ศาลคดีทุจริตฯ รับตรวจฟ้อง 7 กกต.จัดเลือกตั้งมิชอบ ร่วมกลั่นแกล้ง “พิธา”

ศาลคดีทุจริตฯ รับตรวจฟ้อง 7 กกต.จัดเลือกตั้งมิชอบ ร่วมกลั่นแกล้ง "พิธา"

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต อาชีพทนายความ ได้ยื่นฟ้อง นายอิทธิพร บุญประคอง กับพวก รวม 7 คน ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566

 

โดยคำฟ้องระบุว่า โจทก์เป็นหนึ่งในจํานวนคนไทยหลายหมื่น ที่ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ เขต 8 มีนบุรี กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคก้าวไกล เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศที่เลือกผู้สมัครและพรรคก้าวไกลรวมมากกว่า 14 ล้านคน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และได้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ซึ่งมีความรู้ความสามารถ เหมาะสมที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศไทยคนต่อไป

 

โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ จําเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการเลือกตั้ง ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มีหน้าที่กำกับดูแลงานในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

 

จำเลยที่ 2-6 เป็นกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหลายฉบับเช่นเดียวกับจำเลยที่1,2 เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการเมือง มีหน้าที่กำกับ ดูแลงานโดยทั่วไป งานธุรการ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง งานในหน้าที่นายทะเบียนพรรคการเมือง กำกับดูแลพรรคการเมือง การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยจำเลยที่ 7 ขึ้นการบังคับบัญชากับจําเลยที่ 1 ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 ต่อเนื่องถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด

 

จำเลยทั้ง 7 ได้บังอาจกระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2566 ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงนามในประกาศดังกล่าว กำหนดวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยจำเลยทั้ง 7 โดยทุจริต เจตนาร่วมกัน แบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ทั้งการเลือก ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ให้แตกต่างจากการเลือกตั้งหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 7 ล้านใบ ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตลอดจนประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศไม่เข้าใจ หรือสับสน วุ่นวาย รวมทั้งออกระเบียบ ประกาศต่างๆ ในลักษณะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พรรครัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หรือเป็นรัฐบาลสมัยที่ 2

จําเลยทั้ง 7 ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนนิยมฝ่ายรัฐบาลน้อยกว่าฝ่ายค้าน โดยก่อน ขณะ หรือหลังรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง จำเลยทั้ง 7 มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ว่าผู้ใดไม่มีคุณสมบัติ และ หรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามกฎหมาย

แต่จำเลยทั้ง 7 หาได้ทำตามอำนาจหน้าที่ของพวกตนไม่ จนปล่อยล่วงเลยมาจนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป คือวันที่ 14 พฤษภาคม มี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหนึ่ง มายื่นคำร้องต่อจำเลยทั้ง 7 กล่าวหาว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อไอทีวี จำนวนเพียงประมาณ 4.2 หมื่นหุ้น ในจำนวนหลายล้านหุ้น จึงอาจหรือขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และต่อมามีผู้ยื่นข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันอีกหลายคน แต่จำเลยก็ไม่ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยโดยพลันตามกฎหมาย หรือไม่ส่งเรื่องให้ศาลฎีกามีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามกฎหมาย ซึ่งจำเลยทั้ง 7 ก็ทราบดีว่า คล้ายกับกรณีของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครนายก ที่ถูกพวกจำเลยทั้ง 7 เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

