ต้องบอกว่ามันจบแล้วครับนาย สำหรับ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ที่ต้องบอกว่าเส้นทางการเมืองของเจ้าตัวยิ่งกว่าละคร จากนักการเมืองแถวสามในพรรคอนาคตใหม่ อยู่ๆวันดีคืนดีพรรคถูกยุบพิธาถูก 3 แกนนำอย่าง “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” ชักใยเป็นหุ่นเชิดขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่กับพรรคที่ชื่อว่าก้าวไกล นำพาพรรคชนะการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ด้วยคะแนนเสียง 14.4 ล้านคะแนนกวาดส.ส.มา 151 คน หนำซ้ำยังประกาศตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง เตรียมตัวเป็นรัฐนาวาลำใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ แต่สุภาษิตไทยที่ว่า “แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้” ยังเป็นสำนวนที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นจริงเสมอ ชะตากรรมของพิธาก็คงไม่ต่างกัน ดวงเคยพุ่งถึงขีดสุดมีชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ ได้รับการเสนอได้รับการโหวตแต่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญได้เสียงเห็นชอบแค่ 324 จาก 750 ขาดอีก 54 เสียงจึงจะถึง 376 ที่จะได้เป็นนายกฯคนที่ 30
พ่ายโหวตนายกฯยกแรกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ชนิดไม่มีลุ้นไม่ได้เสียงใกล้เคียงเลย เพราะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว.แค่ 13 เสียงยังไม่พอ ล่าสุด 11.30 น.วันนี้ (19 ก.ค.2566) ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม. 82 ว่าสมาชิกภาพส.ส.ของพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม. 101 (6) ประกอบ ม. 98 (3) หรือไม่ จากกรณีมีชื่อถือครองหุ้น ไอทีวี 42,000 หุ้น โดยศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม. 82 วรรคสี่ ประกอบวรรคหนึ่ง และ พ.ร.ปว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ม. 75 โดยให้พิธายื่นคำชี้แจงแก้เข้ากล่าวหาภายใน 15 วัน นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของพิธา อาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภา และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยตุลาการเสียงข้างน้อย 2 คนคือนพดล เทพพิทักษ์ กับ บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าพิธาโคม่ามากแล้ว เจอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแบบนี้ก็เหมือนเข็นเข้าห้องไอซียูเลย อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องนี้ ขณะที่มีมติ 5 ต่อ 0 เห็นว่าไอทีวียังเป็นสื่อ เที่ยวนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ มองตามนี้พิธาน่าจะติดร่างแหมีความผิดตามคำร้องนี้ไปแล้วกว่าครึ่งตัว จากนี้เจ้าตัวมีเวลาแก้คำร้อง 15 วันเพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาที่ต้องบอกว่าหนักหน่วงหนักหนาสาหัสจริงๆสำหรับพิธา แค่นั้นยังไม่พอพิธายังมีคดีหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ที่เข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกคดี ที่ก็หนักหน้าคาราคาซังไม่แพ้กัน เรียกว่าอ่วมอรทัยจริงๆสำหรับพิธา ที่การเมืองโลดโผนยิ่งนักขึ้นสุดลงสุดแบบเต็มๆ จากมีลุ้นนายกฯตอนนี้กำลังมีลุ้นถูกคดีเข้าซังเต อย่าลืมว่าถ้าพิธามีความผิดเรื่องขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.เพราะถือหุ้นไอทีวีถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดแล้วขาดคุณสมบัติ พิธาจะงานเข้าแบบเต็มๆและอาจซวยสุดๆเพราะกรณีนี้จะกลายเป็น “ต้นทาง” เป็น “สารตั้งต้น” ให้ไปเอาผิดพิธาในคดีอาญาและอื่นๆได้อีก
อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้กกต.เคยรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ม. 151 เขียนไว้โคตรชัด ” ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และ ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี แม้จะเป็นคดีอาญาที่ต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนนาน แต่ถ้าพิธาถูกยื่นเรื่องเอาผิดเรื่องนี้บอกได้เลยว่าหนาวแน่ๆถ้าถูกตัดสินว่าทำผิดจริง แกนนำคนอื่นอาจจะสบาย แต่พิธาจากนี้จะเหนื่อยไปหน้า นายกฯก็จะไม่ได้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านก็อาจจะยาก เพราะถ้ามีคดีความมากมายต้องไปขึ้นศาลต้องไปแก้ต่าง แกนนำคนอื่นอาจจะได้เสวยสุข แต่พิธาจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล วันนี้แม้กระทั่งขอโอกาสขึ้นต่อยยกสองขึ้นโหวตนายกฯอีกครั้งก็ยังไม่ได้รัลบโอกาสเลย ปิดฉากพิธาแบบม้วนเดียวจบ ชนิดที่ช็อคแฟนด้อมส้มทร้ายจิตใจแฟนคลับฝ่ายส้มล้มเจ้าอย่างที่สุด
ล่าสุดเวลาใกล้บ่ายสาม หรือ 15.00 น. ระหว่างการประชุมในรัฐสภา พิธาลุกขึ้นอ่านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญพร้อมอำลาการทำหน้าที่ในสภา “ ขณะนี้มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นคงจะพูดกับประธานว่ารับทราบคำสั่ง จะปฏิบัติตามคำสั่งจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น ขอใช้โอกาสนี้อำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ขอฝากเพื่อนสมาชิกในการใช้รัฐสภาในการดูแลพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. และถ้าเกิดประชาชนชนะมาแล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้เพื่อนสมาชิกทุกคนดูแลประชาชนต่อไป” พิธากล่าวกับที่ประชุมสภา พร้อมถอดบัตรประจำตัวส.ส.ที่ติดไว้ที่หน้าอกออกก่อนยกขึ้นชูแล้ววางลงบนโต๊ะที่นั่ง จากนั้นส.ส.ที่ส่วนใหญ่เป็นของพรรคก้าวไกลลุกขึ้นยืนปรบมือให้ดังลั่นสภา ปิดฉากการทำหน้าที่ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ จากนี้ก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมผิดถูกก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง จากนี้ขอให้จับตาสถานะของก้าวไกลแม้จะเป็นพรรคอันดับ 1 มีส.ส.มากถึง 151 คน แต่จากการเป็นพรรคล้มเจ้า เป็นพรรคที่มุ่งมั่นเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน เป็นพรรคที่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก คนแตกความสามัคคี ยิ่งไปกว่านั้นล่าสุดมติของรัฐสภา 395 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1 ยืนกรานไม่สามารถเสนอชื่อพิธาให้ที่ประชุมโหวตเป็นนายกฯได้ในยก 2 พิธาจบเห่หยุดเส้นทางเป็นนายกฯทันที หลังถูกส.ว.ปิดสวิตช์แทนแบบกรรมสนองทันตาเห็น
ประเด็นสำคัญตอนนี้ไม่ใช่แค่พิธาเท่านั้นที่จะถูกปิดสวิตช์ถูกบอยคอตจากเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา แต่พรรคก้าวไกลฝ่ายส้มล้มเจ้าก็จะถูกส.ส.กับส.ว.จับมือกันต่อต้านการเข้าสู่อำนาจในลักษณะไม่ต่างกัน แม้หลักประชาธิปไตยจะเป็นเรื่องสำคัญเป็นหลักการบริหารของบ้านเมือง แต่เหนือสิ่งอื่นใดความอยู่รอดของชาติและเป็นประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมาก่อน ล่าสุดส.ส.กับส.ว.หลายคนออกมาส่งสัญญาณ “ลอยแพ” ก้าวไกลแล้ว ถ้าก้าวไกลยังเป็นแกนนำรัฐบาลยังอยู่ร่วมกัน 8 พรรค ไม่ว่าแคนดิเดตพรรคการเมืองจะเป็นใครส.ว.จะไม่โหวให้ เรื่องนี้กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.ตัวตึงออกมาพูดส่งสัญญาณชัดในเรื่องนี้ ขณะที่ฝ่าย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคก็ออกมาแสดงจุดยืนต่อให้เพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลถ้ามีก้าวไกลอยู่ด้วย ภูมิใจไทยก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล เอาง่ายๆตอนนี้ 5 พรรครัฐบาลปัจจุบัน 182 เสียงแสดงออกชัดไม่เอาก้าวไกลร่วมวงศ์ไพบูลย์ มีก้าวไกลไม่มีเรา อดีตฝ่ายส้มล้มเจ้าพรรคเทวดาเคยประกาศ “มีเราไม่มีลุง” ไม่เอาพลังประชารัฐ ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ ไม่เอาภูมิใจไทย ตอนนี้กรรมสนองเพราะ 3 พรรครวมพลังไม่เอาก้าวไกลบ้าง ขณะที่ประชาธิปัตย์กับชาติไทยพัฒนาก็ประกาศไม่เอาพรรคล้มเจ้าพรรคแก้ม. 112 เพื่อไทยจะเป็นนายกฯเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล ตอนนี้มีอยู่หนทางเดียว ถีบก้าวไกลไปพ้นๆเอาพรรคเทวดาพรรคล้มเจ้าไปไกลๆ ฉีกสัตายาบัน 8 พรรค ย้ายขั้วสลับข้างใหม่ ตรงนั้นแหละเราจะได้นายกฯได้รัฐบาลใหม่แน่นอน ก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว
/////////////////////