เจาะลึก 4 ปัจจัยสอดรับ “พิธา” ส่อตกเก้าอี้นายกฯ

เจาะปมร้อน “พิธา” ส่อตกเก้าอี้นายกฯ เหตุไมผ่านเสียงโหวตจาก ส.ว. พร้อมจับตาหัวหน้าพรรคก้าวไกลมีโอกาสโหวตรอบสองหรือไม่ หลังท่าที “วันนอร์” เปลี่ยนไป สอดรับท่าที 4 พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิมประสานเสียงเดิมไม่โหวตให้คนที่แก้ ม. 112 พร้อมจับท่าที “ธรรมนัส” แบะท่ารับพรรคอันดับสองจัดตั้งรัฐบาลส่งสัญญาณถึงเพื่อไทยหรือไม่

เหลือเพียงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงสำหรับการโหวตชื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 โดยในฝั่งของ 8 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลมีฉันทามติเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมตรีพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาสำคัญการโหวตนายกรัฐนตรีต้องใช้เสียงจากสองสภาคือทั้ง ส.ส. และส.ว. รวมกันให้ได้ไม่ต่ำกว่า 376 เสียงนั้น เป็นคำถามใหญ่ว่า นายพิธา จะผ่านด่านตรงนี้หรือไม่ โดยเฉพาะเสียงของ ส.ว.จำนวน 250 คนจะยกมือโหวตให้นายพิธามากน้อยเพียงใด

 

ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้นายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับเสียงโหวตของ ส.ว. เท่านั้น และจากการเช็กเสียง ส.ว.ล่าสุดมีความเป็นไปได้ว่า ส.ว.ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ จะไม่โหวต รวมถึงงดออกเสียงเพื่อไม่ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยแยกเป็น ส.ว.กลุ่มที่ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่มีทางโหวตให้นายพิธา เนื่องจากพรรคก้าวไกลมีนโยบายยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งถือเป็นการทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน อาทิ นายสมชาย แสวงการ นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน นอกจากนี้ยังมี ส.ว.กลุ่มใหญ่ประมาณกว่า 200 คน และแม้ว่า ส.ว.กลุ่มนี้จะยังไม่ได้เปิดเผยความคิดเห็นส่วนตัวชัดเจน แต่คาดว่าจะใช้แนวทางการงดออกเสียง โดยสาเหตุสำคัญคือกรณีที่พรรคก้าวไกลมีนโยบายยกเลิกมาตรา 112 เช่นกัน

 

 

ขณะเดียวกันยังมี ส.ว.จำนวนนึงที่ประกาศจุดยืนว่าจะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุว่าขอยึดหลักการประชาธิปไตยในการเคารพพรรคการเมืองอันดับหนึ่งที่รวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล โดย ส.ว.กลุ่มนี้มีประมาณไม่เกิน 10 คน ประกอบไปด้วย 1.นายมณเทียร บุญตัน 2.นางประภาศรี สุฉันททบุตร 3.นายพีระศักดิ์ พอจิต 4.นางประยูร เหล่าสายเชื้อ 5.นางทัศนา ยุวานนท์ 6.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ 7.นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม 8.นางภัทรา วรามิตร

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับเสียงของ ส.ว.ในการสนับสนุนนาพิธา ต้องมาดูว่าพรรคก้าวไกลจะหาเสียงเพิ่มเติมได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า พรรคก้าวไกลจะได้เสียงส.ว.สนับสนุนครบถ้วนในครั้งแรก แต่จากการการหยั่งเสียง และเช็กท่าทีในภาพรวมของ ส.ว.ทั้งหมด จึงน่าเชื่อว่าเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธาอาจกลายเป็นศูนย์ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่ต้องมาจับตาดูอีกว่า หากนายพิธาไม่ผ่านด่าน ส.ว.ในการโหวตชื่อนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก คำถามต่อมาคือนายพิธาจะมีสิทธิในการเสนอชื่อเป็นครั้งที่สองหรือไม่

 

 

 

 

สำหรับประเด็นดังกล่าวก่อนหน้านี้ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานได้ตั้งข้อสังเกต โดยหยิบยกเรื่องข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อ 41 ระบุว่า “ญัตติใดที่เสนอที่ประชุมรัฐสภา หากไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่าตกไป และห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต เมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น กมธ.จึงมองว่ากรณีที่รอบแรกนายพิธาไม่ได้รับเลือกจากรัฐสภา จะไม่สามารถเสนอชื่อได้อีกในการโหวตครั้งที่ 2 แต่หากนายวันมูหะมัดนอร์ ยังยืนยันให้เสนอชื่อนายพิธาได้ ต้องรับผิดชอบหากมีกรณีมีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41

 

 

การอ้างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อ 41 มีความเห็นหลากลายจากทั้งกลุ่ม ส.ว. และ ส.ส. แต่ขอให้จับตาดูท่าทีของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่ก่อนหน้านี้เคยพูดว่า หากการโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ผ่านในรอบแรกจะเปิดโอกาสให้โหวตในรอบสอง หรือสาม แต่หลังจากมีการนำเสนอในเรื่องข้อบังคับการประชุมของรัฐสภา ข้อ 41 ปรากฎว่าท่าทีของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา เปลี่ยนไป โดยดูจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ออกมาในลักษณะแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อสื่อตั้งคำถามว่าหากนายพิธาไม่ผ่านการโหวตครั้งแรกจะโหวตครั้งที่สองได้หรือไม่