ต่อมาเมื่อ วันที่ 2 พฤษภาคม 66 ศาลฎีกามีคำสั่งคืนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้แก่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดนครนายก กรณีถูกกล่าวหาว่า นายชาญชัย ถือหุ้นสื่อเพียงประมาณ 200 หุ้น ในจำนวนหลายล้านหุ้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ โจทก์ได้ส่งหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้จำเลยที่ 1,2 ฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 จำเลยทั้ง 7 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปถึง นายชาญชัย และผู้เกี่ยวข้อง แจ้งคำสั่งศาลฎีกาคืนสิทธิให้แก่ นายชาญชัย ดังกล่าว ทั้ง นายพิธา เคยเป็น ส.ส.มาแล้ว 4 ปี หรือ 1 สมัย จนครบวาระ ครั้งนี้เป็นการสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ของ นายพิธา การกระทำของจำเลยทั้ง 7 ดังกล่าวข้างต้น ที่ไม่รีบดำเนินการสืบสวน ไต่สวน วินิจฉัย หรือส่งศาลฎีกา มีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามกฎหมาย กรณีที่ นายพิธา ถูกร้องเรียนดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์ หรือ นายพิธา ได้รับความเสียหาย

จำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. จำเลยทั้ง 7 มีพฤติการณ์ที่น่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ เช่น ประกาศผลการเลือกตั้งได้ช้ากว่าที่ควร จำเลยทั้ง 7 ปฏิเสธไม่รับความช่วยเหลือจากหน่วย หรือองค์กรเอกชน และไม่เลือกใช้การสื่อสารที่ทันยุคทันสมัยแต่อย่างใด

โดยผลการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปรากฏว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากกว่า 14 ล้านคน รวมทั้งโจทก์ด้วย เลือกพรรคก้าวไกล จนพรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มากเป็นอันดับหนึ่ง คือได้จำนวน 151 คน โดยโจทก์และผู้ลงคะแนนเสียงเลือก นายพิธา และพรรคก้าวไกล เหตุเพราะเห็นว่า นายพิธา เป็นคนมีความรู้ความสามารถสูง เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งหวังจะให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

แต่จำเลยทั้ง 7 โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันกลั่นแกล้ง นายพิธา ด้วยการประชุมวินิจฉัย ลงมติ หรือมีความเห็นร่วมกันส่งเรื่องที่ นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อไอทีวี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลการเมืองอย่างเร่งรีบ เพื่อให้วินิจฉัยว่า นายพิธา ไม่มีคุณสมบัติ และหรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อ และขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

โดยจำเลยทั้ง 7 มิได้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ตามอำนาจหน้าที่ หรือตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด อันเป็นการดำเนินการก่อน หรือขณะวันโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เพื่อลดความน่าเชื่อถือของ นายพิธา และพรรคก้าวไกล ต่อสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่ นายพิธา เป็น ส.ส.มาจนครบหนึ่งสมัยหรือ 4 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีผู้ใดร้องคัดค้านแต่อย่างใด จึงเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต

ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์ และหรือ นายพิธา ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งให้รับคดีไว้เพื่อตรวจฟ้อง ให้นัดฟังคําสั่งหรือคําพิพากษา วันที่ 8 ส.ค. 2566 เวลา 09.30 น.


ELECTRIC & EXTENSION
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 Jul – 31 Jul 2023

👍รางปลั๊กและอุปกรณ์ไฟฟ้า ราคาสุดคุ้ม!💰ช่วยธุรกิจ SAVE ต้นทุน ลดสูงสุด 37%* ซื้อ 1 แถม 1 และช้อปครบ 1,500.- ฟรีกระเป๋าผ้ารักษ์โลก 🛒ช้อปเลย!
🚛 ซื้อครบ 499.- ส่งฟรี*

#มีครบจบไวสั่งง่ายได้เร็ว
#สร้างธุรกิจไวให้ทุกธุรกิจวิน
#OfficeMate #ออฟฟิศเมท #OFM #โอเอฟเอ็ม #โปรโมชั่น #Promotion

*ช้อปสินค้าปลั๊กไฟและรางปลั๊กไฟที่ร่วมรายการ 1500 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรี แถม-กระเป๋าผ้ารักษ์โลกสุดคิ้วท์ (ลายน้องบอส) จำนวน 1 ใบ มูลค่า 199 บาท จำกัดจำนวน 1 สิทธิ / 1 รหัสลูกค้า หรือ 1 อีเมล เท่านั้น (จำกัดของแถม ตลอดระยะเวลาแคมเปญ 50 สิทธิ์)

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/ywpxF

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น