เริ่มต้นวันประวัติศาสตร์ในการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงเช้า 13 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยทุกอย่างเป็นไปตามกรอบที่มีการพูดคุยกันไว้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทน 8 พรรคว่าที่รัฐบาลใหม่ที่กุมเสียง 312 เสียง ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯจากพรรคก้าวไกลขึ้นเป็นนายกฯท่ามกลางเสียงรับรองและสนับสนุนถูกต้อง โดยที่ประชุมเปิดโอกาสให้ส.ส.อภิรายญัตติ 4 ช.ม. ส่วนสภาสูงได้เวลาในการอภิปราย 2 ช.ม. เสร็จสรรพ 17.00 น.ก็จะเริ่มโหวตนายกฯลุ้นว่าพิธาจะได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 376 จากสองสภา 750 คนหรือไม่ ก็ลุ้นกันไปว่าจะออกหน้าไหนหัวหรือก้อย แต่ก่อนหน้าจะถึงการโหวตพิธาเจอแจกพ็อต 2 เด้งไปเต็มๆ หลังวานนี้ (12 ก.ค.2566) ช่วงเที่ยง กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม. 98 ( 3 ) ประกอบม. 101 ( 6 ) หรือไม่จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บ. ไอทีวี 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หลังมีมติแล้วเสร็จอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.ลงนามในคำสั่งดังกล่าวก่อนให้จนท.นำหนังสือพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาอีก 3 ลังส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในช่วงบ่ายทันที งานนี้พิธาถึงกับหนาวเพราะประเด็นที่เป็นห่วงว่าจะถูกเชือดก่อนโหวตนายกฯก็มาถึงจนได้ แต่โชคดีที่การนำเสนอคำร้องดังกล่าวของกกต.ไม่ทันการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องจึงแค่ถูกบรรจุในสารบบและรอการพิจารณจากศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ที่พิธาก็ยังสามารถเข้าสภาไปลุ้นโหวตอนาคตของตัวเองได้
ถูกกกต.ส่งเรื่องขึ้นเขียงศาลรัฐธรรมนูญไม่พอ ในเวลาไล่เลียใกล้เคียงกัน ศาลรัฐธรรมนูญก็ออกเอกสารเผยแพร่ว่ารับคำร้องกรณี ธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของพุทธอิสระ ได้ไปร้องขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม. 49 ว่าการกระทำของพิธาและพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 รวมถึงใช้เรื่องนี้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา และ ในปัจจุบันยังคงดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ โดยศาลให้โอกาสพิธาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ภายใน 15 วัน งานนี้เรียกว่าอ่วมอรทัย ความวัวยังไม่หาย ความควายเข้ามาแทรก 2 เรื่องติดๆเต็มๆที่พิธาถูกร้อง ล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงถ้าผิดจริงพิธาติดคุกหัวโต แถมจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย ถือเป็นสองคดีใหญ่ที่เป็น “โทษ” กับพิธาแบบเต็มๆ แม้จะยังไม่มีการพิจารณาตัดสินคดีในเร็ววันนี้ แต่กรณีที่กกต.ชี้มูลให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดพิธา และมีมติ 5 ต่อ 0 เห็นว่าไอทีวียังคงเป็นสื่อ รวมถึงคำร้องเรื่องพิธาและก้าวไกลเดินหน้าแก้ไขม. 112 อันเป็นการล้มล้างการปกครองฯ แบบไม่หยุดหย่อน แค่นี้ก็ทำให้พิธาเสียรังวัด เสียหายด่างพร้อยไปหมดแล้ว เพราะคนที่จะเสนอตัวเป็นนายกฯกับมีคดีใหญ่ติดตัวถึงสองคดี แถมมีแนวโน้มว่าจะผิดตามคำร้องที่ถูกเสนอไปด้วย ตรงนี้เลยทำให้มีผลกับการตัดสินใจของส.ส.และโดยเฉพาะส.ว.แบบเต็มๆ
