สะกิดต่อมด้อมส้ม “กกต.มีไว้ทำไม”

สะดิดต่อมพี่น้อง “ด้อมส้ม” หลังจัดหนักทำสงครามโซเชียลอัด “กกต.มีไว้ทำไม” เผยน้อง ๆ หนู ๆ อาจเกิดไม่ทัน ระบุกำเนิดกกต.มาจากรธน.ปี 40 เหตุก่อนหน้านี้อำนาจอยู่ในมือกระทรวงมหาดไทย ทำให้การเลือกตั้งถูกครหาไม่เที่ยงธรรม สุจริต จึงจำเป็นต้องมีองค์กรอิสระเข้ามาดูแลแทน

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านคงได้เห็นคำว่า “กกต.มีไว้ทำไม” ในโลกโซเชียลอย่างต่อเนื่อง โดยคำว่า “กกต.มีไว้ทำไม” น่าจะเกิดจากอารมณ์เหวี่ยง โมโหของพี่น้องชาวด้อมส้มที่ออกอาการไม่พอใจต่อการกระทำตามหน้าที่ของ กกต. โดยเฉพาะการส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลกรณีถือครองหุ้นไอทีวี จึงทำให้เป้าโจมตีไปตกที่ กกต.อย่างตั้งใจ ส่งผลให้แฮชแท็ก #กกตมีไว้ทำไม ครองอันดับเทรนด์ฮิตในทวิตเตอร์

“กกต.มีไว้ทำไม” เป็นคำถามของชาวด้อมส้มที่ต้องมีคำตอบให้ เพราะน้อง ๆ หนูๆ พวกนี้อาจเกิดหรือเติบโตมาไม่ทัน จึงขาดแก่นความรู้ที่แท้ที่จริง ทำให้ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.

ทั้งนี้ความหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติ คือ คณะกรรมการการ เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่หลักเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือ จัดให้มีการเลือกตั้ง หรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

ก่อนจะมีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.นั้น ประเทศไทยมีกระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องการจัดเลือกตั้ง โดยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 กระทั่งมีการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ประเทศไทยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป 19 ครั้ง ใช้ระยะเวลา 64 ปี ดำเนินการภายใต้กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีการตราขึ้นมาบังคับใช้ในแต่ละห้วงเวลาแต่ละสมัย ซึ่งกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกฉบับบัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการมีอำนาจในการออกกฎกระทรวง และระเบียบให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย ส่งผลให้กระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาโดยตลอด

การจัดเลือกตั้งของกระทรวงมหาดไทยที่ผ่านมาไม่พ้นข้อครหาเรื่องตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เนื่องจากรัฐมนตรีมหาดไทยเป็นบุคคลมาจากพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลแต่งตั้ง ดังนั้นทุก ๆ ครั้งที่มีการเลือกตั้ง หากรัฐบาล หรือพรรคการเมืองใดที่เป็นคนกุมอานาจรัฐ โดยเฉพาะได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย จึงไม่อาจปฏิเสธถึงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เนื่องจากอำนาจของกระทรวงหมาดไทยในสมัยนั้นยิ่งใหญ่ล้นฟ้าคุมการปกครองทางราชการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น กรมการปกครอง ผู้ว่าราชการทั่วประเทศ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือแม้กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ตอนนั้นขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากประเด็นดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายทั้งนักวิชาการ สื่อมวลชน และภาคประชาชนมองว่า การจัดการเลือกตั้งถ้าจะให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมควรองค์กรใดที่เป็นอิสระต่อการเมืองเข้ามาดูแล และจุดเริ่มต้นดังกล่างเกิดจากการเลือกตั้งครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป นายอานันท์ ปันยารชุน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ประสงค์ที่จะให้ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแลกระบวนการเลือกตั้งให้เกิดความโปร่งใส สุจริต ยุติธรรม จึงมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและสอดส่องดูแลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ “องค์กรกลาง” โดยมอบหมายให้ นายเกษม สุวรรณกุล เป็นประธาน และนายโคทม อารียา เป็นกรรมการและเลขานุการ โดย “องค์กรกลาง” ถือเป็นองค์กรอิสระที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานอิสระไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ตรวจสอบการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม

แต่การถือกำเนิด กกต. มาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งเนื้อหาสาระได้มีการปรับปรุงแก้ไขออกแบบโครงสร้างระบบการเมืองให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ การบัญญัติให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นองค์กรอิสระ ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการเลือกตั้งแทนที่กระทรวงมหาดไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดแรก เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2540 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประกอบด้วยคณะกรรมการ ซึ่งเลือกสรรโดยวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งได้สมัยเดียวเป็นเวลา 7 ปี

ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดแรกมีจำนวน 5 คน โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ซึ่งกรรมการการเลือกตั้งต้องไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ

 

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมี กกต.จัดการเลือกตั้งมาแล้ว 5 ชุด
ชุดแรก (พ.ศ. 2540–2544),
ชุดที่สอง (พ.ศ. 2544–2549),
ชุดที่สาม (พ.ศ. 2549–2556),
ชุดที่สี่ (พ.ศ. 2556–2561)
ชุดที่ห้า (พ.ศ. 2561–ปัจจุบัน) โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง และนายแสวง บุญมี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งเลือกตั้งอีก 5 คน

สำหรับกกต.ทั้ง 5 ชุดที่ผ่านมาแม้จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส แต่ไม่วายถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล แต่ครั้งที่อัปยศที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ คือ คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดสองต้องติดคุก เนื่องจากการจัดการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม คือเหตุการณ์ที่ทำให้ กกต. เมื่อปี พ.ศ. 2549 ในครั้งนั้น กกต. มีจำนวน 4 คน คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ, นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ

สิ่งที่กล่าวมาคือคำตอบที่จะส่งไปถึงชาวด้อมส้มว่า “กกต.มีไว้ทำไม” ซึ่งการจะกล่าวหาหรือว่าใครเราควรต้องศึกษาข้อมูลให้รู้ซึ้งเหมือนคำสุภาษิตไทยที่บอกว่า “รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม” ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจอยู่ใน “กะลา” ตลอดไป

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น