ปลัดกระทรวงการคลัง เผยเตรียมพร้อมเม็ดเงินลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากการจัดทำงบประมาณปี 67 ล่าช้า จากการรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ประเมินจีดีพีปี 66 ยังขยายตัว 3.6% หลังท่องเที่ยวยังหนุนเศรษฐกิจช่วง 5 เดือนแรกฟื้นตัวต่อเนื่อง

วันที่ 14 ก.ค.66 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงข่าวภาพรวมเศรษฐกิจ นโยบายของกระทรวงการคลัง ในโครงการสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และสนับสนุนการขยายฐานภาษี ระหว่างวันที่ 13 –15 ก.ค.66 ณ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในส่วนของงบประมาณปี 2567 ที่คาดการณ์ว่าจะล่าช้าออกไปนั้น ในส่วนของกระทรวงการคลังได้มีมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินไปข้างหน้าได้ และเตรียมพร้อมเพื่อดำเนินการแล้ว ทั้งในส่วนเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่า งบประมาณที่ล่าช้าจะกระทบอะไรบ้าง ซึ่งจะเป็นในส่วนของงบลงทุนที่จะล่าช้า ซึ่งปกติจะออกในช่วงปลายปี จึงต้องประมาณการ ว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะมีมากน้อยแค่ไหน และนำส่วนอื่นมาทดแทน

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ปัจจัยทางด้านการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณางบประมาณในปี 67 อาจจะช้าไปถึง 6 เดือน และจะกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ประมาณร้อยละ 0.05 เพราะการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ล่าช้าออกไปจะส่งผลต่องบลงทุน 6 แสนกว่าล้านบาท

นายกฤษฎา ระบุว่า ปัจจุบัน ในส่วนรัฐวิสาหกิจ มีงบลงทุนรวมประมาณ 5 แสนล้านบาท และดูว่าจะมีประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำมาขับเคลื่อนเคลื่อนเศรษฐกิจ และในส่วนของโครงการต่างๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) ที่มีโครงการและแต่ละโครงการยังใช้ไม่หมด ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท มาดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาสแรก ปี 67 ซึ่ง สศค. ได้เตรียมเรื่องนี้ไว้แล้ว และเพียงพอกับความต้องการ ซึ่งเชื่อว่า งบประมาณที่ล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไม่มากนัก เนื่องจากการกระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการรองรับไว้หมดแล้ว

ข่าวที่น่าสนใจ

นายกฤษฎา ยืนยันว่า ในส่วนของกระทรวงการคลัง ข้าราชการ และหน่วยงานในสังกัด ได้มีการเตรียมความพร้อมไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นเช่นไร กระทรวงการคลังจะไม่มีการใส่เกียร์ว่างอย่างแน่นอน โดยขณะนี้ได้เตรียมมาตรการของกระทรวงการคลัง ทั้งการเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ยังไม่มีรัฐบาลตัวจริงเข้ามาบริหาร และเชื่อว่า ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานสามารถทำงานได้ภายใต้ระบบของราชการอยู่แล้ว

ในส่วนของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศนั้น นายกฤษฎา ระบุว่า กระทรวงการคลังได้มีการเตรียมความพร้อม และมีแผนงานจะนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งเเผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนปฏิรูปภาษี ในเรื่องของการเพิ่มรายได้ แผนการประคับประคองเศรษฐกิจในแต่ละช่วง เพื่อนำเสนอและหารือกับแก่รัฐบาลใหม่ได้ตัดสินใจและดำเนินการต่อไป

นายกฤษฎา กล่าวด้วยว่า งบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้าออกไป จะไม่กระทบกับมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลประชาชน เช่น การช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีการจัดสรรเงินเข้ากองทุนในปี 66 ครบถ้วนแล้ว ส่วนของปี 67 จะต้องหารือกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถใช้งบประมาณปี 66 ไปพลางก่อนได้ ส่วนมาตรการใหม่อื่น ๆ หากจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ไม่มีงบปี 67 ก็ต้องเน้นในเรื่องของการกระตุ้นการใช้จ่าย การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีแนวทางที่สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับแนวทางของรัฐบาลชุดใหม่

ปลัดกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีเศรษฐกิจไทยขยายที่ร้อยละ 3.6 โดยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วง 5 เดือนแรก ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยว และเงินเฟ้อที่ลดลง ทุนสำรองยังมั่นคง และหนี้สาธารณะอยู่ในกรอบ โดยการส่งออกยังคงหดตัวลดลงที่ร้อยละ -5.1 ด้านหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 61.6 ต่อจีดีพี ยังคงเป็นไปตามกรอบวินัยทางการคลัง และเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 220,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ 6 เดือนแรก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วกว่า 12.9 ล้านคน อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.5