เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีการประชุมใหญ่พรรคในวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค.2566 ที่การประชุมใหญ่รอบนี้มีวาระสำคัญอย่างยิ่งยวดคือการคัดเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 แทนที่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคที่ไขก๊อกลาออกไปหลังจากที่ประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ย่อยยับในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา จากอดีตพรรคอันดับหนึ่งแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จากอดีตคู่แข่งสำคัญของพรรคตระกูลชินฝ่ายทักษิณ จากอดีตสถาบันทางการเมืองที่ตั้งมา 77 ปี จากอดีตพรรคที่เคยเฟื่องฟูปั้นนายกฯมาแล้ว 4 คน แต่เลือกตั้งล่าสุดที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ได้ส.ส.ทั้วประเทศมาแค่ 25 คน แบ่งเป็นเขต 22 คน บัญชีรายชื่อได้มาแค่ 3 คน คะแนนพรรคทั่วประเทศ 9.25 แสนคะแนนไม่ถึงล้าน ภาคใต้ได้ส.ส.มาแค่ 19 ภาคอื่นๆได้มาอีกแค่หางอึ่ง 3 คน สนามเมืองหลวงสูญพันธุ์ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 สุดเหลือเชื่อ 8 ปี พรรคสีฟ้าไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆที่เคยเป็นพรรคในดวงใจของคนเมืองหลวง ขณะที่ส.ส.เขตในภาคอื่นๆก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้น้อยลงมาอย่างน่าใจหาย
เกิดอะไรขึ้นกับพรรคสีฟ้าที่เคยเกรียงไกร พระแม่ธรณีบีบมวยผมสิ้นมนตร์ขลังทางการเมืองแล้วหรือ 9 ก.ค.2566 คือวันที่ประชาธิปัตย์เตรียมประชุมใหญ่ และแน่นอนว่าจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่และกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่เข้ามากอบกู้พรรค ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างหนักในพรรคสีฟ้า ที่ดูเหมือนความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคจะเป็นของคู่กันกับประชาธิปัตย์ทุกยุคทุกสมัย คนชนะอยู่ต่อส่วนคนแพ้ต้องจากไป รอบนี้ก็เช่นกันศึกชิงหัวหน้าพรรคคนที่ 9 วันที่ 9 ก.ค.2566 ระดับความมันส์กับความดุเดือดไม่แพ้มวยไทย 5 ดาว ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าศึกชิงนายกฯ รอบนี้เป็นการช่วงชิงอำนาจระหว่าง 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งคือฝ่ายผู้อาวุโสหรือผู้เฒ่าในพรรค ฝ่ายนี้มี “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย อดีตนายกฯคนที่ 20 อดีตนายกฯ 2 สมัย อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 5 เป็นแกนนำขั้ว ผู้สนับสนุนก็มี “น้าหยัด” บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 6 รวมถึง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ หัวหน้าพรรคคนที่ 8 และรวมถึง นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรค เป็นตัวตั้งตัวตี ขั้วนี้แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะสนับสนุนใคร แต่คนในพรรคและคนนอกอ่านสัญญาณชัดจับทางออก ว่ารอบนี้คนที่บรรดาขั้วผู้เฒ่าจะเสนอมาเป็นหัวหน้าเข้ากอบกู้พรรคเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “อ.มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯคนที่ 27 อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 7 เพราะอาการของประชาธิปัตย์ยามนี้ต้องบอกว่าหนักหน่วงจริงๆ ถ้าเปรียบเป็นคนป่วยก็คือโคม่า กล้ามเนื้อลีบเหี่ยว หัวใจอ่อนแรง ไม่มีกำลังวังชา รอเวลานับถอยหลังให้หมอถอดอ็อกซิเจน ดับขันธ์ตามธรรมชาติทางการเมือง
ขณะที่อีกขั้วอีกฝ่ายเรียกว่าขั้วสามอ่าว นำทีมโดย “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เจ้าพ่อเมืองประจวบฯ ในทีมก็มี “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ส.ส.สงขลา ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช แม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยประกาษิตเคยลั่นวาจาในฐานะประธานการเลือกตั้งของพรรคว่าหากแพ้การเลือกตั้งเที่ยวนี้ โดยเฉพาะถ้าได้ส.ส.ต่ำกว่าเลือกตั้งคราวที่แล้วคือ 53 คน จะลาออกจากพรรคเลิกเล่นการเมืองไปเลย แต่จนถึงตอนนี้เฉลิมชัยยังเคลื่อนไหวโยงใยในพรรคอยู่ แถมเดินแผนสูงจะยึดฟ้าสถาปนาพรรคใหม่ ถ้าชนะเตรียมแขวนกลุ่มผู้เฒ่าขึ้นหิ้งทั้งหมด ประชาธิปัตย์ทุกยุคเหมือนกันหมด เล่นกันหนักซัดกันแรง ขั้วนี้แรกเริ่มเดิมทีมีการติดต่อบรรดาพวกคนรุ่นใหม่ในพรรคให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคหลายคน อาทิ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ซ้อใหญ่เครือเนชั่นกะปั้นคนสวยขึ้นเป็นประมุขพรรคเลย แต่ภายหลังบวกลบคูณหารแล้วไม่คุ้มมาดามเดียร์เลยถอยฉากไป ต่อมาข่าวว่ามีการไปทาบทาม “ดร.บิล” อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ อดีตเลขาฯประธานสภามาชิงหัวหน้า แต่อย่างที่รู้ดร.บิลนั้นเป็นลูกหม้อหัวเหนียวของคุณชวนไม่มีทางที่จะทรยศหักหลังอาจารย์แน่ สุดท้านเฉลิมชัยก็ไร้คนขึ้นชก ไปๆมาๆ เลยคิดว่าจะเสนอนายกฯชายขึ้นชนกับอ.มาร์คแทน แต่เดชอิศม์ก็มีปัญหาคาราคาซังกรณีมีชื่อถูกร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งที่สงขลาอยู่ แถมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า ผลงานก็ยังไม่เข้าตา คนไม่ค่อยรู้จัก บารมีก็ยังไม่มากพอ ถ้าดันขึ้นมาสู้กับอภิสิทธิ์มีหวังถูกทิ่มหงายเก๋ง ล่าสุดจึงมีข่าวว่ามีความพยายามจะทาบทาม “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ขึ้นมาเป็น “คู่ชิง-คู่เทียบ” ชนกับอภิสิทธิ์ ความหล่อก็สู้สี ความรู้ความสามารถก็พอเอามาถูไถได้ แต่บารมี ประสบการณ์ เหลี่ยมคูทางการเมืองนี้สิที่ดูจะเป็นรองอภิสิทธิ์อยู่หลายขุม แต่ในบรรดาตัวเลือกทั้งหมดดูเหมือนดร.เอ้น่าจะเป็นคนที่เสียเปรียบน้อยที่สุดหากขึ้นวัดกับอภิสิทธิ์บนเวที
ศึกชิงอำนาจในประชาธิปัตย์เที่ยวนี้บอกเลยว่าฝ่ายขั้วผู้เฒ่าฝ่ายอภิสิทธิ์หนักแน่ ล่าสุดนายหัวชวนถึงขนาดต้องออกมาส่งสัญญาณ สะบัดใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งถึงสมาชิกพรรคทุกคนในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะกระแสข้างในเรื่อง “ยึดพรรค” จากฝ่ายโจรสลัดนั้นแรงจริงๆ นายหัวชวนกรีดยับทำนองว่า ขอให้เลือกหัวหน้าพรรคดีๆ ถึงตอนนี้ควรรู้ว่าใครเหมาะที่สุด ขนาดเลือกตั้งในภาคใต้ยังแพ้พรรคลุงตู่ จะเอาใครมานำพรรคก็ต้องไตร่ตรองให้รอบครอบ พร้อมฝากคุณสมบัติหัวหน้าปชป.คนใหม่ ยึดความสุจริตเป็นที่ตั้ง เตือนร่วมรัฐบาลกับพรรคโกงกินก็อันตราย งานนี้เลือดสาดกันเป็นแถว 2 ขั้ว 2 ฝ่าย มีจุดแข็งมีจุดอ่อนคนละอย่าง ฝ่ายชวนดันอภิสิทธิ์ประกาศตัวขอเป็นฝ่ายค้านรักษาอุดมการณ์จุดยืนตัวเองไม่มีทางไปร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย หัวเด็ดตีนขาดก็ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเอาจุดแข็ง-จุดเด่นในอดีตกลับมาเป็นธงนำในการฟื้นฟูพรรคให้กลับมาเกรียงไกร ด้านฝั่งเฉลิมชัยถึงตอนนี้ยังไม่รู้จะดันใครจะมาไม้ไหนแต่ที่แน่ๆในมือมีส.ส.อยู่ 17 คน เซ็นใบอนุมัติรับรองการมอบอำนาจทำการแทนกันเป็นที่เรียบร้อย พร้อมชูแนวทางพาประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลต่อไป ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าจะเอาส.ส.17 คนไปหนุนก้าวไกลหรือเพื่อไทยเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลต่อที่สวนทางกับขั้วผู้เฒ่าฝั่งชวนอย่างสิ้นเชิง 2 ฝ่ายเสนอแนวทางต่างกันสุดขั้วงานนี้ไม่รู้ใครจะอยู่ใครจะไป
ยิ่งไปกว่านั้นกติกาการเลือกหัวหน้าพรรคสีฟ้าก็ไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะดูคะแนนจากโหวตเตอร์ 374 คน ที่มาจากหลายกลุ่ม ประกอบด้วย 1. กก.บห. ชุดรักษาการ 32 คน 2. สมาชิกพรรคที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรค 3.อดีตเลขาธิการพรรค 4. ส.ส.ชุดปัจจุบัน 25 คน 5. สมาชิกพรรคที่เป็นรัฐมนตรี 2 คน 6.อดีตรัฐมนตรี 19 คน 7.อดีต ส.ส. ที่ยังเป็นสมาชิกพรรค 85 คน 8.ผู้บริหารท้องถิ่นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค 1 คน 9.สมาชิกสภาท้องถิ่นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค 1 คน 10.สาขาพรรค 20 คน 11.ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด 172 คน และ 12.อื่นๆอีก 20 คน อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้กลุ่มที่มีพาวเวอร์มากที่สุดคือ ส.ส.25 คน เพราะข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับส.ส.มีคะแนนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือทั้งหมดรวมกันแค่ 30 เปอร์เซ็นเท่านั้นๆ เอาง่ายๆถ้าใครกุมเสียงส.ส.ได้มากโอกาสดันคนของตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคก็แค่เอื้อม ประเด็นนี้แหละที่ทำให้ขั้วชวนฝ่ายอภิสิทธิ์เสียเปรียบสุดๆ เพราะฉะนั้นถึงต้องมีการพลิกเกมด้วยการเตรียมเสนอขอที่ประชุมใหญ่โดยใช้เสียง 3 ใน 5 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับ 70:30 ในการเลือกหัวหน้าครั้งนี้ ถ้าทำได้สำเร็จโอกาสอภิสิทธิ์ซิวหัวหน้าก็มีสูงเพราะสาขาพรรค ส่วนอื่นๆที่เหลือทั้งหมดพร้อมหนุนอยู่แล้ว ด้านเสี่ยต่อก็ต้องข้อมติที่ประชุมยกเว้นข้อบังคับต้องเป็นสมาชิก 5 ปีถึงจะชิงหัวหน้าพรรคให้กับดร.เอ้เช่นกันหากจะดันขึ้นหัวหน้า ต่างฝ่ายต่างต้องชิงความได้เปรียบ ข่าวว่าชิงดำวันอาทิตย์นี้นายหัวชวนเตรียมเสนอชื่ออภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าคนใหม่ด้วยตัวเอง เพื่อให้โหวตเตอร์ทุกคนรับรู้กันไปเลยว่าผู้อาวุโสในพรรคหนุนใคร จับตาอาทิตย์นี้ 9 ก.ค. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 จะเป็นใคร คนใหม่ถอดด้าม หรือ คนเก่าหน้าเดิม
/////////////////////////////