ที่สำคัญพรรคก้าวไกลมีท่าทีแข็งกร้าวที่จะยืนหยัดในการแก้ไขมาตรา 112 ต่อไปโดยไม่สนเสียงต้านจากใครหน้าไหนทั้งสิ้น แม้กระทั่งในการอภิปรายโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ ส.ส. และส.ว.ชี้ทางสว่างให้เห็นว่าหาก พิธา และก้าวไกลยอมถอยเรื่อง 112 จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่พรรคก้าวไกลกลับเลือกที่จะยืนหยัดในนโยบาย 112 ต่อไปอย่างไม่แยแส
พฤติกรรมของ พิธา และพรรคพวก สอดคล้องกับสิ่งที่ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ได้แสดงความคิดเห็นในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิอย่างชัดเจนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า การยืนหยัดในการแก้ไข ม.112 ทำให้ตกผลึกทางความคิดได้ว่า นายพิธา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสาวพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช นายปิยบุตร แสงกนกกุล คือคนที่อยู่เบื้องหลัง ทำพรรคการเมือง พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลมา และบอกว่า เป็นคนรุ่นใหม่ แต่วาระมีอยู่เรื่องเดียว คือการล้มเจ้า คือการจัดการเรื่องมาตรา 112
“ผมสรุปได้ไหมว่าพรรคที่คุณตั้งมา รวมกันทั้ง 4 คน ที่เป็นแก๊งเลย รวมทั้งเลขาฯ พรรคุณด้วย ชัยธวัช ตุลาธน รังสิมันต์ โรม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร พวกคุณตั้งพรรคมาเพื่อประการเดียว ก็คือ 112 ติ่งส้มครับ พรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคคนรุ่นใหม่ แต่เป็นพรรคที่ตั้งมาโดยมีวาระซ่อนเร้น เอาพวกคุณมาชูหน้าว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เบื้องหลังก็คือเอาเสียงพวกคุณมาเพื่อดำเนินการเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์”
นี่คือการแสดงความคิดเห็นที่น่าจะอธิบายเป้าประสงค์แท้จริงของพรรคก้าวไกลว่า คืออะไร และด้วยนโยบายร้ายเหล่านี้ ทำให้ ส.ว.และ ส.ส. ผู้มีความจงรักภักดีไม่สามารถโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าปล่อยให้คนกลุ่มนี้เข้ามาบริหารประเทศเป็นรัฐบาล หรือเป็นผู้บริหารกระทรวงต่าง ๆ เชื่อว่า ประเทศชาติจะถึงคราวอัปปางล่มสลาย ..นี่คือคำตอบที่ประชาชนทุกคนน่าจะรู้ดี
ขณะเดียวกันการประกาศ 2 สมรภูมิรบของ “พิธา” ที่เรียกร้องให้มวลชน 14 ล้านคนกดดัน ส.ว.ให้มาเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนสมรภูมิที่สองกลับไปเรียกร้องยื่นเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกฯถาวรตลอดกาลถือเป็นกรรมวิธีที่สกปรกหรือไม่
สมรภูมิรบของ “พิธา” ทางหนึ่งไปชักชวนมวลชนช่วยกดดันให้ ส.ว.เลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิชามารต่าง ๆ ทั้งการลงถนนในเวทีสกายวอล์ค หรือแม้กระทั่งการนัดชุมนุมชาวด้อมส้มในทุก ๆ จังหวัด และขบวนคาร์ม็อบเพื่อกดดัน ส.ว รวมถึงการรุกหนักทางโซเชียลมีเดียที่เล่นถึงธุรกิจ ลูก เมียของบรรดา ส.ว. ส่วนอีกทางหนึ่งจะไปปิดสวิตซ์ ส.ว.ตลอดการด้วยการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 จึงขอตั้งคำถามกลับไปว่า จะมี ส.ว.ท่านใดยื่นมือช่วยให้พิธาเป็นนายกฯ เพราะก้าวไกลเล่นแรงกันถึงขนาดนี้
นอกจาก “พิธา และพรรคก้าวไกล” ยังเล่นการเมืองแบบตีกินข้างเดียว โดยเฉพาะการประกาศว่าหากก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็จะยอมถอยให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเอ็มโอยูที่ 8 พรรคการเมืองลงสัตยาบันกันไว้ ซึ่งการอ้างเอ็มโอยูดังกล่าว แสดงว่าก้าวไกลไม่ยอมตกขบวนยังอยากเป็นรัฐบาลต่อไป โดยไม่เคยมองว่า ตนเองคือผลไม้พิษที่ไม่มีพรรคการเมืองใดอยากร่วมวงศาคณาญาติด้วย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยแม้ฉากหน้าจะคอยเกื้อหนุนส่งเสร้มกันจนสุดความสามารถ แต่ในฉากหลังเชื่อว่า เพื่อไทยไม่เคยมีก้าวไกลอยู่ในกระดานการเมืองมานานแล้ว
ดังนั้นจึงต้องจับตาไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะเล่นเกมนี้ไปอีกนานเท่าใด ซึ่งดูจากท่าทีของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ออกมาพูดในทำนองว่า พิธาต้องตอบให้ชัดว่า สมรภูมินี้จะสู้ถึงที่สุดเมื่อใด เพราะคะแนนที่ออกมาจากการโหวตครั้งแรกเห็นชัดเจนว่าการจะไปถึง 376 เสียง โดยเสียง ส.ว.จะไปถึง 64 เสียง หรือไม่ต้องตอบให้ได้ว่า จะนำมาจากไหน จะมีโอกาสสำเร็จหรือไม่ ซึ่งทุกประเด็น ต้องได้คำตอบที่ชัดเจนก่อนจะโหวตในวันที่ 19 ก.ค.
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ส.ว. นั้น ภูมิธรรม ยืนยันชัดเจนที่ผ่าน เป็นไม่ได้ และหากพรรคก้าวไกลนำเรื่องนี้เข้าสภา พรรคเพื่อไทยจะงดออกเสียง เพราะการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จคือเป้าหมาย
จากคำพูดของ “ภูมิธรรม” อาจเป็นท่าทีของ “เพื่อไทย” ที่วันนี้เริ่มออกอาการเว้น “ระยะห่าง” กับก้าวไกล เพื่อขยับเชิงรอกินรวบในวันข้างหน้า และยิ่ง “พิธา” และ “ก้าวไกล” เปิดเผยธาตุแท้ด้วยการเดินเกมรุกแบบโดยใช้วีการกดดันทั้งในโซเชียลีเดีย และการลงถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ยิ่งทำให้จุดจบของ “พิธา” และก้าวไกล” มาเร็วกว่ากำหนดชนิดพ่ายหมดรูปทั้งกระดาน
SURPRISE COUPON (18-20 July)
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 18 Jul – 31 Jul 2023
ลด 15% ไม่มีขั้นต่ำ
เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น
คูปองมีจำนวนจำกัด
Code : SPC15
คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/Hs3ST