คว้าน้ำเหลวไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลที่วานนี้ผลการโหวตนายกฯยกแรก ปรากฎว่าพิธาไม่ผ่านความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่มากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภา ตามเกณฑ์รัฐธรรมนูญ ม.272 โดยได้รับความเห็นชอบไปเพียง 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 นอกจากนี้ยังมีสว.ไม่มาประชุม 30 คน รวมถึงส.ว.ที่อยู่ในห้องประชุมแต่ไม่ขอใช้สิทธิ์อีก 11 คน ในส่วนของส.ว. 13 คนที่ลงมติยกมือให้พิธาเป็นนายกฯ ประกอบด้วย 1.นายไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ อดีตนายกฯสภา ม.มหิดล 2.พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา อดีตเลขาฯกกต. 3.นายเฉลา พวงมาลัย อดีตผอ.รร.บรมราชินีนาถ จ.ราชบุรี 4.นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล ลูกชายอาศีส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนปัจจุบัน 5.พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒน์ รอดบางยาง อดีตคือ พล.ต.ท.จิตติ นรต.35 อดีตผบช.ภ. 2 คุมภาคตะวันออก หรือฉายาสื่อตำรวจตั้งให้ว่า “นายพลตีนตุ๊กแก” 6.นายพิศาล มาณวพัฒน์ 7.นายพีระศักดิ์ พอจิต 8.นายมณเฑียร บุญตัน 9.นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์10.นายวันชัย สอนศิริ 11.นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ 12.นพ.อำพล จินดาวัฒนะ 13.นางประภาศรี สุฉันทบุตร ที่ส่วนใหญ่ก็ประกาศจุดยืนมาก่อนหน้านี้ว่าจะหนุนพิธาเป็นนายกฯแบบไม่สนสี่สนแปดอะไร แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าพิธาล้มเจ้าฝักใฝ่เรื่องของการบ่อนเซาะกร่อนทำลายสถาบัน ในส.ว.13 คนทั้งหมดที่กล่าวมา หลายคนเคยได้ข้าวแดงแกงร้อนเป็นใหญ่เป็นโตมาจากยุคคสช.จากรัฐบาลชุดปัจจุบัน หลายคนทำงานภายใต้การอุปถัมน์ค้ำชูและเมตตาของสถาบัน ทั้งหลายทั้งมวลทุกคนล้วนอยู่ใต้ร่มพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ แต่วันนี้ทั้งหมดลืมความผิดชอบชั่วดีทุกอย่างไปหมดแล้ว จึงไปเลือกขานชื่อ “เห็นชอบ” ให้คนจัญไรที่มีความคิดอุบาทว์ทำให้ชาติลุกเป็นไฟขึ้นมาเป็นนายกฯ จากนี้ทั้ง 13 ส.ว.ก็คอยรับผลกรรมและสิ่งที่ตัวเองเลือกคิดเลือกทำกันเองก็แล้วกัน จะถูกลงโทษทางสังคมหรือลงโทษทางกฎหมายก็ต้องก้มหน้ารับกรรมกันไปในเมื่อตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ในส่วนของส.ว.นั้น ยังมีบางส่วน “กลับใจ” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่าจะลงคะแนนสนับสนุนให้พิธา แต่กลับเปลี่ยนใจ กลุ่มนี้ก็มี น.ส.ภัทรา วรามิตร นายประมาณ สว่างญาติ นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ นางประยูร เหล่าสายเชื้อ นายดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม ขณะที่นายรณวริทธ์ ปริยฉัตรตระกูล นายทรงเดช เสมอคำ ลงมติงดออกเสียง ทั้งนี้ในการโหวตวานนี้จากส.