อย่างที่ทุกคนพอเดารู้พอดูออก นิยายรักการเมืองระหว่างเจ้าบ่าวเพื่อไทยกับเจ้าสาวจอมเอาแต่ใจอย่างก้าวไกล ที่ก่อนหน้านี้ตอนหมั้นกันใหม่ๆ ใครก็ต่างชื่นชมว่าเหมาะสมกับมากๆ แต่อยู่ไปๆ หลายคนเริ่มไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะรักกันไปตลอดจนถึงขั้นวิวาห์ร่วมหอลงโรงถึงขั้นแต่งงานกันได้หรือไม่ เพราะนิสัยเจ้าสาวอย่างก้าวไกลชอบเอาแต่ใจและขี้งอแง อยากทำอะไรก็ต้องให้ได้ดั่งใจใครขวางใครทำอะไรให้ไม่พอใจก็เหวี่ยงก็ฟ้องประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงแบบไม่มีเหตุไม่มีผล ทั้งๆที่ปัญหาทุกอย่างทั้งหมดก็เกิดจากนิสัยธาตุแท้ของตัวเอง ที่ล่าสุดดูเหมือนบ่าวสาวคู่นี้น่าจะไปกันไม่รอด แค่ขนาดช่วงเวลาฮันนีมูนยังทะเลาะกันอุตลุต เชื่อแน่ว่าไม่มีทางไปถึงฝั่งฝันเข้าสู่ประตูวิวาห์กันได้แน่นอน เพราตกลงเรื่องสินสอดกันไม่ได้คุยกันไม่ลงตัว หนำซ้ำตอนนี้ฝ่ายชายกลังคิดถอนหมั่นแยกทางกับเจ้าสาวไปมีคนใหม่ เพราะฝ่ายเจ้าสาวอย่างก้าวไกลมีข้อเสียเต็มไปหมด
อุปมาอุปมัยเรื่องนี้มายาวเฟื้อย เพราะจะวกกลับมาที่เรื่องการเมืองปัจจุบัน ที่ดูทรงแล้วไม่ว่ามองมุมไหนดูยังไง เพื่อไทยกับก้าวไกลก็ไปต่อกันไม่ได้ บอกเลย….. “นาทีนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม” แทบไม่เหลือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างที่บอกในทางการเมืองน้อยครั้งจริงๆที่พรรคอันดับ 1 กับ พรรคอันดับ 2 ที่ชนะการเลือกตั้งจะมาอยู่ขั้วเดียวกันลงเรือลำเดียวกัน เพราะโดยธรรมชาติโดยปกติ 2 พรรคลำดับที่ว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นศัตรูเป็นพรรคฝั่งตรงข้ามคู่แข่งกัน ต้องแย่งกันตั้งรัฐบาล จะมีก็คราวนี้แหละที่ก้าวไกลได้ส.ส. 151 คน เพื่อไทยได้ส.ส.141 คน 2 พรรคได้ส.ส.รวมกัน 292 คน แต่ดันมาอยู่ฝั่งเดียวกันลงเรือจะเป็นรัฐบาลด้วยกัน มันเลยกลายเป็นเรื่องผิดธรรมชาติผิดฝาผิดตัว ล่าสุดยิ่งไปกันใหญ่เพราะผ่านการโหวตนายกฯยกแรกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา แต่พิธาไม่ผ่านการโหวตจากสองสภาได้คะแนนเห็นชอบไปแค่ 324 คะแนนเท่านั้นจาก 749 คน ยังขาดอีก 52 เสียงจึงจะได้ถึงเกณฑ์เป็นนายกฯ 376 เสียง งานนี้ต้องบอกว่ายากเย็นแสนเข็ญจริงๆ ที่พิธาจะคัมแบ๊กกลับมาเป็นนายกฯได้ ตราบใดก็ตามที่ยังยืนกระต่ายขาเดียวเรื่องแก้ไขม.112 โหวตให้ตายก็ไปไม่ถึงเก้าอี้สร.1
