รัสเซียเชื่อ การโจมตีสะพานไครเมีย มีตะวันตกอยู่เบื้องหลัง หวังประชาคมโลกจะสนใจบ้าง ขณะที่ยูเครนแสดงอาการชื่นชมต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
กระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียขอประณามการโจมตีของผู้ก่อการร้ายบนสะพานไครเมีย ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพลเรือนอย่างแท้จริง เราคาดหวังว่า ประชาคมระหว่างประเทศและโครงสร้างพหุภาคีที่เชี่ยวชาญ จะมีหลักการและทำการประเมินอาชญากรรมครั้งล่าสุด ที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ยูเครนนี้ อย่างเหมาะสม
แถลงการณ์ระบุต่อว่า คดีอาญาได้เปิดขึ้นจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ผู้กระทำความผิดในการโจมตีสะพานไครเมีย จะถูกระบุตัวและจะไม่สามารถหลบหนีกระบวนการยุติธรรมได้ หากมีการเปิดเผยที่มาของโดรนผิวน้ำที่โจมตีสะพานว่ามาจากตะวันตก รวมถึงบทบาทของประเทศตะวันตกในการวางแผน สนับสนุน และดำเนินการปฏิบัติการนี้ ก็จะเป็นการยืนยันได้ว่า ตะวันตกมีส่วนรู้เห็นในกิจกรรมการก่อการร้ายของรัฐบาลยูเครน
ด้านนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เขียนลงบนโพสต์เทเลแกรมของเธอว่า ระะบอบการปกครองยูเครน เป็นระบอบการก่อการร้ายภายใต้การบริหารแบบลับๆ ของสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นสัญญาณทั้งหมดของการเป็นกลุ่มอาชญากรระหว่างประเทศ การโจมตีสะพานไครเมียในวันนี้ดำเนินการโดยระบอบยูเครน ระบอบการปกครอง เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางทหารของยูเครน ตัดสินใจด้วยข้อมูลโดยตรงจากหน่วยงานพิเศษ และนักการเมืองของสหรัฐและอังกฤษ สหรัฐและอังกฤษกำลังจัดการประเทศนี้ เหมือนกับโครงสร้างของการก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน ทางด้านของยูเครนนั้น สื่อ RBK ยูเครน ก็รายงานว่า หน่วยรักษาความปลอดภัย (หรือ SBU) และกองทัพเรือของยูเครน ได้ออกมาประกาศว่า สะพานไครเมียได้รับความเสียหายในปฏิบัติการพิเศษร่วม โครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงคาบสมุทรกับแผ่นดินใหญ่ของรัสเซีย ถูกโจมตีด้วยโดรนผิวน้ำ ซึ่งมันเป็นการยากที่จะไปถึงสะพาน แต่ในที่สุด งานก็สำเร็จ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนได้แสดงความชื่นชมต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ยืนยันว่า พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุโจมตีนี้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ นายมารัต คูสนูลิน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียด้านการก่อสร้างและการพัฒนาภูมิภาค ได้ออกมาระบุถึงไทม์ไลน์ของการบูรณะสะพานไครเมียว่า ตามคำสั่งของประธานาธิบดี คณะกรรมาธิการฉุกเฉินกำลังบินไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตัดสินใจด้านการจัดการที่จำเป็นทั้งหมด หลังจากประเมินการตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้ว โดยจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการเดินทางผ่านดินแดนใหม่ ที่จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม และในอนาคตอันใกล้ เราจะเปิดใช้เรือข้ามฟากเพื่อการขนส่ง ผู้โดยสารและรถยนต์ ส่วนรถไฟของสะพานยังพร้อมใช้งานได้อย่างสมบูรณ์