ว.250 คน ลาออกไปหนึ่งคนคือ นางเรณู ตังคจิวางกูร ทำให้เหลือส.ว.249 คน วานนี้ขอลาการประชุม 33 คน ทำให้เหลือจำนวนส.ว.ที่เข้าร่วมประชุม 216 คน อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในการลงมติโหวตนายกฯ มีส.ว.ที่ขานชื่อลงมติเพียง 205คนเท่านั้น โดย 192 คนงดออกเสียง 13 คนเห็นชอบ ส่วนที่เหลืออีก 11 คนมาเป็นองค์ประชุมแต่ไม่ยอมออกเสียงลงมติแต่อย่างใด ขณะที่ฝั่งสภาล่างการโหวตก็เป็นไปแบบฝ่ายใครฝ่ายมัน ไม่มีการแตกแถว 8 พรรคร่วมลงคะแนนในทิศทางเดียวกันทั้ง 312 เสียงคือเห็นชอบพิธาเป็นนายกฯ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิม 3 พรรคใหญ่ที่ประกาศตัวไม่สนับสนุนคนแก้ ม.112 ลงมติไปในทางไม่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกฯอย่างเด็ดขาด คือ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่เหลืออย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนากล้า ลงมติงดออกเสียง
จบยกแรกพิธาตกสวรรค์ รถกระถินคว่ำหลุดโค้งตรงแยกเกียกกายไปไม่ถึงราชดำเนินเพื่อเป็นนายกฯ เพราะวานนี้ถูกส.ส.กับส.ว. ที่เป็น”ตัวตึง” เป็น “ดาวเด่น” ในรัฐสภาจับมือกันสหบาทา ลากไส้ถลกหนังหัวแบบไม่ไว้หน้า ฝ่ายสภาล่างดาวเด่นคือชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี พรรคลุงหนู ที่แม้จะแก่พรรษาแต่ลีลานั้นเด็ดดวง เพราะเล่นร่ายยาวความผิดของพิธาความไม่เข้าท่าที่สะเออะทะลึ่งไปแก้ม.112 ทั้งๆที่มีเรื่องให้แก้ไขให้ทำนโยบายตั้งแยะแต่ไม่ยอมทำ กลับไปทำเรื่องไม่ควรทำที่เหยียบหยามน้ำใจคนไทยชนิดรับกันไม่ได้ มีอย่างที่ไหนปากบอกว่าจะดูแลปกป้องสถาบันแต่การกระทำกลับตรงข้าม เสนอแก้ม.112 ลดโทษหมิ่นประมาทในหลวงเหลือสั้นจู๋แค่ 1 ปีเท่าความผิดหมิ่นคนธรรมดาปรับไม่เกิน 3 แสนบาท ยิ่งไปกว่านั้นด่าราชินีด่ารัชทายาทความผิดติดคุกแค่จุ๋มจิ๋มเพียง 6 เดือนปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ชาดาบอกคนไทยรับไม่ไหวทนไม่ได้ เรื่องนี้พรรคสีน้ำเงินและตัวเองหัวเด็ดตีนขาดไม่มีทางเชื่อว่าพิธากับฝ่ายส้มและปกป้องสถาบัน เพราะแก้กฎหมายให้คนด่าพ่อหลวงได้สบาย แถมถ้าพิสูจน์ได้ว่าพูดโดยบริสุทธิ์ใจปราศจากอคติเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ไม่ต้องติดคุกรับโทษ มีหัวไว้คั่นหูป่าวๆคิดได้ยังไงแก้ไขกฎหมายแบบนี้ ต่อไปตัวเองจะออกกฎหมายใครหมิ่นสถาบันเอาปืนไปยิ่งให้ตายไม่มีความผิด เสนอกฎหมายแบบนี้แก้คืนบ้างเอาไหม เสนอกฎหมายเป็นจริงๆไม่ได้ทำลายสังคมแบบนี้ต่อไปประเทศไทยก็ยิงกันตายหมด ฝากฝ่ายส.ว.เมื่อวานก็จัดขุนพลเอกมาเต็มกระดาน ตัวหลักก็มี ” 4 จตุรเทพ” นำโดย ประพันธ์ คูณมี เสรี สุวรรณภานนท์ คำนูณ สิทธิสมาน สมชาย แสวงการ ฯลฯ ที่ทั้ง 4 คนก็เปิด “จุดอ่อน-จุดตาย” ของพิธาซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวที่คนไทยรับไม่ได้ ทั้งกรณีขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.เพราะถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น เรื่องของควาไม่จริงใจในการยืนยันเรื่องปกป้องสถาบัน การแก้ไขม.112 ที่พิธาพูดอย่างทำอย่าง สารพัดประเด็นหลากหลายแง่มุมถล่มพิธาจนโงหัวไม่ขึ้น และกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้ส.ว.ส่วนใหญ่ในสภาเลือกที่จะงดออกเสียง ไม่มาประชุม ไม่สนับสนุนพิธาเป็นนายกฯ เพราะไม่อยากให้บุคคลที่มีความคิดอันตรายจากพรรคการเมืองที่มีแนวคิดล้มเจ้าล้างสถาบันเซาะกร่อนบ่อนทำลายชาติได้ขึ้นมาปกครองประเทศ
วันนี้เส้นทางของพิธาจากว่าที่นายกฯหน้าหล่อ ต้องกลายเป็นนายกฯหน้ามืด แม้จะทางเดินยังไม่ปิดแต่ก็ต้องถือว่ามืดสนิทริบหรี่เต็มทน แม้จะมีความพยายามจะขอให้มีการเสนอชื่อพิธาโหวตเป็นนายกฯใหม่อีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.ค.2566 ในครั้งหน้าแต่ก็คงไม่ง่ายแน่นอน เพราะของเสียของมีตำหนิของมีมลทินไปแล้ว จะเอาขึ้นมาขายขึ้นเวทีอีกคงไม่เหมาะคงไม่ง่าย ประเด็นนี้ต่อให้ฝ่ายก้าวไกลจะพยายามเสนอชื่อพิธากลับมาโหวตใหม่ แต่ฝ่ายส.ว.ก็เตรียมแก้เกมด้วยการงัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 ที่ระบุชัดว่า ” ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติที่มีหลักการเช่นเดียวกันเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ไม่ได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานสภาอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ” เพราะฉะนั้นดูทรงตามนี้ไม่มีทางที่จะนำชื่อพิธากลับมาโหวตได้อีก ยกเว้นจะใช้รัฐธรรมนูญ ม.272 วรรคสอง แต่ก็ต้องใช้เสียงถึง 376 ในการยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯตาม ม.88 และต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของสองสภาหรือ 500 ในการเสนอชื่อคนในบัญชีแคนดิเดตนายกฯหรือคนนอกบัญชีกลับมาโหวตใหม่ ซึ่งดูแล้วยากทุกทางสำหรับพิธาและก้าวไกล เพราะฉะนั้นจนถึงตอนนี้น่าจะพูดได้เลยว่าหนทางเป็นนายกฯของพิธาน่าจะจบ และปิดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝ่ายส้มพยายามจะแก้เกมด้วยความพยายามที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปลดล็อค ม.272 ปิดสวิทต์ส.ว.ในทันที คือ ถอนรากถอนโคนส.ว.ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ก็จะยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีก อยากกว่าหาเสียงเป็นนายกฯที่ขนาดขอเสียงส.ว.แค่ 64 เสียงพิธายังทำไม่ได้ ไม่มีปัญญาจะไปหาเสียงมาสนับสนุน นับประสาอะไรจะไปแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดกฎหมายแม่ของประเทศ เพราะเงื่อนไขในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สำคัญคือ 1. ใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด ราว 84 คน จาก 250 คน 2. ใช้เสียงจากส.ส.ฝ่ายค้านร้อยละ 20 ของทุกพรรครวมกัน มองแล้วยากจริงๆ ที่พิธากับก้าวไกลจะดิ้นไปต่อยังไง ยิ่งดิ้นยิ่งมั่วเหมือนลิงแก้แห
