ปิดเกมพิธา ลอยแพก้าวไกล

ปิดสวิตช์​พิธา​ มันจบแล้วครับนาย​หลัวส.ว.250 คน + ส.ส.188 คน ประสานเสียง​ 395​ ปิดช่องยืนยันไม่ให้โหวตพิธาต่อ หลังญัตติตกไปแล้วตั้งแต่ 13 ก.ค.2566 หมดโอกาสเสนอชื่อกลับมาลุ้นนายกฯอีกแล้ว พิธาอ่วมอรทัยศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องปมถือหุ้นไอทีวีขัดรัฐธรรมนูญ ก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหนุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. มันจบแล้วครับนายพิธาลาสภาฝากเพื่อนส.ส.ดูแลประชาชน จับตาเกมลอยแพ "ก้าวไกล" ถีบฝ่ายส้มล้มเจ้าไปเป็นฝ่ายค้าน ส.ส.กับส.ว.ประกาศมีก้าวไกลอยู่ไม่โหวตให้เป็นนายกฯ ไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพวกล้มเจ้าทำลายสถาบัน

ต้องบอกว่ามันจบแล้วครับนาย สำหรับ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ที่ต้องบอกว่าเส้นทางการเมืองของเจ้าตัวยิ่งกว่าละคร จากนักการเมืองแถวสามในพรรคอนาคตใหม่ อยู่ๆวันดีคืนดีพรรคถูกยุบพิธาถูก 3 แกนนำอย่าง “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” ชักใยเป็นหุ่นเชิดขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่กับพรรคที่ชื่อว่าก้าวไกล นำพาพรรคชนะการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ด้วยคะแนนเสียง 14.4 ล้านคะแนนกวาดส.ส.มา 151 คน หนำซ้ำยังประกาศตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง เตรียมตัวเป็นรัฐนาวาลำใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ แต่สุภาษิตไทยที่ว่า “แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้” ยังเป็นสำนวนที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นจริงเสมอ ชะตากรรมของพิธาก็คงไม่ต่างกัน ดวงเคยพุ่งถึงขีดสุดมีชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ ได้รับการเสนอได้รับการโหวตแต่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญได้เสียงเห็นชอบแค่ 324 จาก 750 ขาดอีก 54 เสียงจึงจะถึง 376 ที่จะได้เป็นนายกฯคนที่ 30

พ่ายโหวตนายกฯยกแรกเมื่อ 13 ก.ค.2566 ชนิดไม่มีลุ้นไม่ได้เสียงใกล้เคียงเลย เพราะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว.แค่ 13 เสียงยังไม่พอ ล่าสุด 11.30 น.วันนี้ (19 ก.ค.2566) ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ม. 82 ว่าสมาชิกภาพส.ส.ของพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม. 101 (6) ประกอบ ม. 98 (3) หรือไม่ จากกรณีมีชื่อถือครองหุ้น ไอทีวี 42,000 หุ้น โดยศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม. 82 วรรคสี่ ประกอบวรรคหนึ่ง และ พ.ร.ปว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ม. 75 โดยให้พิธายื่นคำชี้แจงแก้เข้ากล่าวหาภายใน 15 วัน นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของพิธา อาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภา และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยตุลาการเสียงข้างน้อย 2 คนคือนพดล เทพพิทักษ์ กับ บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าพิธาโคม่ามากแล้ว เจอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแบบนี้ก็เหมือนเข็นเข้าห้องไอซียูเลย อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องนี้ ขณะที่มีมติ 5 ต่อ 0 เห็นว่าไอทีวียังเป็นสื่อ เที่ยวนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ มองตามนี้พิธาน่าจะติดร่างแหมีความผิดตามคำร้องนี้ไปแล้วกว่าครึ่งตัว จากนี้เจ้าตัวมีเวลาแก้คำร้อง 15 วันเพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาที่ต้องบอกว่าหนักหน่วงหนักหนาสาหัสจริงๆสำหรับพิธา แค่นั้นยังไม่พอพิธายังมีคดีหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ที่เข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกคดี ที่ก็หนักหน้าคาราคาซังไม่แพ้กัน เรียกว่าอ่วมอรทัยจริงๆสำหรับพิธา ที่การเมืองโลดโผนยิ่งนักขึ้นสุดลงสุดแบบเต็มๆ จากมีลุ้นนายกฯตอนนี้กำลังมีลุ้นถูกคดีเข้าซังเต อย่าลืมว่าถ้าพิธามีความผิดเรื่องขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.เพราะถือหุ้นไอทีวีถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดแล้วขาดคุณสมบัติ พิธาจะงานเข้าแบบเต็มๆและอาจซวยสุดๆเพราะกรณีนี้จะกลายเป็น “ต้นทาง” เป็น “สารตั้งต้น” ให้ไปเอาผิดพิธาในคดีอาญาและอื่นๆได้อีก