ล่าสุดเสาร์ที่ผ่านมาพิธาแก้เกมด้วยการปล่อยคลิปอ้อนขอคะแนนสงสงสารจากคนไทยเพื่อกดดันไปถึงส.ว.ที่ส่วนใหญ่เลือกไม่โหวตพิธาด้วยการงดออกเสียง 199 ลากิจ 33 คน อยู่เป็นองค์ประชุมแต่ไม่ออกเสียง 10 คน ที่งานนี้พิธาขอโอกาสสู้ต่อยกสองและยกเมฆว่าการโหวตเป็นนายกฯ ไม่ใช่แค่ชัยชนะของก้าวไกล คน 14.4 ล้านคน 8 พรรค ตัวแทน 27 ล้านเสียง แต่เป็นการต่อสู้ของคนไทยทั้งประเทศเพื่อกำหนดอนาคตของตัวเอง ที่งานนี้พิธาข้อลุ้นต่ออีก 2 ยก 2 สมรภูมิ คือ ยกแรกคือการโหวตนายกฯยกที่สอง และ ยกสองคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ปิดสวิทต์ส.ว. เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน ทั้งนี้หากสองยกนี้ไม่สำเร็จพร้อมที่จะยกการเป็น “แกนนำรัฐบาล” ให้กับเพื่อไทย ” หากพวกเราทำเต็มที่ใน 2 สมรภูมินี้แล้ว เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลไม่มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริงๆ ผมพร้อมเปิดโอกาสให้ประเทศไทย โดยเปิดทางให้พรรคอันดับสอง คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ภายใต้ MOU ที่ทำร่วมกันไว้ และผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลทุกคนพร้อมสนับสนุนแคนดิเดทนายกฯของพรรคเพื่อไทย…..แต่กว่าจะถึงวันนั้น เราไม่ยอมแพ้แน่นอน และขอทุกคนมาร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ได้จนถึงที่สุด” พิธากล่าวผ่าน FB
แต่สถานการณ์เป็นนายกฯของพิธาตอนนี้ถือง่อนแง่นเต็มทน ขณะที่โอกาสในการเป็นรัฐบาลของก้าวไกลในอนาคตก็เหลือน้อยตีบตันลงไปมาก แม้จะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 แต่มาถึงชั่วโมงนี้โอกาสจะถูกถีบจากว่าที่รัฐบาลในปัจจุบันไปเป็นฝ่ายค้านในอนาคตก็มีสูงยิ่งนัก โดยเฉพาะกรณีที่ถูกส.ว.กาหัวว่ายังไงก็คงปล่อยให้พิธาเป็นนายกฯ และตอนนี้น่าจะลามปามไปถึงกรณีที่คงไม่ปล่อยให้ต้นสังกัดต้นทางอย่างก้าวไกลที่เป็นพรรคการเมืองที่มีวิสัยทัศน์อันตราย ทั้งล้มเจ้า แก้ไขม.112 ไม่เอาศาสนา ไม่ส่งเสริมเรื่องสถาบันครอบครัว ไม่ยึดระเบียบวินัยสารพัดจิปาถะ ที่ล่าสุดส.ว.หลายคนเริ่มออกมาส่งเสียงว่าจะไม่เปิดโอกาสให้มีการโหวตพิธาได้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว ถึงขนาดยกข้อบังคับรัฐสภา 2563 ข้อ41 ที่เป็นแนวปฏิบัติมาเบรกพิธา กรณีที่ญัตติใดถูกตีตกจากสภาไปแล้วจะเสนอกลับมาอีกครั้งในสมัยเดียวกันไม่ได้ งานนี้พิธาจึงน่าจะหมดโอกาสกลับมาลุ้นโหวตเป็นนายกฯได้อีกรอบอย่างแน่นอน เพราะส.ว.คงไม่ยอมปล่อยผีให้แน่ เรียกว่าตกแล้วจบเลย แม้ก้าวไกลพยายามอย่างยิ่งยวดในการผลักดันให้รัฐสภาโหวตพิธาอีกในยกสอง แต่ก็คงไม่สำเร็จยิ่งพวกด้อมส้มไปไล่ข่มขู่คุกคามบรรดาส.ว.และธุรกิจ โอกาสกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งของพิธาน่าจะเป็นศูนย์
