“จตุพร” จับตา “พิธา” อาจได้โอกาสโหวตแค่ครั้งเดียว ลั่นสุดท้ายไม่มีใครได้เป็นนายกฯสักคน

"จตุพร" จับตา "พิธา" อาจได้โอกาสโหวตแค่ครั้งเดียว ลั่นสุดท้ายไม่มีใครได้เป็นนายกฯสักคน

เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “อาการน่าเป็นห่วง!” ว่า การเข้าไปบริหารบ้านเมืองของประเทศนี้ไม่ง่ายเลย กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนโหวตนายกฯ 13 กรกฏาคมนี้ เข้าใจว่าสภาฯคงมีการอภิปรายและหาข้อสรุป หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่านจะโหวตครั้งที่สองได้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบเป็นญัตติที่ถูกตีตกแล้วจะเสนอกลับมาโหวตใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัญหาหลักของการถูกยื้อ จนการโหวตในสภาไม่เรียบร้อย และอาจเลื่อนการโหวตนายกฯ รอบแรกออกไป

นายจตุพร ชี้อีกว่า นายพิธายังมีปัจจัยแทรกขึ้นมาทั้งกรณี กกต.พิจารณาคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อหรือไม่ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่ กรณีคำร้องกล่าวหาพรรคก้าวไกลหาเสียงแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ อีกอย่างเมื่อรับคำรองแล้วจะมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ ดังนั้นบรรดาอุปสรรคเหล่านี้ จึงเป็นวิบากกรรมของนายพิธา ในการโหวตนายกฯ วันที่ 13 กรกฏาคมนี้ พร้อมย้ำแม้การโหวตนายกฯ 13 กรกฏาคมนี้ นายพิธาจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม แต่ความจริงที่แน่ชัดแล้ว คงได้เสียงไม่ถึง 376 เสียง อีกอย่างการโหวตอาจถูกยื้อออกไป หรือนายพิธา ได้โอกาสโหวตเพียงครั้งเดียว สิ่งนี้ย่อมเกิดความกินแหนงแคลงใจกันแน่นอน

ข่าวที่น่าสนใจ

นายจตุพร กล่าวว่า หากนายพิธา ได้รับสิทธิให้โหวตเพียงครั้งเดียว ย่อมมีการเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ มาเป็นของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นโอกาสของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อันดับสอง ที่แปะหน้าทักษิณ ชินวัตร เข้ามามีอำนาจทางการเมืองด้วย แต่ผลลัพธ์คงไม่เปลี่ยนจากโหวตนายพิธา คือ ไม่ผ่าน 376 เสียง สิ่งนี้จะกลายเป็นแรงเหวี่ยงให้เกิดสถานการณ์ย้ายข้ามขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลกับบางพรรคในฝ่ายข้างน้อย 188 เสียง

ทำให้บทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ โดดเด่นยิ่งขึ้นอีก และยังดำรงความมุ่งหมายในตำแหน่งนายกฯ อย่างชัดเจน แต่ย่อมเติมเชื้อไฟมวลชนชุมนุมนอกสภาไม่พอใจหนักยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อสถานการณ์มีความยากลำบากในทุกทางแล้ว การโหวตเลือนายกฯ อาจไม่มีใครได้เป็นนายกฯ สักคน สิ่งสำคัญหากนายกฯ ไม่ใช่นายพิธา เป้าของมวลชนจะรุมถล่มพรรคเพื่อไทย ที่ข้ามขั้วไปจับมือกับพรรค 188 เสียง และจะเกิดทางตันของบ้านเมือง เมื่อการชุมนุมบนถนนรุนแรงขึ้น อำนาจตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินถูกนำมาใช้ หากควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ทหารอาจเข้าแทรกแซงด้วยการยึดอำนาจอีกตามเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF
ทบ.ยืนยันอีกรอบ! ปมร้อน “แสตมป์” ไม่เกี่ยวกองทัพ พบไม่เคยร้อง 112
ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น