โคราชบุกจับโรงงานรีไซเคิลขยะชาวจีนแอบปล่อยมลพิษและน้ำเสียหวั่นกระทบชาวบ้านเดือดร้อน

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นายธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ มอบหมายให้นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนตรวจและบังคับใช้กฎหมายฯ ร่วมกับ พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ท.สุทธินันท์ รอดคำวงศ์ รอง หน.ชุดปฏิบัติการพร้อมกำลังตำราจภูธรภาค 3 นายอนุชา เจริญพันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครราชสีมา สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และอำเภอเมืองนครราชสีมา บูรณาการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการโรงงานบดย่อยและหลอมพลาสติก ในพื้นที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

ข่าวที่น่าสนใจ

นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนตรวจและบังคับใช้กฎหมายฯ  กล่าวว่า หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 ร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบก๊าซอันตรายในระดับที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ก๊าซ Phosphine, Phosgene และ Furan  ซึ่งเป็นสารที่ก่อมะเร็งที่สะสมในร่างกายได้ และตรวจพบการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกโรงงานเกินค่ามาตรฐาน นอกจากนี้ยังพบว่าสภาพการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในโรงงานมีความไม่ปลอดภัย เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มาแล้ว 2 ครั้ง และผลการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้กิจการของโรงงาน อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น กรณีสั่งให้หยุดประกอบกิจการ ซึ่งเทศบาลตำบลโพธิ์กลางได้กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา นอกจากนี้ยังได้จับแรงงานต่างด้าวซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นชาวพม่าอีกจำนวน 11 คน และได้ประสานกับ ตม.เพื่อส่งดำเนินคดี

อีกทั้งที่ตั้งของโรงงานอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร การประกอบกิจการโรงงานดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข สภาพปัจจุบันมิได้มีการขึ้นทะเบียนครอบครอง ส่งผลให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวมีสถานะเป็นพื้นที่ป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ทั้งนี้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา จะเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจงข้อเท็จจริง และมีคำสั่งแจ้งให้หยุดประกอบกิจการไว้ก่อน  โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) จะเป็นหน่วยงานหลักในการสรุปรวบรวมประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อกล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในภาพรวม ต่อไปซึ่งภายหลังจากผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ปราฏกว่าโรงงานดังกล่าวยังคงดำเนินกิจการและเครื่องจักรก็ยังคงทำงานเป็นปกติ

ภาพ/ข่าว ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์จังหวัดนครราชสีมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น