วิบากกรรม “พิธา” ไม่จบ 3 ดาบรอเชือดซ้ำ

วิบากกรรม "พิธา" ยังไม่จบตามเส้นทางนายกรัฐมนตรี เผยหัวหน้าพรรคสีส้มยังต้องเจอกับความผิด รวมถึงคดีความตามมาอีกอื้อทั้งหมดสิทธิเป็น สส.-ถูกฟ้องอาญาติดคุกสูงสุดถึง 10 ปี แถมอาจโดนยุบพรรคหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง

เส้นทางการเมืองของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะตีบตันเข้ามาถูกขณะหลังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 7 ต่อ 2 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) พร้อมคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ไปคงค้องมารอดูกันว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร

หากนำความผิดกรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้เพื่อวินิจฉัยมาเทียบเคียงกับคดีของนายธาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีถือครองหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เชื่อว่าเส้นทางของนายพิธาคงไม่แตกต่างไปจากนายธนาธรอย่างแน่นอน คือ จบเห่

สำหรับกรณีการถือหุ้นสื่อของนายธนาธรเมื่อปี 2562นั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของธนาธรสิ้นสุดลงจากกรณีถือหุ้นสื่อ ในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดอันเป็นลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 98 (3) มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6)

ในครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เมื่อไม่พบว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งทำนิตยสาร มีการจดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ ดังนั้นจะอ้างว่า ปิดกิจการและเลิกจ้าง/แจ้งหยุดกิจการชั่วคราวไปแล้วไม่ได้ เพราะ วี-ลัค มีเดีย จะกลับมาทำอีกเมื่อไรก็ได้ จึงเท่ากับว่า วี-ลัค มีเดีย ทำสื่อมวลชนในวันที่ธนาธรสมัครเลือกตั้ง

ดังนั้นหากนำคดีของนายธนาธรมาเทียบเคียงกับคำร้องที่นายพิธากำลังเผชิญกรณีถือหุ้นไอทีวีเชื่อว่า ชะตากรรมของนายพิธาคงไม่แตกต่างกับนายธนาธรอย่างแน่นอน เนื่องจากมีพฤติกรรมในการกระทำความผิดไม่แตกต่างกัน และที่สำคัญยังเป็นการวินิจฉัยในบทบัญญัติกฎหมายเดียวกัน

 

 

ขณะเดียวกันนายพิธา ต้องเจอวิบากกรรมที่ตามเป็นระลอกกรณีกกต.รับเรื่องพิจารณา และตั้งกรรมการไต่สวนตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 ที่ระบุว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

ความผิดตั้งตามามาตรา 151 คือ เปิดโอกาสให้กกต. ดำเนินคดีอาญาหากพบว่า นายพิธา สมัคร ส.ส. โดยขาดคุณสมบัติ ซึ่งเป็นการดำเนินคดีผ่านตำรวจ อัยการ และไปศาลอาญาไม่ต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับปมร้อนดังกล่าวขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของ กกต. และหากนำมาเปรียบเทียบกับคดีนายธนาธร ที่กกต.เคยยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาตามาตรา 151 เมื่อปี 65 ซึ่งในครั้งนั้นปรากฎว่า อัยการไม่ได้สั่งฟ้องนายธนาธร โดยนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดในขณะนั้นชี้แจงว่า สาเหตุพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร เนื่องจากในคดีอาญาจำต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งปวงว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายธนาธรได้โอนหุ้นให้แก่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจจัดการแทน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ไปเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 โดยมีบุคคล 3 คน เป็นพยานบุคคล และมีเอกสารมาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการโอนหุ้นตามข้อบังคับของบริษัท และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 กล่าวคือ ต้องทำหลักฐานการโอนหุ้นเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน และมีการจดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว ซึ่งตามกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1141

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามแม้ข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่ามีข้อพิรุธ ก็เป็นเรื่องพิรุธในข้อเท็จจริงของคำให้การพยานฝ่ายผู้ต้องหาเพียงฝ่ายเดียว แต่การดำเนินคดีอาญา โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานอื่นมาแสดง หรือใช้นำสืบพิสูจน์ให้ศาลรับฟังเชื่อได้โดยปราศจากข้อระวังสงสัยว่า นายธนาธรกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

