เปิดใจ "ชาดา" หลังพูดแทนคนไทยรักสถาบันฯ ซัด "พิธา" กลางสภา เชื่อปมแก้ 112 ไม่มีทางสำเร็จ ย้ำประตูสู่นายกปิดแล้ว

เรียกว่าสร้างความร้อนแรงในสภาฯ ไม่น้อย สำหรับการเปิดฉากอภิปรายโหวต “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี ของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ที่ต้องยอมรับว่าลีลาการอภิปราย แบบถึงลูกถึงคน จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างทุ่มท้น สร้างปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย มีการส่งต่อและแชร์คลิปบางช่วงบางตอน การอภิปรายของนายชาดา กันอย่างแพร่หลาย

ด้าน นายชาดา ได้เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ภายหลังจากวานนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งตนได้รับฉันทามติจากพรรคภูมิใจ ให้อภิปรายเป็นคนแรกในการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชาดา กล่าวว่า ตนได้ลุกขึ้นพูดในสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย โดยยังคงย้ำจุดยืนของพรรค ว่าไม่สนับสนุนนายกฯ ที่มาจากพรรคการเมือง ที่แก้ไข ม.112 และเรียกร้องให้พรรคการเมือง ที่แสดงเจตจำนงตั้งรัฐบาลแสดงจุดยืนเช่นกัน

ขณะที่ในบางช่วงบางตอน การของการอภิปราย นายชาดาได้กล่าวว่าตอบโต้นายพิธา ว่าอย่าคิดจะได้เป็นนายกฯ มีแค่ 14 ล้านเสียง และอย่าอ้างว่ามี 14 ล้านเสียง ที่จะแก้ไข ม.112 แต่เชื่อผู้ที่จะลงคะแนนงให้พรรคก้าวไกล 14 ล้านเสียง เชื่อว่าบางคนก็ไม่คิดว่าจะแก้กฎหมายมาตรานี้

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ นายชาดา กล่าวยอมรับด้วยว่า หลังจากวานนี้ที่ตนอภิปราย ได้มีคนหลากหลายวงการ ติดต่อมาขอบคุณ ที่ตนได้พูดแทนใจคนไทย ที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนตัวก็ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ และไม่คิดว่าจะกลายเป็นปรากฎการณ์ขนาดนี้ แต่ทุกคำที่ได้พูดออกไป ถูกกลั่นกรองออกมาจากจิตสำนึก ที่มีแต่ความจงรักภักดี

ไม่เพียงเท่านั้น นายชาดา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมกับมีผู้รับรองชื่อถูกต้อง แต่สุดท้ายนายพิธาก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ด้วยคะแนนโหวตในสภาไม่ถึง 376 เสียง ได้เพียง 324 เสียง ดังนั้นเมื่อพรรคภูมิใจ ได้เปิดโอกาสให้นายพิธาก้าวขึ้นสู่ประตูนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่นายพิธาต่างหากที่ประตูตาย และปฎิเสธการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

นอกจากนี้ นายชาดา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนโชคดีที่ได้เกิดมาใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงมักจะสอนลูกสอนหลาน ว่าเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดิน ต้องรู้กตัญญูกตเวที และคงไม่ต้องพูดถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะมันเป็นจิตสำนึกที่เราทุกคนพึงมี และซึมซับมาแต่อ้อนแต่ออก ว่าในหลวง และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงทำอะไรไว้บ้างให้กับประเทศชาติ ดูได้จากข่าวในพระราชสำนัก หรือปฏิทิน รูปที่มีอยู่ทุกบ้าน