พิธาอาจได้รับการเลือกจากคนไทย 14.4 ล้านคน มีส.ส.ในมือ 151 คนจากก้าวไกลเป็นนั่งร้าน มีส.ส.312 คนจาก 25 ล้านคะแนนของ 8 พรรคสนับสนุน แต่อย่าลืมว่าคนไทยมี 60 ล้านคน เสียงของพิธาถ้าเคลมกันจริงๆก็แค่ 1 ใน 4 ของคนทั้งประเทศ แถมวันนี้ 14.4 ล้านเสียงที่ว่ายังอยู่กับพิธาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และจะเห็นด้วยกับการล้มล้างสถาบันทั้งหมดของก้าวไกลก็คงไม่ใช่ ดูตามทรงโอกาสเป็นนายกฯคนใหม่ นายกฯคนที่ 30 ของพิธาต้องบอกว่าริบหรี่เต็มทน สภาพพิธาตอนนี้เหมือนคนป่วยเข้าขั้นโคม่า อยู่ห้องไอซียู เรียกว่าร่อแร่เต็มทน อย่างที่ทราบเสียงของพิธามี 8 พรรคหนุนหลัง 312 เสียง มาจาก ก้าวไกล 151 คน เพื่อไทย 141 คน ประชาชาติ 9 คน ไทยสร้างไทย 6 คน เพื่อไทรวมพลัง 2 คน เสรีรวมไทย 1 คน เป็นธรรม 1 คน พลังสังคมใหม่ 1 คน การจะไปถึงขั้นจะเป็นนายกฯต้องหาให้ได้ 376 จาก 750 ยังขาดเสียงส.ส.และ ส.ว.อีก 64 เสียง มองสภาล่างส.ส.ด้วยกัน 10 พรรค 188 คน เช้านี้ “อนุทิน-จุรินทร์- วราวุธ” ประกาศเสียงดังฟังชัด ไม่โหวตให้พิธาไม่ยกมือให้กับพรรคการเมืองที่แก้ ม.112 ก็ชัดเจนว่าเสียงส่วนใหญ่ใน 188 เสียงขั้วรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะ 5 พรรคใหญ่คือ “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา” คงไม่มีใครจะเปลี่ยนใจมาหนุนพิธาแน่นอน เพราะทุกคนเห็นพิธากับก้าวไกลเป็นภัยความมั่นคงของประเทศ เป็นขั้วการเมืองที่ล้มล้างสถาบัน ไม่อาจจะให้ “ผู้นำปลิ้นปล้อน-พรรคการเมืองตอแหล” ได้โอกาสมาบริหารบ้านเมืองดูแลประเทศแม้แต่วันเดียวหรือวินาทีเดียว
เสียงสภาล่างดูแล้วหมดสิทธิ์ที่จะมาเติมให้กับพิธาและก้าวไกล ส่วนเสียงจากสภาสูงก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอาจมีส.ว.ถึง 20 คนยกมือให้พิธา แต่พอถึงเวลาจริง 20 เสียงที่ว่าดูเหมือนหายหมด แถมการโหวตนายกฯวันนี้ ปรากฎว่าบรรดาผบ.เหล่าทัพ 6 คน ก็แจ้งติดภารกิจไม่มาร่วมประชุม พูดง่ายๆคือบอยคอตพิธาไม่เอาก้าวไกลแบบแสดงสัญลักษณ์ให้เห็นจะๆกันไปเลย ไม่แค่นั้นหลายคนที่เคยมีข่าวว่าอาจจะสนับสนุนยกมือให้พิธาเมื่อหลายวันก่อน มาวันนี้ก็กลับลำเปลี่ยนใจเป็น “งดออกเสียง” กันเป็นทิวแถว ด้วยเหตุและผลแตกต่างกันออกไป ทั้งดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม วัลลภ ตังคณานุรักษ์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จเด็จ อินสว่าง ฯลฯ ขณะที่เสียงส่วนใหญ่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ก็ยังยืนกรานขอปิดสวิตท์ตัวเอง ไม่ขอเลือกใครเป็นฯนายกฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชื่อที่ถูกเสนอในวันนี้คือพิธา จับสัญญาณการอภิปรายแสดงความคิดเห็นของส.ว.