หลังจากที่เล่นละครการเมืองให้คนไทยดูกันมานานกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่ทราบผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ถัดจากนั้น 4 วัน ก่อนประกาศจับมือ 8 พรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาล 313 เสียง ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อ 18 พ.ค.2566 ณ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ เรื่อยมาจนถึงการลงนามในสัตยาบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) 23 ข้อ 5 แนวทางปฏิบัตของ 8 พรรคการเมือง เมื่อ 22 พ.ค.2566 ณ โรงแรมคอนราด แกนนำสองพรรคอันดับ 1 กับ อันดับ 2 คือ ก้าวไกลกับเพื่อไทยก็กระหนุงกระหนิงแสดงออกหวานชื่นกันมาตลอด อย่างที่เราเห็นปรากฎในภาพข่าวหมอชลน่านกอดพิธา มีการเปรียบเปรยว่าสองพรรคใหญ่เหมือนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว หมั้นกันแล้วไม่มีทางที่จะแคล้วจากกัน เวลาผ่านไป 60 กว่าวันบอกได้เลยว่าระหว่างทางของก้าวไกลกับเพื่อไทย มีอุปสรรคมีปัญหาขัดแย้งขบเหลี่ยมกันมาตลอด พูดจาภาษาชาวบ้านตั้งแต่หลังเลือกตั้งก็ “กัดกันยังกะหมา”
ย้อนอดีตก็ตั้งแต่เริ่มต้นลงสัตยาบัน 23 ข้อ สองพรรคส้มแดงคุยกันเกือบตายกว่าจะถอดสลักเอาเรื่อง ม.112 ออกจากเอ็มโอยูได้ เพราะอย่างที่รู้ก้าวไกลอยากใส่เรื่องนี้ไว้ต้นๆรองจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็น MOU ข้อแรกเลยเพื่อประกาศให้รู้จุดยืนและนโยบายแรกๆที่จะทำแต่เพื่อไทยไม่ยอมไม่งั้นจะไปยอมลงนามตั้งรัฐบาลด้วยที่สุดเรื่อง 112 เลยถูกดึงออกไป ถัดมาก็ฟัดกันเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ก้าวไกลอยากได้คนของตัวเองอยากเสนอ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานสภาเพราะจะได้คุมเกมในการเสนอชื่อนายกฯการคุมเรื่องของการแก้ไขกฎหมายในสภา
แต่ฝ่ายเพื่อไทยก็อยากเสนอชื่อ “ตี๋กร่าง+พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ ขึ้นเป็นประธานเช่นกัน เรื่องนี้ก็โดนเพื่อไทยชิงเหลี่ยมขวางทางอีกโดยอ้างว่าก้าวไกลมีเสียง 151 ได้ตำแหน่งนายกฯ ( ความจริงตอนนั้นยังไมมีการโหวตนายกฯ )ที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว เพื่อไทยก็ควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติตามสูตร ก้าวไกล 15+1 นายกฯ เพื่อไทย 14+1 ประธานสภา เถียงกันเป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายวันต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดลาวาศอกกัน จนสุดท้ายตกยกตำแหน่งประธานสภาให้วันมูหะมัด นอร์มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ใครๆก็รู้ว่าเนื้อในเป็นก๊วนแดงจ๋าเป็นเครือข่ายฝ่ายทักษิณที่แตกสาขาไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะชื่อทักษิณขายไม่ออกใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องนี้ก้าวไกลก็เสียโง่เพื่อไทยไปอีกดอก
ถัดมาสดๆร้อนคือการโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา ถ้าใครตามตลอดจะเห็นชัดตอนตัวแทนเพื่อไทยคืออดิศร เพียงเกษ คนที่ด่าก้าวไกลมาตลอด คนที่อัดฝ่ายส้มว่าเป็นพระบวชใหม่พระอ่อนพรรษา ขึ้นพูดอภิปรายพิธาไปก็หัวเราะไป ดูก็รู้ว่า “ล้น” ว่าออก “โอเวอร์แอคติ้ง” คือไม่จริงใจไม่เนียน “โคตรปลอม” ปิดท้ายยังยกยอเอากลอนมาชื่นชมพิธา ใครดูอยู่ยาวๆวันนั้นก็จะรู้ว่าเพื่อไทยเล่นลิเกเอาใจพิธากับก้าวไกล พิธาได้เสียงเห็นชอบ 324 เสียง แม้ว่าเพื่อไทยจะยกมือเห็นชอบให้ทั้งหมดแต่พิธาก็ไม่ผ่านความเห็นชอบ แถมล่าสุด 19 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา ในการโหวตนายกฯครั้งที่ 2 ก็มีประเด็นการทำหน้าที่ของวันนอร์ซึ่งถูกตั้งข้อครหาว่าไปไม่สุดทำไม่เต็มที่เสมือนหนึ่งอยากปิดเกมให้เส้นทางพิธาเป็นนายกฯจบไวๆ ไม่ยอมใช้อำนาจประธานวินิจฉัย ข้อบังคับการประชุมสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปพิธายังโหวตนายกฯต่อในยก 2 ได้
มองในแง่ร้ายมีคนคิดว่าวันนอร์ปากว่าตาขยิบกับเพื่อไทย ปากก็บอกเป็นกลางแต่การทำหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นบวกเป็นคุณกับพิธาและฝ่ายก้าวไกลเลย ถึงขนาดปิยบุตร แสงกนกกุล ตัวตึงก้าวไกลออกมาโพสต์เฟซ ถ้าประธานสภาเป็นปดิพัทธ์ชะตากรรมพิธาและโอกาสของก้าวไกลควงได้ลุ้นมากกว่านี้ ” หากปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานรัฐสภา วันนี้ ผมมั่นใจว่า เขาจะกล้าใช้อำนาจประธานยืนยันว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ ญัตติ หรือต่อให้ลากไปเป็นญัตติซ้ำ แต่ก็มีข้อยกเว้นในข้อ 41 ตอนท้ายว่า เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เสนอซ้ำได้ ” ป็อกแป๊กหัวขบวนส้มระบายความในใจ เพราะประธานสภาใจไม่ถึงทำให้พิธาหลุดโค้งนายกฯไปโดยปริยาย
ถึงบอกว่าส้มกับแดงเสมือน “น้ำกับน้ำมัน” ไม่มีทางจะเข้ากันได้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ตอนเลือกตั้งลองไปไล่ดูได้เลยว่าส.ส.เขตของเพื่อไทยส่วนใหญ่แพ้เลือกไม่ได้กลับมาสภาเพราะใครก็เพราะฝ่ายส้มล้มเจ้าก็เพราะพวกก้าวไกลทั้งนั้น สองพรรคเป็นศัตรูแย่งมวลชนฐานเดียวกัน ตอนนี้แดงโดนส้มแย่งคนรุ่นใหม่แย่งคนแก่แย่งคนเมืองแย่งคนเหนือแย่งคนอีสานไปเกือบหมด ในหัวใจของบรรดาส.ส.เพื่อไทยถามว่าเกลียดพรรคใดที่สุดอยากทำลายพรรคใดให้ย่อยยับที่สุดมองว่าพรรคใดเป็นศัตรูมากที่สุดก็ก้าวไกลคนใกล้ตัวนี้แหละที่เปรียบเสมือนหอกข้างแคร่ ที่เพื่อไทยถูกหยุดแลนด์สไลด์ก็เพราะโดนก้าวไกลนี้แหละขโมยซีนไปจาก 310 ที่นั่งที่เป็นเป้าหมายเหลือจริงได้มาแค่ 141 คนเท่านั้น ก่อนหน้านี้เพื่อไทยก็พยายามกัดฟันตีนเนียนเล่นตามบท “พระรอง” มาตลอด วันนี้บทหนังถูกเปลี่ยนใหม่ก้าวไกลถูกถีบไปเป็นตัวรอง เพื่อไทยถูกชูขึ้นมาเป็นพระเอกรับบทนำ
มีหรือที่เพื่อไทยจะไม่เล่นการเมืองแบบล้างแค้น จัดการไฟสุมอกอย่างก้าวไกลให้ไปพ้นๆทาง กรณีพิธาถูกเขี่ยพ้นวงโคจรนายกฯไปแล้ว จากนี้เพื่อไทยถูกยกขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว เกมมาอยู่ในมือเพื่อไทยแล้วจะเดินยังไงจะไปแบบไหนถึงจะได้อำนาจมาไว้ในมือ ล่าสุดชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯฝ่ายส้ม ออกมาแถลงจะโหวตนายกฯให้กับเพื่อไทย แต่ยังสงวนท่าทีเกาะหลัง 8 พรรคเป็นแกนนำรัฐบาลต่อไป เพื่อไทยจะเอาไงต่อหากก้าวไกลไม่ยอมเกาะจากแผ่นหลังยังเกาะเป็นผีเหมือนหนังชัตเตอร์ต่อไปแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นล่าสุดบรรดาพรรคการเมืองในสารบบต่างออกมาประกาศจุดยืน “มีกูไม่มีมึง” แก้เผ็ดพวกล้มเจ้า เอาคืนพรรคชังชาติ โดดเดี่ยวพรรคเทวดา เพราะประกาศจุดยืนจะไม่ร่วมหัวจมท้ายเป็นรัฐบาลกับเพื่อไทยหากมีก้าวไกลอยู่ เรียงหน้ากันมาครบทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ เพื่อไทยจะเอาไงต่อ รักษาภาพประชาธิปไตยจะไม่มีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ล่าสุดแม้แต่ตัว “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยเองก็ออกมาบอกกลายๆว่าถ้ามีก้าวไกลไปต่อคงลำบาก แต่เลี่ยงบาลีเพื่อไม่ให้ผิดใจกับพรรคส้มในทำนองว่า ” ถ้ารัฐบาลยังมี ม. 112 ก็ไปต่อลำบากเพราะ ส.ส.กับ ส.ว.ไม่มีทางโหวตให้ ” ขณะที่ฝ่ายพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย ถึงขนาดออกมาพูดชัดก้าวไกลต้องเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน ไม่งั้นเพื่อไทยไปต่อไม่ได้ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกราระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทยยังไงก็แยกทาง ละครใกล้ถึงตอนอวสาน ถึงเวลาเพื่อไทยถีบหัวส่งก้าวไกลให้ตายเดี่ยว ก่อนย้ายขั้วสลับข้างตั้งรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ ตอนนี้ก็นับถอยหลังรอเวลาประกาศแยกทางกันก็เท่านั้นเอง เพื่อไทยอยากตายหมู่หรือปล่อยให้ก้าวไกลตายเดี่ยวไปคนเดียวก็คิดดู เพราะทำการเมืองแบบทำลายชาติทำร้ายสถาบัน ไม่มีฝ่ายใดพวกไหนองคาพยพใดในประเทศไทยจะเห็นดีเห็นงามด้วย
ล่าสุดที่ชัยธวัชออกมาแถลงวันนี้ก็ด่ากราดฟาดงวงฟาดงาไปถึงทุกกลุ่ม ” ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ชี้ชัดว่าทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งการเมืองจารีต ทุนผูกขาด และสถาบันองค์กรต่างๆ ที่เป็นบริวารแวดล้อมทั้งหมด ไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาเรื่องมาตรา 112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแกนนำพรรค และยุบพรรคก้าวไกลให้ได้” พรรคเทวดาดีอยู่คนเดียว ทำผิดทำเลวทำอุบาทว์กับชาติบ้านเมืองกับคนไทยกับสถาบันไม่รู้เท่าไหร่แต่ไม่เคยคิดโทษตัวเองเลย โหวตให้ตายเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลยังไงก็ไม่มีทางที่พวกคุณมึงจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน เพราะคนไทยที่รักชาติรักสถาบันจะไม่มีวันยอมพวกคุณมึง รอดูจุดจบก้าวไกลถูกยุบพรรคและถูกถีบไปเป็นฝ่ายค้าน
////////////////////////////