ตอกตะปูปิดฝาโลง “พิธา” เสนอชื่อนายกฯรอบสอง

เจาะเส้นทาง “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรีจบสนิท หมดสิทธิเสนอชื่อเป็นนายกฯรอบสอง เหตุเจอข้อบังคับรัฐสภาข้อ 41 ไม่ให้เสนอซ้ำ แถมโดนกับดักรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ววรคสองที่ต้องรวมเสียงสองสภาให้ถึง 500 จึงเสนอหัวหน้าพรรคก้าวไกลกลับมาได้อีกครั้ง

การเมืองไทยเริ่มมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนนี้กำลังจะเกิดขึ้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลที่ส่อแววจะไปไม่ถึงฝั่งฝันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังจากพลาดท่าไม่ผ่านด่าน ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งกระดานการเมืองต่อจากนี้กล่าวได้ว่าเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธาจบลงแล้วแบบเบ็ดเสร็จ

อะไรคือบทสรุปการอวสานของนายพิธา เพราะเกมการเมืองไม่ได้อยู่ในมือของพรรคก้าวไกลมานานแล้ว โดยเฉพาะอาการตายสนิทหลังการไม่ผ่านด่าน ส.ว.ในโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก ซึ่งขณะนี้ทั้งนายพิธา และพรรคก้าวไกลเดินเกมต่อไปด้วยการให้นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาบรรจุวาระการโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สอง ซึ่งตามข่าวอาจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ และถือเป็นความชอบธรรมที่สามารถกระทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมิได้กำหนดระยะเวลาในการเลือกนายกรัฐมนตรีว่าต้องมีกี่ครั้ง

แต่คำถามคือการผลักดันดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่ เพราะถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ของ วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ “ครูหยุย” สมาชิกวุฒิสภาที่ระบุถึงถึงการการโหวตนายกฯ รอบต่อไปนั้นต้องไปดูข้อบังคับว่า เมื่อญัตติใดเสนอแล้วตกไปก็ห้ามเสนอใหม่ เปรียบเทียบคล้ายกับการขึ้นศาล แม้สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ต้องมีข้อมูลใหม่ ดังนั้นข้อบังคับจึงระบุว่า เว้นแต่ว่าญัตตินั้นมีสาระใหม่ ถ้าเรื่องนั้นเป็นสาระเดิมไม่น่าจะได้

การให้สัมภาษณ์ของครูหยุยเป็นการอ้างถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อ 41 ระบุว่า “หากญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป” โดยสิ่งที่ครูหยุยให้สัมภาษณ์ในลักษณะปิดประตูเพื่อปิดโอกาสนายพิธาย่อมเป็นเสียงสะท้อนของ ส.ว.จำนวนมากที่คิดแบบเดียวกันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับดังกล่าวกำหนดให้ประธานรัฐสภาอาจพิจารณาให้เสนอญัตติดังกล่าวซ้ำได้ หากพิจารณาว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการเสนอญัตติครั้งก่อน ซึ่งหมายความว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สามารถอนุญาตให้มีการเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้งในการประชุมวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ก็เป็นไปได้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แม้จะมีเหตุผลหักล้างกันไปมา โดยเฉพาะที่กำหนดให้ประธานสภาฯเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายเส้นทางการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองของนายพิธา แต่ตามระบบรัฐสภาผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จไม่ใช่อยู่ที่ประธานสภาฯ เพราะผู้มีอำนาจตัวจริงคือเสียงส่วนของ ส.ส.และ ส.ว.ในรัฐสภาต่างหาก

ดังนั้นแม้ว่านายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา จะเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง แต่เชื่อได้เลยว่า จะมีเสียง ส.ส. และ ส.ว.คัดค้านในเรื่องดังกล่าวโดยอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อ 41 และเพื่อความจำเป็นจึงขอให้มีการโหวตโดยใช้เสียงข้างมากของ ส.ส.และส.ว.รวมกัน และหากใช้วิธีนี้จากการเช็คเสียง ส.ส. และ ส.ว.ที่งดออกเสียง และไม่เห็นด้วยที่นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตครั้งแรกมีจำนวนสูงถึง 381 เสียง ขณะที่กลุ่ม ส.ส.และส.ว.ที่สนับสนุนนายพิธามีแค่ 324 เสียงเท่านั้น ซึ่งถ้ามีการโหวตเพื่อไม่ให้เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองจึงมั่นใจได้เลยว่านายพิธาจะไม่มีทางได้กลับมาเสนอชื่อเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ค่อนข้างจะปิดประตูการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่สอง โดยนายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หย่อนความคิดเห็นกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ต่อความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อ นายพิธา อีกครั้งว่า กรณีการเสนอชื่อของนายพิธาจบแล้ว เพราะนายพิธาได้เสียงเห็นชอบเป็นนายกฯ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกของสองสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 จึงทำให้ญัตติดังกล่าว เป็นอันตกไป ดังนั้นกรณีจะเสนอชื่อนายพิธา ให้โหวตอีกครั้งนั้น ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาถือว่าทำไม่ได้ เพราะญัตติตกไป ถือว่าจบแล้ว

ทั้งนี้นายประพันธุ์ ยังอ้างถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 กำหนดว่า ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติที่มีหลักการเดียวกันเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ไม่มีการลงมติหรือประธานสภาอนุญาต เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นหากจะนำญัตติเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯ กลับมาอีกในสมัยประชุมปัจจุบัน ต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงตามมาตรา 272 วรรคสองเท่านั้น

 

 

“มาตรา272 วรรคสอง ระบุว่า ตามหลักการหากโหวตครั้งแรกไม่สามารถได้บุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ว่าด้วยเหตุใด ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจที่จะเปิดให้มีการลงคะแนนใหม่เองได้ จึงต้องให้สมาชิกรัฐสภารวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาตามมาตรา 272 วรรคสอง เท่านั้น และต้องได้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสองสภา หรือ 500 เสียง จึงจะทำให้นายพิธา ฐานะผู้ที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้โหวตเป็นายกฯ กลับมาเสนอได้อีก หากดำเนินการใดๆนอกจากแนวทางนี้ ย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”

จากเหตุผลที่นายประพันธ์ยกขึ้นมาโดยเทียบเคียงกฎหมายอย่างมีเหตุผลเป็นขั้นตอน ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้เช่นนี้แล้วจึงไม่เปิดช่องทางอื่นให้นายพิธา ถูกเสนอชื่อกลับมาให้รัฐสภาโหวตโดยง่าย หรือโหวตเลือกซ้ำซากไปเรื่อยๆ และด้วยเหตุผลทั้งปวงจึงถือว่า เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธาจบแบบชนิดตอกประตูปิดฝาโลงไปแล้ว


WONDER SALE ดีลมันส์แบบตะโกน

ระยะเวลาโปรโมชั่น 18 กค – 31 กค 2023

ลดเพิ่มสูงสุด 10% ไม่มีขั้นต่ำ

ลดเพิ่มสูงสุด 20% เมื่อช้อป 3,000.-

Code : MIDJUL

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/7pNIu

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พายุฝนพัดถล่มปากพนังเมืองคอนอ่วมอรทัย น้ำท่วมต้นไม้หักโค่นขวางถนน ฝนตกน้ำท่วมและคลื่นลมแรงพัดพัดหอบหอยกาบเกลื่อนชายหาดชาวบ้าน แห่เก็บขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
รวบแล้ว “พี่สาวเมียทนายตั้ม” หลังตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันฟอกเงิน” เร่งสอบปม 39 ล้าน
"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด
จีนเตือนไม่มีใครชนะในสงครามการค้า
อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น