ภายหลังจากที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขาฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก “Nantiwat Samart” ระบุว่า เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง คุณแมททิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแถลงข่าว แสดงความกังวลใจต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทยหลังการเลือกตั้ง ที่หัวหน้าพรรค การเมืองถือหุ้นสื่อและมาตรา 112
อ่านคำแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแล้วไม่สบายใจ ท่านอาจได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเข้าใจอะไรผิด ขอชี้แจงให้ท่านเข้าใจการเมืองและกฏหมายไทย เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศทั้งสอง รัฐธรรมนูญของไทยห้ามมิให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนถือหุ้นสื่อ นักการเมืองทุกคนรู้ข้อห้ามนี้ดี และคุณพิธาไม่ใช่นักการเมืองคนแรกที่ถูกตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ ก่อนหน้านี้ ก็มีผู้สมัครรับเลือกตั้งถูกลงโทษเพราะถือหุ้นสื่อ ไม่มีข้อยกเว้น
นอกจากนี้พระมหากษัตริย์ถูกยกฐานะให้อยู่เหนือการเมือง และได้รับการปกป้องไม่ให้ถูกล่วงละเมิดตามมาตรา 112 เหมือนประธานาธิบดีสหรัฐที่มีกฏหมายปกป้องการล่วงละเมิด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอาจไม่เข้าใจระบบการเมืองไทย นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทางตรงที่คนได้คะแนนสูงสุดได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ เหมือนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่เป็นการเลือกทางอ้อมผ่าน electoral voters แม้บางครั้งผู้แพ้จะได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนสูงกว่า แต่มั่นใจได้ว่า ระบบการเลือกตั้งของไทย เป็นการเลือกตั้งที่ Free and Fair เพราะจัดการเลือกตั้งโดย กกต.ที่เป็นองค์กรอิสระ
นอกจากนั้น คดีที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐห่วงใย ยังไม่ขึ้นสู่การพิจาณาของศาล และขอให้มั่นใจได้ว่า ศาลไทยจะอำนวยความยุติธรรมและปราศจากการแทรกแซงใดๆ ประการสำคัญ การเลือกตั้งในไทยไม่มีเหตุร้ายหรือความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่มีเหตุไฟฟ้าดับในระหว่างการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งเหมือนการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาบดีของบางประเทศ
ขอบคุณโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่สนใจและห่วงใยต่อการเมืองในไทย และคนไทยก็หวังว่าจะไม่มีรัฐต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเมืองในไทย เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย