วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เวลา 8.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ตนและนายวัลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าของอียู ได้ร่วมกันประกาศเปิดการเจรจานับหนึ่ง FTA ไทยกับสหภาพยุโรปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ตนได้มอบหมายให้ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) เป็นเจ้าภาพจัดประชุมและเชิญหัวหน้าคณะเจรจา FTA ของฝ่ายอียูมาหารือที่ไทยในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการการเจรจา FTA ในภาพรวม ก่อนที่ฝ่ายอียูจะเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบแรกแบบเต็มคณะในช่วงเดือนกันยายน ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียมต่อไป
“จุรินทร์” ประกาศ จัดประชุมหัวหน้าคณะเจรจา “FTA ไทย-อียู” นัดแรก 18 ก.ค. นี้ ที่กรุงเทพ ตั้งเป้า 2 ปีจบ สร้างแต้มต่อการค้า-ลงทุน-ส่งออก
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรื้อฟื้นการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับอียูเป็นนโยบายสำคัญที่ตนมอบให้กระทรวงพาณิชย์ นับเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาหารือกันอีกครั้งหลังจากเกือบ 10 ปี ที่หยุดการเจรจาไป โดย FTA ไทย-อียู เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนไทยเรียกร้อง และไทยจะได้รับประโยชน์จากการจัดทำ FTA เช่น ภาษีการส่งออกสินค้าไทยไปอียูจะเป็นศูนย์ สามารถแข่งขันด้านราคาและมีแต้มต่อกับประเทศที่ไม่ได้ทำ FTA กับอียู และทำให้ภาคการผลิตลดต้นทุนการผลิตได้ โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และเคมีภัณฑ์ เกิดการแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกัน ไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม และช่วยดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในไทยอีกด้วย โดยตั้งเป้าเจรจาให้เสร็จภายใน 2 ปี คือ ปี พ.ศ. 2568
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้เชิญนายคริสตอฟ คีแนร์ หัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายอียูในการเจรจา FTA ไทย-อียู มาร่วมหารือเฉพาะในระดับหัวหน้าคณะ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเจรจา FTA ไทย-อียู เช่น แผนงานการเจรจา ระเบียบวิธีการประชุม รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มเจรจาในแต่ละประเด็น อาทิ การค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พิธีการด้านศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การค้าบริการและการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การแข่งขัน รัฐวิสาหกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความโปร่งใส กลไกระงับข้อพิพาท การค้าดิจิทัล พลังงานและวัตถุดิบ SMEs หลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2561-2565) การค้าระหว่างไทยและอียู มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 38,523.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปี 2565 อียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย สำหรับในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 66) การค้าระหว่างไทยและอียู มีมูลค่า 17,598.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 9,392.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 8,205.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง