เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนกล่าวผ่าน Facebook Live ประเทศไทยต้องมาก่อนตอน “ความพินาศบังเกิด” ถึงผลการโหวตนายกรัฐมนตรีว่า ยุทธศาสตร์ยังไม่เคยเปลี่ยน และยังไม่เปลี่ยนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ตั้งมาตั้งแต่ต้นในสมรภูมินี้คือ พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ทั้งประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี โดย 13 เสียงส.วที่โหวตให้พรรคก้าวไกลนั้น ต้องคิดรักษาให้ได้ อย่าคิดไปหาเพิ่ม และเชื่อว่าก่อนจะโหวตอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคม หากไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ เช่น รายชื่อส.ว. 65 เสียงที่พร้อมจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 ฝ่ายมาหารือ เพราะเกรงว่าวันที่ 19 อาจจะมีการยื่นตีความญัตติว่าสามารถเสนอชื่อนายพิธาได้อีกหรือไม่ ฉะนั้นการโหวตครั้งที่ 2 ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังมีเรื่อง 2 คดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญด้วย และตนไม่แน่ใจว่าวันที่ 19 กรกฎาคมนี้จะยืนยันวาระเดิมตามนัดหมายหรือไม่ หรือแม้จะเปลี่ยนแปลงการโหวตเป็นแคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตัวเลขอาจจะวูบวาบ แต่ก็ไม่สามารถข้ามเส้น 376 เสียงได้อยู่ดี
"จตุพร" แนะก้าวไกล รักษาเสียงส.ว.ให้ได้ก่อน อย่าคิดหาเพิ่ม ชี้โหวตรอบ 2 ไม่ใช่เรื่องง่าย
ข่าวที่น่าสนใจ
ส่วนการคาดหวังว่าส.ว.ที่ขาดประชุมในวันนี้ จะเข้ามาในการประชุมครั้งหน้า และมาโหวตให้ตัวเองนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พวกนั้นหนีสุดชีวิตแล้ว ดังนั้นเพื่อให้มันเจ็บแสบ ตนแนะนำให้ก้าวไกลติดอยู่แบบนี้ เมื่อเพื่อไทยไม่ทิ้งฉัน ฉันก็ไม่ทิ้งเธอ เธอไปไหนฉันไปด้วย ส่วนอีกพวกก็จะบอกว่าถ้าเพื่อไทยมา อย่าเอาก้าวไกลมา ฉะนั้นก้าวไกลต้องเท่าทันการข้ามขั้ว ส่วนเพื่อไทย ตามใจก้าวไกลทุกอย่างแต่ขออย่างเดียว อย่าตามมา อย่างไรก็ตา หลังจากนี้ 1 สัปดาห์เราจะเห็นปฏิบัติการ บางอย่าง หรือการแปรพักต์บางอย่าง
นายจตุพร ยังวิเคราะห์มวลชนของพรรคก้าวไกลว่า ขณะนี้ยังจุดไม่ติด ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฏาคมจนถึงวันที่ 13 กรกฏาคม ตัวเลขมวลชนยังไม่ได้ และ 14 ล้านเสียงยังไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อะไร หากประชาชนผูกพันกันขั้นสุด วันนี้จะเข้าประชุมสภาฯไม่ได้แล้ว หรือหากเข้าได้ก็ออกมาไม่สะดวก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในสถานการณ์นี้ตลอด ซึ่งต้องดูหลังจากนี้ไป โดยเฉพาะหากเพื่อไทยข้ามขั้วและถีบพรรคก้าวไกลออก จะทำให้มวลชนของพรรคก้าวไกลจุดติด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง