เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่ ตำบลหนองตะไก้ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา คณะทำงานการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพพืชไร่ ประกอบด้วย นางสาวอรุณ แก้วขาว ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพืชไร่อุตสาหกรรม ประธานคณะทำงาน ,นางสุกัญญา ตู้แก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ คณะทำงาน , นางสาวรวีบงกช ชญาวรณรงค์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ คณะทำงานและเลขานุการ ได้เดินทางมาประเมินผลงานของนางจันทิมา โกสินทร์รักษา ซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อคัดเลือกเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติด้านวิชาชีพเกษตรหนึ่งเดียวของประเทศเข้ารับรางวัล โดยมีนายกฤษณธร เลิศสำโรง นายอำเภอสูงเนิน,นางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา,นายประสงค์ มีสวัสดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตะไก้ ,กำนัน ,ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ข่าวที่น่าสนใจ

นางจันทิมา โกสินทร์รักษา ตัวแทนเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำไร่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ได้ริเริ่ม และความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคจากพื้นดินที่ไม่มีแหล่งน้ำการเกษตร ต้องขุดสระเพื่อเก็บกักน้ำฝนมาใช้ในการเพาะปลูกพืช ในการสร้างไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชไร่อื่นๆ จึงได้น้อมนำหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้และถ่ายทอดให้กับคนในชุมชน และบุคคลทั่วไปได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลงานและสร้างความยั่งยืนในอาชีพ โดยดูจากกิจกรรมในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่องมีการวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมีการจัดการพื้นที่ให้มีความเหมาะสมต่อผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีการใช้เทคโนโลยีระบบน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามข้อมูลวิซาการทำให้ได้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีคุณภาพและปริมาณต่อไร่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งพบว่ารอบการผลิตฤดูฝน มีผลผลิตสูงถึง 1,500 กิโลกรัม/ไร่ และฤดูแล้งใช้ระบบน้ำหยดได้ผลผลิตสูงถึง 1,800 กิโลกรัม/ไร่ (ความชื้น25 – 30 เปร์เซ็นต์ จนสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชน สามารถลดต้นทุนการผลิตโดยใช้วัสดุหมุนเวียนทางการเกษตร เกิดการขยายผลให้คนในชุมชนได้ปฏิบัติตาม เป็นโอกาสในการเพิ่มอำนาจการต่อรองราคาผลผลิตได้ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี กับความมานะสร้างฐานะความมั่นคงให้กับครอบครัวด้วยอาชีพเกษตรกรรมของตนเองและสามี ในปัจจุบันรายได้หลักของครอบครัวมาจากอาชีพเกษตรกรรม ทั้งนี้ตนประกอบอาชีพการเกษตรที่หลากหลายมีกิจกรรมที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ด้านการทำพืชไร่ และปศุสัตว์ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หญ้าเลี้ยงสัตว์ไม้ผลและพืชอื่น ๆ และโคเนื้อ บนที่ดินทั้งสิ้น 179.5 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่การทำการเกษตร ดังนี้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์น้ำหยดและตัดต้นสด จำนวน 100 ไร่ ,ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 48 ไร่ ,หญ้าเลี้ยงสัตว์ (เนเปียร์) จำนวน 5 ไร่ ,เลี้ยงสัตว์ (โคเนื้อ) จำนวน 1.5 ไร่ ,บ่อน้ำ จำนวน 20 ไร่ ,พืชอื่น ๆ (ปลูกหมุนเวียน) จำนวน 5 ไร่ ทั้งนี้ยังสนับสนุน ผ้าเงี่ยงนางดำเป็นผ้าฝ้ายทอมือภูมิปัญญาของชาวบ้านสองเนินหรือ สูงเนินในปัจจุบัน มีลายเป็นเอกลักษณ์ของตนเองนั่น คือทอด้วยฝ้ายย้อมครามสอดด้วยด้ายมัดมัยสองสี เมื่อนำมาใส่จะเป็นผ้าลายแนวตั้งเดิมจะต่อพกด้วยผ้าพื้นสีแดงสอดซาว ต่อตีนชื่นด้วยผ้าแถบเล็กๆ แนวนอนแต่ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นผ้าซิ่นผืนเดียวไม่ต่อพกต่อตีน และมีสีสันมากมายแต่คงไว้แห่งเงี่ยงคือสอดด้วยด้ายมัดมัยสวมใส่ จะมีลายเป็นแนวตั้ง

นายประสงค์ มีสวัสดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตะไก้ เผยว่า อำเภอสูงเนิน มีสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ มีลำตะคลองไหลผ่านตลอดปี แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีสภาพแห้งแล้ง ห่างไกลจากตัวอำเภอมาก โดยเฉพาะตำบลหนองตะไก้ที่มีพื้นที่แห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ เกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร โดยเฉพาะอาชีพด้านปศุสัตว์ การทำไร่มันสำปะหลังอ้อยและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นตัน การปลูกพืชต้องอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ บางปีมีสภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้ผลผลิตตกต่ำ แต่คุณจันทิมา โกสินทร์รักษา กลับสามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ผลผลิตมากกว่ามาตรฐาน จะเห็นได้ว่ามีการบริหารจัดการที่ดีมีการรู้จักวางแผน วิเคราะห์ เก็บข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพพื้นที่ สภาพอากาศปริมาณน้ำฝน การตรวจดินก่อนการเพาะปลูก โดยเฉพาะอย่างย่าง การบริหารจัดการน้ำ การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเลือกใช้ระบบน้ำหยดเพราะประหยัดน้ำ ลดต้นทุน ลดการสูญเสีย และสามารถควบคุม นอกจากนี้ยังได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีระบบน้ำหยด การให้ปุยทางระบบน้ำ เป็นต้น จากการเป็นผู้ใฝ่ศึกษาหาความรู้ ทำให้ประสบผลสำเร็จ และยังได้ขยายผลความสำเร็จให้แก่เกษตรกรอีกมากมาย นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนการทำงานด้านการเกษตรต่างๆไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

นางสาวอรุณ แก้วขาว ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพืชไร่อุตสาหกรรม ประธานคณะทำงาน เผยว่า ด้วยกรมส่งเสริมการเกษตร ไต้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตรและสถาบันเกษตรกรตีเด่นระดับประทศ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศในส่วนที่กรมส่งเสริมการเกษตรรับผิดชอบ จำนวน 7 สาขา/ประเภท ประกอบด้วย เกษตรกรดีเด่นและบุคลากรทางการเกษตรตีเด่น 5 สาขาอาชีพ ได้แก่สาขาอาชีพทำสวน สาขาอาชีพทำไร่ สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร และสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร สถาบันเกษตรกรดีเด่น 6 ประเภท ได้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรและกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 1 ในการคัดเลือกระดับประทศแต่ละประเกท จะได้รับการเสนอผลงานต่อคณะกรรมการระตับกระทรวงเพื่อพิจารณาเป็นเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติต่อไป ซึ่งมีหลักเกณฑ์การให้คะแนน จำนวน 100 คะแนน ประกอบด้วย 1.ความคิดริเริ่ม และความพยายามฟันฝ่าอุปสรรค ในการสร้างผลงาน 2.ผลงานและความสำเร็จของผลงาน ทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและความยั่งยืนในอาชีพ 3.ความเป็นผู้นำและการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ 4.การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในส่วนการประเมินที่จังหวัดนครราสีมา เป็นการประกวดเกษตรกรดีเด่น ระดับประเทศ สาขาอาชีพทำไร ซึ่งมีผู้เข้ารอบทั้งหมด 5 คนจากทุกภาคทั่วประเทศ อาทิ นายสุริยา ห่วงถวิลจังหวัดลพบุรี ,นายประสิทธิ์ เวทยานนท์ จังหวัดกาญจนบุรี ,นายมนตรี บ่อจักพันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี ,นางจันทิมา โกสินทร์รักษา จังหวัดนครราชสีมาและนายวชิราพงษ์ คุรุธรรมานนท์จังหวัดกำแพงเพชร