19 ก.ค.2566 คือวันที่รัฐสภานัดโหวตนายกฯเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการโหวตครั้งแรกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ญัตติที่เสนอ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกลต้องล้มไม่เป็นท่า ด้วยเหตุที่มีเสียงส.ส.และ ส.ว.182 คนลงมติไม่เห็นด้วยให้พิธาเป็นนายกฯ ส่วนอีก 199 คนงดออกเสียง ฝ่ายพิธาได้รับเสียงเห็นชอบแค่ 324 เสียง ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะเป็นนายกฯซึ่งต้องได้เสียงมากถึง 376 เสียงจาก 750 คน บวกลบคูณหารพิธาต้องการเสียงอีกมากถึง 52 เสียงกว่าจะฝ่าด่านส.ส.และส.ว.ในการขึ้นเป็นนายกฯได้สำเร็จ ที่ต้องบอกว่ายากจริงๆในภาวะที่ก้าวไกลกำลังตกเป็น “หมาหัวเน่า” ทางการเมือง เพราะเหลียวมองไปทางไหนก็มีแต่คนเห็นต่างเบือนหน้าหนีจากฝ่ายส้มล้มเจ้าทั้งนั้นไม่ว่าสภาสูงหรือสภาล่าง
ทั้งหลายทั้งมวลก็มาจากการทำตัวเองแท้ๆของก้าวไกล แม้จะเป้นพรรคอันดับหนึ่งที่ได้ส.ส.มากถึง 151 คน ได้เสียงถึง14.4 ล้านคะแนน แต่ก็ไม่สามารถแข้าสู่อำนาจได้เพราะเป็นพรรคล้มเจ้าพรรคแก้ไข ม.112 พรรคด้อยค่าสถาบัน ที่ไม่มีทางที่ฝ่ายอื่นๆในบ้านเมืองจะยอมให้พรรคแบบนี้คนจากพรรคพันธุ์นี้เข้าสู่ออำนาจได้ง่ายๆ เพราะมันเป็นอันตรายระดับรากหญ้าฝังลึกถึงแก่นแกนของประเทศเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่บรรดาส.ส.กับส.ว.ที่รักชาติ รักสถาบัน รักความถูกต้องจะไม่ยอมปล่อยให้พิธากับก้าวไกลได้เข้าสู่อำนาจโดยเด็ดขาด กรณีที่พิธาตกเวทีตั้งแต่ยกแรกที่ขึ้นชกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา ชนิดแบบแพ้ไม่เห็นฝุ่นไม่ใกล้เคียงที่จะคว้าชัยชนะได้เลย เพราะได้เสียงส.ว.สนับสนุนแค่ 13 คน ทั้งๆที่จ้องการถึง 64 คน พิธาต้องการเสียงส.ว.อีกครึ่งร้อยหรือ 54 คนถึงจะเป็นนายกฯได้ โหวตให้ตายก็ไม่มีทางเป็นจริง
แถมล่าสุดส.ส.กับส.ว.ก็ประสานเสียงตรงกันไม่ให้พิธากลับมาขึ้นเวทีแก้ตัวในยก 2 ได้อีกแล้ว ยืนกรานจะไม่ยอมให้ก้าวไกลเอาของเสียของมีตำหนิมีของมีมลทินกลับมาเสนอได้อีก โดยงัดข้อบังคับรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 ” ญัตติใดซึ่งตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติซึ่งยังไม่มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานสภาอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป” พิธาล่องจุ๊นไปแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างถือว่าจบเกมแล้วสำหรับนายกฯหน้าหล่อผู้นำแห่งโลกโซเชี่ยลฯ เพราะถูกคนออกมาเบรกบานตะเกียง ทั้งส.ส.และส.ว. ส.ว.ประพันธุ์ คุณมี ส.ว.เสรี สุวรรณภานนท์ ฝากส.ส.ก็มีร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานวิปส.ส.พลังประชารัฐ ธนกร วังบุญคงชนะ ตัวตึงรวมไทยสร้างชาติ ชาดา ไทยเศรษฐ ขาใหญ่ภูมิใจไทย ฯลฯ
ประเด็นตอนนี้ฝ่ายส้มล้มเจ้าพยายามจะดันพิธากลับมาโหวตยก 2 แต่ไม่รู้จะได้โอกาสอีกครั้งหรือไม่ เพราะตอนนี้ส.ส.กับส.ว.ตั้งธงไม่ให้โอกาสพิธาแล้ว เช้าที่ผ่านมามีการประชุม 3 ฝ่าย วันนอร์เป็นประธาน ผลออกมาคือไม่มีข้อสรุปต้องไปลุ้นกันหน้างานเพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ต่อให้พิธากับก้าวไกลอยากโหวตให้ตาย แต่ถ้าไปคุยกันหน้างานวันพุธที่ 19 ก.ค.2566 แม้ฝ่ายส้มจะเสนอญัตติโหวตพิธาเป็นนายกฯครั้งที่ 2 แต่เชื่อว่าไม่มีทางได้ ต่อให้โหวตกันในสภาก็แพ้เพราะ 8 มีแต่ 312 เสียง ส่วน 10 พรรครัฐบาลปัจจุบันมี 188 เสียง รวมกับส.ว.อีก 250 เสียง ทำให้มีเสียงถึง 438 เสียง มองยังไงดูมุมไหนพิธาก็แดกน้ำแห้วแทนน้ำส้มแน่นอน น่าจะหมดลุ้นขึ้นเวทีชิงนายกฯแล้ว 99.99 %