ตอนนี้ฝ่ายเดียวกันอย่างปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ยังถอดใจ ถึงขนาดส่งสัญญาณให้พิธาถอยไปเป็นฝ่ายค้านแต่จะไม่ทิ้งหลักการแก้รัฐธรรมนูญ แก้ ม.112 ของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นชั่วโมงนี้ถ้าพิธายังไม่ยกธงขาว เพื่อไทยก็ต้องร้องเพลงรอไปก่อน เล่นลิเกหลอกเด็กเมื่อวานซืนไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในสมการการตั้งรัฐบาลต่อให้เพื่อไทยขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลจริง ก๊วน 8 พรรค 312 เสียงก็ยังยากที่จะเป็นนายกฯได้อยู่ดี เพราะต้องหาเสียงสนับสนุนอีก 64 เสียงเหมือนพิธาเช่นกัน ตรงนี้ก็จะติดเดดล็อคคล้ายๆกัน แม้เพื่อไทยไม่มีเรื่องแก้ม.112 ไม่ทะลุวังไปล้มเจ้า แต่กรณีที่รัฐนาวา 8 พรรค ยังมีก้าวไกลเป็นส่วนหนึ่งอยู่ ตรงนี้แหละจะทำให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยตายคาที่ไปต่อไม่ได้เหมือนกัน สภาพศพก็จะไม่ต่างจากพิธาคือหายใจรวยรินกลางสภา ไม่ว่าจะเป็นแพทองธารหรือเศรษฐาก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากส.ว.ส่วนใหญ่อยู่ดีถ้ามีก้าวไกลอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามชั่วโมงนี้ถ้าก้าวไกลยังไม่ถอยเพื่อไทยจะไปออกตัวทันทีก็จะเสียหมาทางการเมืองเลย ตอนนี้ฝ่ายแดงก็ต้องเล่นตามเกมหนุนพิธาไปต่อให้สุดทาง แต่ก็เป็นการเล่นละครทางการเมืองนั้นแหละ จนกว่าก้าวไกลจะเปิดทางให้ถึงตอนนั้นแหละเพื่อไทยจะเสนอชื่อฝ่ายตัวเองชิงนายกฯ อย่างไรก็ตามขอให้จับตาถ้าเล่นตามเกมเดินตามบทนี้ ชื่อแรกที่เพื่อไทยจะเสนอไม่ว่าจะเป็นแพทองธารหรือเศรษฐาก็จะเป็นเป้าหลอกก่อน คือส่งไปขึ้นเวทีโหวตนายกฯให้ส.ส.กับส.ว.โหวต ที่เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เป็นแคนดิเดตของเพื่อไทยแต่ถ้าในรัฐบาลยังมีก้าวไกลอยู่ ส.ว.ก็จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยชื่อที่เสนอในครั้งที่ 2 ก็จะตกไปอีก ก็จะไปถึงการเสนอครั้งที่ 3 คราวนี้แหละเพื่อไทยก็จะอ้างเหตุมีก้าวไกลไปต่อไม่ได้ ถือโอกาสสละเรือ 8 พรรค “ย้ายขั้ว-สลับข้าง” เพราะโหวตให้ตายยังไงก็ไม่ได้เพราะส.ว.ก็จะไม่ลงคะแนนให้ ตราบใดที่มีก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย อนาคตยังไงเพื่อไทยก็ต้องย้ายข้างและจะถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านแน่นอน จากนั้นก็ผสมพันธุ์กับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ที่มี 2 พรรคใหญ่อ้าขารอร่วมรัฐบาลอยู่แน่ๆแล้ว 2 พรรค คือ “ภูมิใจไทย” กับ ” พลังประชารัฐ” ส่วนใครจะเป็นนายกฯ “เศรษฐา-แพทองธาร-พล.อ.ประวิตร” ก็ไปลุ้นเอากัน แต่พิธานะจบแล้วเต็มที่ก็แค่นายกฯในโลกโซเชี่ยลฯ
/////////////////////