 

การสัมภาษณ์ครั้งนี้ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ระบุว่า “ไม่ทราบ แต่นายพิธาสามารถแสดงวิสัยทัศน์ก่อนได้ เรายังไม่รู้ว่านายพิธาจะได้รับเสียงโหวตหรือไม่ผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่านก็ต้องมาพิจารณาโดยยึดตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ และมติที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยมาแล้ว แม้จะไม่เกี่ยวกับกรณีนี้โดยตรง และความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาว่าจะสามารถทำได้อย่างไร ดังนั้นขอให้การพิจารณารอบแรกเสร็จสิ้นเสียก่อน ถ้าไม่ได้นายกฯ ถึงอย่างไรสภาฯ ก็ต้องดำเนินการให้ได้นายกฯ เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง แต่จะเสนออย่างไร กี่ครั้งและคนเดิมได้หรือไม่ ขอให้จบรอบแรกไปก่อน

 

 

ทั้งนี้การยกประเด็นเรื่องการยึดตามรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับ หรือจะเป็นมติที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยมาแล้ว รวมถึงความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาว่าสภาจะเปิดโอกาสการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบสองได้หรือไม่ของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา จึงเป็นเรื่องน่าจับตามองว่า วันนี้กระดานการเมืองในเรื่องการเสนอชื่อเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองอาจเปลี่ยนไปแล้วก็เป็นไปได้

นอกจากท่าทีของ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ที่เปลี่ยนไปยังมีประเด็นที่สอดคล้องและสอดรับกับเรื่องดังกล่าว เช่นท่าทีของ 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ชาตไทยพัฒนา และพลังประชารัฐที่ตอนนี้ทุกพรรคมีมติออกมาว่าจะไม่โหวตให้กับบุคคลหรือพรรคใดก็ตามที่มีนโบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งการออกมาประกาศจุดยืนของ 4 พรรคการเมืองถือเป็นการประสานเสียงที่อาจจมีนัยยะการเมืองอะไรหรือไม่หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลในฐานะพรรคอันดับสองแทนพรรคก้าวไกล

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะท่าทีการให้สัมภาษณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ หลังจากถูกสื่อตั้งคำถามหากนายพิธา ไม่ถูกโหวตให้เป็นนายกฯ ได้เตรียมแผนรองรับไว้หรือไม่ โดยร.อ.ธรรมนัส หย่อนความคิดเห็นอย่างมีนัยยะว่า

“พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส.เป็นอันดับ 4 ขั้นตอนต่อไปต้องให้พรรคที่มีเสียงรองลงมาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากพรรครองลงมา ติดต่อพรรคพลังประชารัฐให้เข้าร่วม โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วยคงต้องประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และส.ส.เพื่อขอมติครั้งอีกครั้งหนึ่ง”

 

 

ถอดรหัสคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส และท่าทีของ 3 พรรคการเมืองก่อนหน้านี้ เปรียบเสมือนการส่งสัญาณอะไรบางอย่างไปถึงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะแม้ว่าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย และบรรดาแกนนำออกมายืนยันจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างสุดความสามารถ แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือการนิ่งเงียบของนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่เคยออกมาหย่อนความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวแม้ซักครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นความผิดปกติอย่างมาก

สำหรับประเด็นนี้อาจเป็นเพราะว่า นายทักษิณรู้ดีว่าพรรคก้าวไกลจะไม่มีวันจั้ดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน จึงจัดหน้าฉากให้เพื่อไทยสนับสนุนก้าวไกลอย่างถึงที่สุด แต่หลังฉากอาจมีการตกลงเจรจาอะไรกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ เพื่อรอเวลาให้ถึงกระบวนการที่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลจากการที่ก้าวไกลไม่ผ่านด่าน ส.ว.ทำให้นายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

โดยเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแบบพลิกขั้ว และทิ้ง “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายค้านท่ามกลางท่าทีการสอดรับของทุก ๆ ฝ่ายที่ออกมาเดินเกมเหล่านี้อย่างพร้อมเพรียงหรือไม่…?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่
เมืองคอนน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ หากผลไม่หยุดตกคืนนี้ตัวเมืองอ่วมอรทัยแน่นอน-ในเบื้องต้นนายอำเภอ,นายกเล็กฯจับมือศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนและชมรมรถจิ๊ปลุยช่วยชาวบ้านแล้ว-เรียกร้องเจ้าพนักงานที่ดินเด้งตรวจสอบนายทุนถมลำคลองปิดกั้นทางน้ำว่าออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โซเชียลถามกลับ “พรรคส้ม” รู้ยังมีทหารไว้ทำไม? หลังเกิดเหตุการณ์ "กลุ่มว้าแดงและทหารไทย"
ผบ.สอ.รฝ.ประดับเครื่องหมายเลื่อนยศ นักรบต่อสู้อากาศยาน 46 นาย
‘สามารถ’ คอตกศาลไม่ให้ประกัน เตรียมส่งเข้าเรือนจำ ส่วน ‘แม่’ วางเงิน 5 แสนบาท ได้รับปล่อยตัว
"กองทัพภาคที่ 3" แถลงข่าวแจงพื้นที่ "กองกำลังว้าแดง" ตั้งฐานปฏิบัติการลุกล้ำไทย ยังไม่มีการสำรวจ หรือปักปันเขตแดน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น