พม.โต้สื่อตีข่าว ปั่นดราม่ารัฐไทยส่งกลับนร.ต่างด้าว ยันชัดสาเหตุย้ำไม่ขัด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

พม.โต้สื่อตีข่าว ปั่นดราม่ารัฐไทยส่งกลับนร.ต่างด้าว ยันชัดสาเหตุย้ำไม่ขัด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

จากกรณีที่ จังหวัดอ่างทองให้ความช่วยเหลือเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวน 126 คน ซึ่งตรวจพบในภายหลังว่า เป็นเด็กจากประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางมาโดยลำพัง ไม่มีผู้ปกครอง เพราะครอบครัวเด็กเข้าใจว่า ผู้นำพาสามารถช่วยให้เรียนในโรงเรียนของไทยได้ จึงให้การสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.66 เป็นต้นมา และ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนประสานส่งคืนเด็กสู่ครอบครัว

 

 

 

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก “The METTAD” โพสต์ข้อความว่า คุณแยมแสด ครับ
.
– โรงเรียนมีเด็กไทย 7 คน
– ผอ.ไปเอาเด็กต่างด้าวมาเรียน 130 คน
= เบิกงบหลวง สำหรับเด็ก 137 คน
.
แบบนี้ เข้าข่ายทุจริตประพฤติมิชอบหรือไม่ครับ คุณแยมแสด (แดง+ส้ม)
.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดอ่างทอง แจ้งว่า ที่โรงเรียนแห่งนี้ มีนักเรียนชนเผ่า เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนแห่งนี้มี ผู้อำนวยการ 1 คน ครูประจำการ 1 คน ครูอัตราจ้าง 1 คน และเจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน
.
แต่กลับมีเด็กนักเรียนถึง 137 คน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนสัญชาติไทยเพียง 7 คนที่เหลืออีก 130 คนเป็นเด็กสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารภาษาไทยได้ ซึ่งรายงานระบุว่า เด็กเกือบทั้งหมด มีทางผู้บริหารโรงเรียน ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง และกรรมการสถานศึกษา นำรถไปรับมาจากจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รวมถึงทาง พม.เข้ามาตรวจสอบว่า มีการถูกชักจูง ถูกล่อลวง หรือถูกบังคับขู่เข็ญ รวมถึงมีการเรียกรับผลประโยชน์ ในการนำเด็กนักเรียน ที่ไม่ใช่สัญชาติไทย เข้ามาเรียนที่นี่หรือไม่ โดยพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อนำไปหารือว่า จะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ใดต่อไป
.
นายรักศักดิ์ เทียไชย นายอำเภอป่าโมก เปิดเผยว่า เบื้องต้นต้องดูแลเด็กก่อน เพราะเด็กเหล่านี้ มาด้วยความบริสุทธิ์ ต้องดูแลในเรื่องของการกินอยู่ให้ดีก่อน ซึ่งเด็กเหล่านี้มีปริมาณเยอะมาก และโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนรัฐ ไม่สามารถนำเด็กชนเผ่ามาเรียนได้
.
โดยเฉพาะปีนี้ มีจำนวนมากจนผิดสังเกต ทั้ง ๆ ที่มีบุคลากรเพียง 4 คน และที่พักก็ไม่เหมาะสม ซึ่งหลังจากดูแลเด็กแล้ว ในส่วนของเรื่องการนำมา หรือข้อกฏหมายอื่น ๆ หากพบว่าผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย

 

 

ล่าสุด วันที่ 7ก.ค.66 นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ได้ยึดหลักปฏิบัติการคุ้มครองเด็ก ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และมีมาตรการการส่งเด็กกลับคืนให้กับครอบครัว ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และ ประเทศเพื่อนบ้าน (Repatriation) จึงไม่ใช่ลักษณะการผลักดันเด็กกลับ (Deportation) ดังเช่นที่มีบางสำนักข่าวได้นำเสนอข่าวไป

โดยเด็กจะอยู่ในการดูแลของจังหวัดเชียงราย โดยการทำงานร่วมกันของทีม One Home พม. จังหวัดเชียงราย ตม. จังหวัดเชียงราย โดยมูลนิธิเอกชนที่รับตัวเด็กไว้ จะจัดบริการด้านสวัสดิการ ด้านการศึกษา และการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กตามช่วงวัย รวมทั้ง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสนับสนุนทรัพยากร

ส่วนการส่งเด็กคืนสู่ครอบครัว เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นครอบครัวที่แท้จริงของเด็ก ก็ต้องมีการประเมินความสามารถในการดูแลเด็ก รวมถึงความปลอดภัย ของเด็กหากต้องกลับประเทศต้นทาง และ กรณีที่ติดตามครอบครัวไม่ได้ จะอยู่ในการดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ต่อไป

 

 

 

ทั้งนี้ กระทรวง พม. จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง องค์กรเอกชนและองค์การระหว่างประเทศ หารือเพื่อแสวงหาแนวทางการเข้าถึงสิทธิการศึกษาของเด็กต่างชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและครอบครัวถูกนำพาหรือ ชักจูงเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และได้รับสิทธิด้านการศึกษาอย่างถูกต้องตามนโยบายและกฎหมายที่ประเทศไทยกำหนด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลนนทบุรี สั่งจำคุกหนุ่มใหญ่ 6 ปี 36 เดือน ผิดคดี 112 โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ตร.ปคบ.หอบสำนวน 7000 หน้า ส่งฟ้องคดีหลอกขายทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้กับอัยการแล้ว
10 บริษัทโฆษณา ชั้นนำในไทย ที่เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing
"รองผู้การกองปราบฯ" กางกม.เอาผิด "ซินแสชื่อดัง" จ่อโดนคดีฟอกเงิน หลังตุ๋นเหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 70 ล้าน
“สัณหพจน์” เปิดนโยบายแก้เศรษฐกิจปากท้อง ฟื้นฟูท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราช เล็งนำช้างแคระคืนถิ่นป่าพรุควนเคร็ง อะเมซอนเมืองไทย
“เจพาร์ค ศรีราชา” จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าโอคุนินุชิ ประทับในศาลเจ้าโอคุนิ ศาลเจ้าชินโตแห่งที่สามของประเทศไทย
ก้าวสู่ปีที่ 5 Future Food Leader Summit 2025 ชวนสร้างไอเดีย บนแนวคิด “อาหารฟื้นฟูเพื่ออนาคต” เปิดตัว Future Food AI ครั้งแรกในเอเชีย
TIPH คว้าอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดของกลุ่มโฮลดิ้งส์ ตอกย้ำศักยภาพผ่านการประเมินจากทริสเรทติ้ง
"บิ๊กเต่า" เตรียมส่งทีมสอบ "บอสพอล" ปมเส้นเงิน 8 แสน โยงแม่นักการเมือง ส.
"วราวุธ" ขออย่านำ "เกาะกูด" เป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ชี้ MOU 44 ไม่เกี่ยวข้อกังวลทุกฝ่าย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น