อีกทั้งข้อพิรุธของนายธนาธรนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายแต่อย่างใด จึงไม่อาจนำเอาข้อพิรุธของพยานฝ่ายตามที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดังกล่าวมาใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อยืนยันว่า นายธนาธรกระทำความผิดตาม ดังนั้นอัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องธนาธร

สำหรับคดีดังกล่าวแม้อัยการจะยกประโยชน์ให้นายธนาธร โดยอ้างเหตุผลในการไม่สั่งฟ้องในคดีอาญา เพราะน่าเชื่อได้ว่า นายธนาธรมีการโอนหุ้นให้มารดาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง แม้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อพิรุธสงสัยก็ตาม แต่เมื่อนำคดีของนายพิธามาเทียงเคียงกับคดีนายธนาธรจะพบว่า นายพิธาถือครองหุ้นไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้นจากการรับมรดกตั้งแต่ปี 51 และยังไม่ปรากฎว่าก่อนการเลือกตั้งปี 62 มาจนถึงการเลือกตั้งปี 66 นายพิธาได้โอนหุ้นไอทีวีไปก่อนหน้านี้ โดยนายพิธาพึ่งโอนหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น ให้กับนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชาย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 ซึ่งถือว่าการกระทำของนายพิธาเป็นไปตามมาตรา 151 เพราะรู้อยู่ก่อนว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามโดยเหตุจากการถือหุ้นไอทีวี

ดังนั้นหากกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายพิธา เชื่อว่าคงไม่มีเหตุผลใดที่อัยการจะยกประโยชน์ให้นายพิธา เหมือนกับคดีนายธนาธร และเมื่อคดีไปถึงศาลอาญา นายพิธาอาจต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ตามด้วยการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองถึง 20 ปี และการเรียกคืนเงินเดือนได้ทั้งหมด

วิบากกรรมของนายพิธายังไม่จบสิ้น เพราะยังต้องเผชิญกับดาบที่สามกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธอิสระขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกลเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับวันรับคำร้องไว้พิจารณาคือวันที่ 12 กรกฎาคมมที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 49 บัญญัติชัดเจนว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้ ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง

หากอ่านบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 49 อย่างละเอียดจะพบว่า เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับกับมาตรา 112 มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ศาลจะสั่งให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานล้มล้างการปกครอง รวมถึงสั่งให้นายพิธา และพรรคก้าวไกลเลิกการกระทำทุกอย่างที่ไปแตะต้องมาตรา 112 อีกทั้งยังเปิดช่องให้ผู้ร้อง หรือบุคคลใดไปฟ้องเอาผิดนายพิธา และพรรคก้าวไกลในคดีอาญาได้อีกช่องทางหนึ่งตามวรรคสี่

 

 

คำถามต่อมาคือหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกลเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะไปถึงการยุบพรรคหรือไม่

คำตอบ คือ สามารถกระทำได้ โดยใช้มาตรา 49 เป็นสารตั้งต้นเพื่อโยงไปสู่กฎหมายอื่นที่กำหนดเรื่องยุบพรรคไว้ คือ พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 ที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนี้

1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ถือเป็นต้นทางในการพิจารณา เพื่อนำไปสู่กฎหมายเรื่องการยุบพรรค ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เป็นการล้มล้างการปกครองก็เปิดโอกาสให้ ผู้ร้อง หรือ กกต.นำความผิดเรื่องการล้มล้างการปกครองไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 ต่อไปได้

มาถึงตรงนี้อาจกล่าวได้ว่า การไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธาอาจเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับ 3 การกระทำผิดที่กล่าวมาทั้งหมด และนี่คือดาบที่รอฟันนายพิธา และพรรคก้าวไกลในอนาคตข้างหน้า

 


วันนี้ Shopee จัดโปรโมชั่น Fashion & Beauty Super Brand Day ลดสูงสุด 80%

มีทั้ง Downy, Oral-B, Olay และ Head&shoulders

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/3ZYYv

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น