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้กกต.เคยรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ม. 151 เขียนไว้โคตรชัด ” ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และ ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี แม้จะเป็นคดีอาญาที่ต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนนาน แต่ถ้าพิธาถูกยื่นเรื่องเอาผิดเรื่องนี้บอกได้เลยว่าหนาวแน่ๆถ้าถูกตัดสินว่าทำผิดจริง แกนนำคนอื่นอาจจะสบาย แต่พิธาจากนี้จะเหนื่อยไปหน้า นายกฯก็จะไม่ได้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านก็อาจจะยาก เพราะถ้ามีคดีความมากมายต้องไปขึ้นศาลต้องไปแก้ต่าง แกนนำคนอื่นอาจจะได้เสวยสุข แต่พิธาจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล วันนี้แม้กระทั่งขอโอกาสขึ้นต่อยยกสองขึ้นโหวตนายกฯอีกครั้งก็ยังไม่ได้รัลบโอกาสเลย ปิดฉากพิธาแบบม้วนเดียวจบ ชนิดที่ช็อคแฟนด้อมส้มทร้ายจิตใจแฟนคลับฝ่ายส้มล้มเจ้าอย่างที่สุด

ล่าสุดเวลาใกล้บ่ายสาม หรือ 15.00 น. ระหว่างการประชุมในรัฐสภา พิธาลุกขึ้นอ่านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญพร้อมอำลาการทำหน้าที่ในสภา “ ขณะนี้มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นคงจะพูดกับประธานว่ารับทราบคำสั่ง จะปฏิบัติตามคำสั่งจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น ขอใช้โอกาสนี้อำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ขอฝากเพื่อนสมาชิกในการใช้รัฐสภาในการดูแลพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. และถ้าเกิดประชาชนชนะมาแล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้เพื่อนสมาชิกทุกคนดูแลประชาชนต่อไป” พิธากล่าวกับที่ประชุมสภา พร้อมถอดบัตรประจำตัวส.ส.ที่ติดไว้ที่หน้าอกออกก่อนยกขึ้นชูแล้ววางลงบนโต๊ะที่นั่ง จากนั้นส.ส.ที่ส่วนใหญ่เป็นของพรรคก้าวไกลลุกขึ้นยืนปรบมือให้ดังลั่นสภา ปิดฉากการทำหน้าที่ในรัฐสภาอันทรงเกียรติ จากนี้ก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมผิดถูกก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง จากนี้ขอให้จับตาสถานะของก้าวไกลแม้จะเป็นพรรคอันดับ 1 มีส.ส.มากถึง 151 คน แต่จากการเป็นพรรคล้มเจ้า เป็นพรรคที่มุ่งมั่นเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน เป็นพรรคที่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก คนแตกความสามัคคี​  ยิ่งไปกว่านั้นล่าสุดมติของรัฐสภา 395 ต่อ 312​ งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1​ ยืนกรานไม่สามารถเสนอชื่อพิธาให้ที่ประชุมโหวตเป็นนายกฯได้ในยก​ 2​  พิธาจบเห่หยุดเส้นทางเป็นนายกฯทันที​  หลังถูกส.ว.ปิดสวิตช์​แทนแบบกรรมสนองทันตาเห็น

ประเด็นสำคัญตอนนี้ไม่ใช่แค่พิธาเท่านั้นที่จะถูกปิดสวิตช์​ถูกบอยคอตจากเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา แต่พรรคก้าวไกลฝ่ายส้มล้มเจ้าก็จะถูกส.ส.กับส.ว.จับมือกันต่อต้านการเข้าสู่อำนาจในลักษณะไม่ต่างกัน แม้หลักประชาธิปไตยจะเป็นเรื่องสำคัญเป็นหลักการบริหารของบ้านเมือง แต่เหนือสิ่งอื่นใดความอยู่รอดของชาติและเป็นประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมาก่อน ล่าสุดส.ส.กับส.ว.หลายคนออกมาส่งสัญญาณ “ลอยแพ” ก้าวไกลแล้ว ถ้าก้าวไกลยังเป็นแกนนำรัฐบาลยังอยู่ร่วมกัน 8 พรรค ไม่ว่าแคนดิเดตพรรคการเมืองจะเป็นใครส.ว.จะไม่โหวให้ เรื่องนี้กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.ตัวตึงออกมาพูดส่งสัญญาณชัดในเรื่องนี้ ขณะที่ฝ่าย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคก็ออกมาแสดงจุดยืนต่อให้เพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลถ้ามีก้าวไกลอยู่ด้วย ภูมิใจไทยก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล เอาง่ายๆตอนนี้ 5 พรรครัฐบาลปัจจุบัน 182 เสียงแสดงออกชัดไม่เอาก้าวไกลร่วมวงศ์ไพบูลย์ มีก้าวไกลไม่มีเรา อดีตฝ่ายส้มล้มเจ้าพรรคเทวดาเคยประกาศ “มีเราไม่มีลุง” ไม่เอาพลังประชารัฐ ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ ไม่เอาภูมิใจไทย ตอนนี้กรรมสนองเพราะ 3 พรรครวมพลังไม่เอาก้าวไกลบ้าง ขณะที่ประชาธิปัตย์กับชาติไทยพัฒนาก็ประกาศไม่เอาพรรคล้มเจ้าพรรคแก้ม. 112 เพื่อไทยจะเป็นนายกฯเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล ตอนนี้มีอยู่หนทางเดียว ถีบก้าวไกลไปพ้นๆเอาพรรคเทวดาพรรคล้มเจ้าไปไกลๆ ฉีกสัตายาบัน 8 พรรค ย้ายขั้วสลับข้างใหม่ ตรงนั้นแหละเราจะได้นายกฯได้รัฐบาลใหม่แน่นอน ก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว
/////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น