ส่วนใหญ่ๆ จะเห็นได้ว่าตัวแทนที่ทยอยกันขึ้นพูดในวันนี้ ทั้ง ประพันธ์ คูณมี คำนูญ สิทธิสมาน เสรี สุวรรณภานนท์ ฯลฯ ล้วนยกประเด็นแก้ไขม.112 ล้มล้างสถาบันเป็นประเด็นหลักประเด็นใหญ่ ในการถล่มพิธาไม่ไว้วางใจแคนดิเดตนายกฯจากฝ่ายส้มล้มเจ้าเป็นด้านหลัก อาทิ ประพันธ์ระบุพิธาหมดความชอบธรรมขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ เพราะถือหุ้นสื่อถือหุ้นไอทีวีมีคดีติดตัว ความจริงไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้เพราะสามัญสำนักก็พิจารณาได้เองว่าถือหุ้นสื่อหรือไม่ คำนูญระบุไม่เชื่อเรื่องปกป้องสถาบันของพิธาและก้าวไกล เพราะเสนอแก้ไข ม.112 ลดความคุ้มครองในหลวง พระราชินี องค์รัชทายาท ลดลงมาเท่าหมิ่นประมาทประชาชนคนธรรมดา แถมวันแถลงสัตยาบัน 8 พรรครัฐบาลใหม่ แหม็บๆ พอพูดจบตอบคำถามสื่อก็บอกว่าจะเดินหน้าแก้ไข ม.112 ต่อไป มีแนวคิดต้องการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ต้องหา 112 ทางประตูหลัง ไม่มีความจริงใจในการปกป้องสถาบัน ฝากเสรีอัดก้าวไกลให้ท้ายเด็กปลุกไอเดียล้มล้าง ม.112 อุ้มคนล้มล้างสถาบัน ให้ท้ายประกันตัวคนทำผิดด่าทอสถาบัน เตือนพิธาอย่าปลุกม็อบหากไม่ได้เป็นนายกฯหากแพ้โหวตในสภา เอาคนมากราบตอนไปลงพื้นที่แบบไม่สมควร เอาเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีแบบไม่รู้กาลเทศะ ด้านส.ว.สมชายตำหนิการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ลดการปกป้องคุ้มครองสถาบันลงแบบรับไม่ได้ โทษความผิดและโทษปรับต่ำกว่าหมิ่นประมาทของประชาชนคนธรรมดาเสียอีก ย้ายกฎหมายหมิ่นสถาบันจากหมวดความมั่นคงไปเป็นหมวดปกติ แถมให้สามารถยอมความได้ ฯลฯ
ล่าสุด 16.00 น. สภาเริ่มโหวตญัตติพิธาเป็นนายกฯแล้ว ผลปรากฎว่าพิธาไปไม่ถึงฝัน ตกสวรรค์ไม่ได้เป็นนายกฯตามที่ประกาศตามที่โม้ไว้ เพราะได้เสียงเห็นชอบแค่ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียงท่วมท้น 199 เสียง จากจำนวนสมาชิกสองสภา 705 คน ทั้งนี้ 13 ส.ว.ที่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกฯ ประกอบด้วย 1.ศ.เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ 2.พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา 3.เฉลา พวงมาลัย 4.ซากีย์ พิทักษ์ชุมพล 5.พ.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง 6.พีระศักดิ์ พอจิต 7.พิศาล มาณวพัฒน์ 8.มณเฑียร บุญตัน 9.วันชัย สอนศิริ 10.วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์11.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ 12.อำพล จินดาวัฒนะ 13.ประภาศรี สุฉันทบุตร โดยประเด้นชี้ขาดที่ทำให้ทุกคนไม่เอาพิธาก็คือเรื่องล้มเจ้าเดินหน้า 112 นั้นแหละที่เป็น “จุดตาย-จุดสลบ” ของหน้าหล่องานนี้ต้องจับตาว่าปฏิกริยาหลังพิธาหลุดนายกฯ ด้อมส้มฝ่ายก้าวไกลจะออกมาฟาดงวงฟาดงาปั่นบ้านป่วนเมืองยังไง อย่าลืมว่าฝ่ายส้มล้มเจ้าถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว ตัวพ่อไม่ผ่านโหวตหน้าหล่อหลุดโค้ง จากส้มกลายเป็นแห้ว จากนี้จะไปต่อกันยังไง รวมถึงจับตาใครจะมีลุ้นนายกฯคนต่อไปจากรายชื่อที่เหลืออยู่ “แพทองธาร-เศรษฐา- อนุทิน-พล.อ.ประวิตร” จะมีการย้ายขั้วสลับข้าง พลิกเกม ชิงจังหวะกันยังไง หวยเบอร์ 30 จะไปออกที่ใคร การเมืองไทยจากนี้จะร้อนแรงแบบสุดๆ พร้อมเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอด ติดตามกันชนิดห้ามกระพริบตา
/////////////////////