หรือต่อให้ได้ลุ้นยก 2 ก็ไม่มีทางจะฝ่ายด่านส.ว.ได้เสียงถึง 376 แน่นอน ประเด็นแรกหลังจบรอบแรกด้อมส้มตามราวีตามล่าแม่มดคุกคามส.ว.และครอบครัวรวมทั้งธุรกิจ ตรงนี้ยิ่งทำให้พิธาหมดความชอบธรรมหมดถูกลดการสนับสนุนจากส.ว.เข้าไปอีก แค่นั้นไม่พอวันเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญยังนัดพิจารณาคดีที่กกต.ส่งคำร้องให้พิจารณาว่าพิธาขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.หรือไม่อีกดอก งานนี้ถ้าศาลพิจารณาและมีคำสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่พิธาก็จะหมดสิทธิ์เข้าสภา เหลือแค่ชื่อเท่านั้นที่เอาไปโหวตต่อได้แต่ความชอบธรรมก็จะลดฮวบลงไปอีกยิ่งแล้วใหญ่เพราะมีคดีติดตัวจ่อถูกฟันอยู่ในศาล
ยังไงไม่ช้าก็เร็วโอกาสในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯจะกลับมาเป็นของเพื่อไทยแน่นอน อย่างเร็วที่สุดก็คือพุธที่ 19 ก.ค.2566 นี้เลย ถ้าพิธาถูกเบรกแล้วสภาพิจารณาโหวตนายกฯต่อ แคนดิเดตของเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็น “แพทองธาร-เศรษฐา-ชัยเกษม” ก็จะได้ลุ้นขึ้นมาทันที ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่าในสภาจะเอายังไงจะเปิดเกมให้เพื่อไทยเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯเลยไหม หรือฝ่าย 8 พรรค 312 คนจะขอเวลาเลื่อนโหวตนายกฯออกไปตั้งหลักก่อน หรือจะเลือกโหวตนายกฯเลย ตรงนี้ก็ต้องไปลุ้นกันหน้างานว่าจะเอากันยังไง
ล่าสุดฝ่ายเพื่อไทยทางแพทองธารออกมาเปิดเผยแล้วว่าถ้าพิธาไม่ได้ไปต่อ เพื่อไทยพร้อมที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯที่มีความเหมาะสมลุ้นเป็นนายกฯทันที และชื่อที่อุ๊งอิ๊งเปิดออกมาก็คือ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน “พรรค พท.ก็จะเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน อันนี้เป็นที่ชัดเจน แต่เราทำไปทีละขั้น….ตอนนี้ประเทศชาติไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าตัวเลือกที่ดีสุดกับประเทศ ณ ตอนนี้ คือคุณเศรษฐา ที่จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้าพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เราก็ทำงานร่วมกันในการช่วยประเทศชาติ ทั้งนี้หากเป็นหัวหน้ารัฐบาลและต้องเลือกจากเรา เราก็มองว่าคือคุณเศรษฐา” น.ส.แพทองธารกล่าว
จากนี้ก็ต้องลุ้นกันว่าเมื่อ “หมดเวลาพิธา…..ถึงเวลาเพื่อไทย” เกมมาเข้าทางตีนฝ่ายแดงแบบนี้ ก๊วนทักษิณจะคอนโทรลเกมที่อยู่ในมืออย่างไรให้ได้เปรียบที่สุด หากมีการเสนอชื่อเศรษฐาจริงก็ต้องลุ้นว่าจะได้เสียงส.ส.กับส.ว.ถึง 376 เสียงหรือไม่ เพราะตอนนี้ส.ว.หลายคนเริ่มตั้งธงแล้วว่าหากแคนดิเดตเพื่อไทยยังอยู่กับก้าวไกลยังเป็นรัฐบาล 8 พรรคด้วยกัน สภาสูงก็จะไม่ยกมือให้แคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทยเหมือนกันเพราะไม่อยากให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลได้เข้าสู่อำนาจ ถ้าเกมออกแบบนี้ยกสองในการโหวตนายกฯ ก็แสดงว่าแคนดิเดตนายกฯคนแรกของเพื่อไทยก็คือตัวหลอกทางการเมือง เป็น “ขุน” ที่ต้องเสียสละเพื่อรักษาสัจจะวาจาขั้วประชาธิปไตยไปด้วยกันจนสุดทาง
ถ้าเกิดคนที่ว่าเป็นเศรษฐาจริงทางเสี่ยนิดก็จะหมดโอกาสเป็นนายกฯถ้าโหวตไม่ผ่านในสภา ตรงนี้แหละแม้จะเสียขุนทางการเมืองระดับเศรษฐาไปหนึ่งตัว แต่เพื่อไทยก็จะมี “ข้ออ้าง” เป็นเหตุผลที่จะเอาไปแยกขั้วแยกทางกับก้าวไกลและ 8 พรรคได้แล้ว เพราะมันไปต่อไม่ได้ จึงต้องมีการ “ย้ายขั้ว-สลับข้าง” เพื่อฟอร์มรัฐบาลใหม่ ยกสามนี้แหละแคนดิเดตเพื่อไทยอาจเป็นตัวจริงที่จะไปเป็นนายกฯ ถามตามสูตรนี้ก็จะเป็นอุ๊งอิ๊งแต่ก็ต้องไปรอลุ้นว่าเมื่อฟอร์มรัฐบาลใหม่ ถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านดึงพรรครัฐบาลเข้ามา ตำแหน่งนายกฯจะเป็นของใครระหว่างแพทองธารหรือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์
////////////////////////