทธิรับงานหรือเข้าร่วม ซึ่งเป็นการปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ต่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาฯเพื่อให้ตนเอง มีสิทธิเสนอราคาในการรับงาน ว่า ท้ายสุดหากไม่มีความคืบหน้า ถือเป็นสิทธิ์ของประชาชนสามารถที่จะสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน และหากทางด้าน ผู้อำนวยการ รพ.พระมงกุฎฯ ไม่ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ ภาคประชาชนก็สามารถนำเรื่องไปร้องต่อป.ป.ช. เพื่อเอาผิดกับผู้รับผิดชอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าการกระทำผิดดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 

 

ขณะที่ ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ค.66) ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ได้รายงานความคืบหน้าจากแหล่งข่าว เกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ว่า สำหรับบริษัทที่มารับจ้างทำความสะอาด ลักษณะการกระทำ ในแง่ของการทำความสะอาดของรพ. จะมีการกำหนด คุณสมบัติ ในเรื่องการอบรม อาทิ การจัดการขยะติดเชื้อเป็นต้น ซึ่งจะต้องเข้าอบรบในโรงพยาบาลของรัฐบาล และมีมาตรฐานแบบเดียวกันของรัฐ โดยบริษัทดังกล่าวได้มีการเข้าอบรมกับโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง โดยมีพนักงานได้เข้าอบรมจำนวนกว่า 100 คน แต่ทางด้านโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ มีความต้องการพนักงานทำความสะอาดที่ผ่านการอบรม จำนวน 219 คน ซึ่งมีจำนวนสูงกว่าจำนวนพนักงานของบริษัทดังกล่าว จึงได้ดำเนินการทางด้านเทคนิค โดยการยื่นจำนวนพนักงานมากกว่าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ต้องการ โดยใส่บุคคลอื่นที่ไม่ได้รับการอบรมจากโรงพยาบาลรัฐย่านดอนเมืองเข้ามาในจำนวนที่มากขึ้นแบบมีนัยยะ ไม่ใช่รายชื่อที่ไม่ผ่านการอบรม 2-3 รายชื่อ และรายชื่อพนักงานที่ผ่านการอบรมก็มีจำนวนที่ต่ำกว่าความต้องการของโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก จึงไม่อาจจะเชื่อได้ว่า บริษัทดังกล่าวจะรับจ้างทำความสะอาดได้

ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้มีการดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าวแล้ว โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนที่ สน.พญาไท เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ในส่วนของการดำเนินคดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

สำหรับในส่วนของข้อหาของบริษัทดังกล่าว ในส่วนของการกระทำจะเข้าข่ายความผิดของคดีป.อาญา มาตรา 137 ประกอบกับ 267 ตามพฤติการของบริษัท โดยเบื้องต้น การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 137 และเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะดำเนินการแล้วเสร็จ ภายใน 1-2 เดือนแรก ที่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะคดีไม่มีความซับซ้อนมากนัก ขณะที่กรณีในส่วนของความผิดคดีอาญา มาตรา 267 จะต้องมีการส่งตรวจสอบและจะมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่จากข้อหาที่ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษในเบื้องต้นนั้น ไม่มีความซับซ้อน และมีความเป็นไปตามพฤติการที่เห็นได้อย่างประจักษ์ชัด

นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้บริษัทดังกล่าวได้มีการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกัน รพ.พระมงกุฎเกล้า ได้มีการทำเรื่องขึ้นแบลคลิสต์ โดยจะต้องดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน โดยทำเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง ซึ่งคาดว่า จะนำส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลางได้ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าว TOPNEWS จะติดตามความคืบหน้า เรื่องนี้จากสน.พญาไท ต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"การรถไฟฯ" ออกแถลงการณ์ ยันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ "ที่ดินเขากระโดง" เดินหน้าทวงคืนตามกม. ไม่ใช่ละเมิดสิทธิปชช.
‘อี้ แทนคุณ’ พาเหยื่อร้องปคม. ถูกหลอกข้ามแดนลวงเปิดบัญชีม้า หลังพบมีหมาย 450 คดี
คืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 รถไฟฟ้าบีทีเอส - สายสีทอง ขยายเวลาให้บริการถึงตี 2
“เพื่อไทย” จัดเต็ม ชาวเชียงใหม่เรือนหมื่นแห่ฟัง “ทักษิณ” สว.ก๊องมั่นใจ พ่อใหญ่แม้วช่วยหาเสียงชนะแน่
ชาวบ้านทรุดก้มกราบ “ทักษิณ” ขอปรึกษาปัญหาชีวิต การ์ดรีบยกตัวออก
เกมแล้ว! หนุ่มแต่งรถประดับไฟสี ธีมคริสต์มาส ขับเฉิดฉายทั่วถนน ปรับฉ่ำๆ 2 ข้อหา
แจ้ง 4 ข้อหาหนัก 'อส.เมากร่าง' ยิงสนั่นกลางร้านข้าวต้ม ดับ 2 ศพ เปิดวงจรปิดอีกมุม เห็นวินาทีก่อเหตุชัด
ตร.ไซเบอร์ ขยายผลตามรวบ "ผู้จัดหาบัญชีม้า" แก๊งลวง "ชาล็อต" กว่า 4 ล้านบาท
“บิ๊กอ้วน”ซัดปาก! พวกกระหายสงคราม “บิ๊กปู” คอนเฟิร์ม “ว้าแดง” เรียบร้อยดี
เวียงแหงโมเดล! เยาวชนคนรุ่นใหม่ One Young World เครือซีพี ปักธง FIGHT หมอกควันชายแดนไทย-พม่า เรียนรู้-ชวนชุมชมร่วมลด PM 2.5

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น