ไม่ใช่ฝ่ายส.ว.เท่านั้นที่เห็นว่าพิธาหมดโอกาสหมดลุ้นแล้ว แต่ฝ่ายเดียวกันใน 8 พรรคว่าที่รัฐบาล 312 เสียงก็มีคนที่คิดแบบนี้และออกมาพูดเหมือนกัน แถมพูดแรงพูดไกลและเป็นฝ่ายเดียวกันอีก คนแรกก็คือพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่ออกมาพูดข้ามช็อตไปเลยว่าหากพิธาโหวตนายกนไม่สำเร็จก้าวไกลก็ควรเปิดทางให้เพื่อไทยขึ้นมาเป็นผู้นำหรือไม่ก็ควรถอยไปเป็นฝ่ายค้านดีกว่าอย่ามา “กั๊ก” กันแบบนี้เลย “ครั้งที่แล้ว ส.ว.ลงคะแนนเพียง 13 คน ยังขาดอยู่ 52 คน ส.ว.คนที่เคยรับปากว่าจะลงคะแนนให้ก็งดออกเสียงอีก หนักใจแทน ถ้าต้องโหวตอีก คุณพิธาจะสู้ต่อไปหรือไม่ หากมีโอกาส ทั้ง 8 พรรคการเมืองก็คงจะโหวตให้ แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็คงต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล….เพื่อให้มีนายกฯ คนที่ 30 ให้ได้ ก้าวไกลคงต้องเสียสละออกไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไปตามที่ประชาชนต้องการ การจัดตั้งรัฐบาลก็จะราบรื่นมากขึ้น อาจไปดึงภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่นๆ เพื่อให้มีเสียงเกิน 376 เสียงก็เป็นไปได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ระบุทางออก เพราะมั่นใจว่า อนรคตต่อให้เพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกฯไปให้สภาโหวตไม่ว่าจะเป็นแพทองธารหรือเศรษฐา ถ้ายังจับมืออยู่กับก้าวไกลยังเกี่ยวแขนเป็นผัวเมียกับฝ่ายส้มล้มเจ้า เพื่อไทยก็จะไม่มีทางได้โหวตเป็นนายกฯแน่นอน ตรงนี้ก็จะกลายเป็น “เดดล็อค” ตราบใดก็ตามที่ยังมีก้าวไกลเพื่อไทยไม่มีทางได้เป็นนายกฯ
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เท่านั้นที่คิด ระดับแกนนำเพื่อไทยอย่าง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำเบอร์ต้นๆของเพื่อไทยก็ออกมาส่งสัญญาณชัดๆดังๆ กดดันนผ่านหน้าสื่อกันไปเลยย้ำชัดๆกันไปเลยถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้คว้าเก้าอี้นายกฯไม่เป็นก็ควรถอยควรเปิดทางให้กับเพื่อไทย “เราไม่มีแผนสำรอง แผนแรกแผนเดียวคือการจับมือกับ 8 พรรคร่วม เดินหน้าไปให้ถึงที่สุดและมีคำตอบที่ชัดเจนไม่ปล่อยให้มีการเลือกไปเรื่อยๆโดยที่ประเทศไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้เพราะปัญหาประเทศวันนี้รุนแรงมากไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ก็มีอยู่แล้ว 3 คน ถ้าวันไหนชัดเจนว่าจะให้เพื่อไทย เราก็เสนอได้ ไม่ใช่วาระที่เราจะทำเรื่องนี้ก่อน เราอยากให้ 8 พรรคร่วมเสนอคุณพิธาให้สำเร็จ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลว่าจะทำให้สำเร็จอย่างนี้ได้อย่างไร ” ภูมิธรรมพูดชัด ไม่ปล่อยก้าวไกลเสนอพิธาไปเรื่อยเปื่อย บ้านเมืองมีเรื่องสำคัญให้ต้องตัดสินใจ เก้าอี้นายกฯเป๋็นเรื่องสำคัญสุด ถ้า 8 พรรคมัวชักช้าอาจไปเข้าทางฝ่ายรัฐบาลเดิม 5 พรรครวมกันมีเสียง 188 บวกส.ว.250 คน สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้สบาย ถ้ามัวช้าอาจถูกเสียบเอาได้ง่ายๆ
เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ม. 272 เสี่ยอ้วนก็เบรกก้าวไกล อย่าไปทำเรื่องอื่นให้มั่วเอาเรื่องนายกฯสำคัญสุดให้เสร็จก่อน เลือกนายกฯยังไม่ได้จะไปแก้รัฐธรรมนูญที่ยากมากกว่า ยุ่งตายห่าแถมแก้ยากกว่าอีก เลือกนายกฯใช้ส.ว.แค่ 64 คน ยังไม่มีปัญญา แก้รัฐธรรมนูญต้องใช้ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 คนจาก 250 คน จะไปหามาจากไหนสำคัญสุดคือไม่เรื่องเดือดร้อนเร่งด่วนของชาวบ้าน ” วาระประเทศและวาระประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกล หรือวาระของนายพิธา วันนี้อยากให้เปิดใจให้กว้างแล้วเอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง วาระประเทศเป็นที่ตั้งถูกต้องหรือไม่ การที่นายพิธา พูดว่าเวลานี้ อนาคตของพรรคก้าวไกล และอนาคตของประชาชนอยู่ในมือของประชาชนแล้ว ตนคิดว่าอย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน” ภูมิธรรมสับเละ าวไกลกับเพื่อไทยตอนนี้เหมือนพูดและทำกันคนละอย่าง ก้าวไกลพูดหมาเพื่อไทยพูดแมว เล่นเพลงเดียวกันแต่ละละคีย์ ต่างฝ่ายต่างถือมัด ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกันและกัน ไม่มีทางไปต่อได้เลย นับถอยหลัง 8 พรรคเตรียมตัววงแตก เพื่อไทยกับก้าวไกลแยกทางกัน รอลุ้นแค่ว่าจะแตกยังไงแยกกันแบบไหน จบกันด้วยดี ก้าวไกลถอยออกไปเป็นฝ่ายค้าน หรือ เพื่อไทยเดินไปให้สุดทางหนุนพิธาดันก้าวไกลไปจนสุดลิ่ม ไปต่อไม่ได้แล้วค่อยประกาศแยกวง เพราะตอนนี้ฝ่ายแดงก็ปูทางมาแล้ว ว่าเรื่องประเทศชาติเรื่องประชาชนต้องมาก่อน จะมาคิดเล่นการเมืองแบบส้มล้มเจ้าอย่างเดียวคงไม่ได้ จับตาดูเกมอดทนใครจะยกธงขาวก่อนกัน ก้าวไกลเดินจากไปหรือเพื่อไทยสละเรือ อีกไม่นานจะได้รู้กัน เล่นละครตบตาชาวสบ้านไปให้สุดแต่ถึงเวลาสองฝ่ายก็ต้องต่างคนต่างไป ส้มแดงไม่มีวันเจอกันได้ แข่งกันแทบตาย สู้กันทุกเขต เกลียดกันยังกะขี้ ไม่มีทางที่เพื่อไทยกับก้าวไกลจะร่วมมือเป็นทองแผ่นเดียวกัน ที่ผ่านมาก็แค่เล่นละครรักษาภาพพรรคขั้วประชาธิปไตย แต่ความจริงข้างหลังภาพเพื่อไทยอยากแยกออกจากกันแทบตาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าไปเกาะก้าวไกลมีหวังตายเดี่ยว สู้แยกออกมามีโอกาสเป็นรัฐบาลได้ลุ้นเก้าอี้นายกฯ ฟินกว่าแบบเห็นๆ เวลาฮันนีมูนกำลังจะจบ ของจริงมันไม่สวยหรูอย่างในละคร ก้าวไกลกับเพื่อไทยนับเวลาเคาท์ดาวต่างคนต่างไปต่างคนต่างเดิน สองพรรคไม่มีวันบรรจบกัน
///////////////////////