วันที่ 24 ก.ค. 66 พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรธน.มาตรา 272 โดยมีสมาชิกรัฐสภา เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุมพิจารณาเป็นครั้งที่สอง แต่ก็มีประเด็นแย้งว่าการเสนอชื่อนั้น เป็นการเสนอญัตติซ้ำ อันเป็นการต้องห้ามตามข้อบังคับการประชุมของรัฐสภาข้อที่ 41 หรือไม่ โดยข้อบังคับกำหนดว่า “ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันขึ้นเสนออีก ในสมัยประชุมเดียวกัน กรณีนี้ ท่านประธานรัฐสภา ได้ดำเนินการใช้ข้อบังคับการประชุมข้อ 151 ขอให้สมาชิกลงมติวินิจฉัยว่าเป็นการเสนอญัตติซ้ำหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติ 395 ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งสรุปว่า การเสนอชื่อนายพิธา ครั้งที่สอง ขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวได้อีกต่อไป ในสมัยการประชุมนี้
เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมเป็นต้นมา ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งในรัฐสภา นักวิชาการและประชาชนทั่วไป สงสัยว่าการดำเนินการดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ นับตั้งแต่วันดังกล่าวประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มอบหมายให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินติดตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของรัฐสภา ดังกล่าวตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ก็ได้มีสมาชิกรัฐสภา และประชาชนทั่วไป ได้ยื่นคำร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาวินิจฉัยประเด็นดังกล่าว ตอนนี้เรารับเรื่องไว้ทั้งสิ้น 17 คำร้อง ซึ่งในคำร้องมีคำขอที่สำคัญที่จะให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา เป็น 2 เรื่อง ๆ แรก การกระทำของรัฐสภาที่มีมติไม่ให้เสนอรายชื่อบุคคลเพื่อให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯ เป็นการกระทำที่เสนอญัตติซ้ำเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นที่สอง ผู้ร้องเรียนมีความประสงค์ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำขอไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลฯ ออกมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวเพื่อให้ชลอการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ไว้ชั่วคราวก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่า ซึ่งจากการติดตามข้อมูลข่าวสาร ทราบว่าในวันที่ 27 กรกฎาคม นี้ ทางรัฐสภาได้ประกาศจะมีการลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในวันดังกล่าว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและควรพิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการนัดประชุมครั้งต่อไป เพราะมีประเด็นข้อสงสัย วันนี้ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกันแล้ว มีมติดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการดำเนินการให้ความเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นการกระทำตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งมิใช่เป็นกรณีที่จะต้องปฏิบัติในเรื่องการเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภาข้อ 41 การเสนอรายชื่อบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีกำหนดไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญและในข้อบังคับ ซึ่งคนละหมวดกันในการเสนอญัตติเข้าที่ประชุมรัฐสภา ผู้ตรวจการแผ่นดินปรึกษาหารือแล้ว จึงมีความเห็นชอบร่วมกันว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินปรึกษาหารือแล้วจึงมีความเห็นชอบร่วมกันว่าการดำเนินการของรัฐสภา ในวันที่ 19 กรกฎาคม ถือว่าเป็นหน่วยงานที่ใช้อำนาจรัฐและมีการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 88 มาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีมติร่วมกันจะให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
สำหรับประเด็นที่สอง ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาคำร้องเรียนของผู้ร้องเรียนจำนวนหนึ่งที่ขอให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการ หรือวิธีการชั่วคราวเพื่อชลอการให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการชั่วคราวก่อน ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมีลักษณะที่อาจจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ประกอบกับปล่อยให้มีการดำเนินการหรือให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว หากมีการดำเนินการใด ๆ ต่อไปก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศ และยากต่อการที่จะเยียวยาแก้ไข ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีความเห็นชอบร่วมกันที่เห็นด้วยกับคำร้องเรียนดังกล่าวที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวเพื่อขอให้ชลอการให้ความเห็นชอบบคุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนากยรัฐมนตรีออกไปก่อน จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัยว่าการที่จะเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซ้ำในวันที่ 19 ก.ค.นั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะยื่นต่อศาลรธน. ก่อนที่จะมีการนัดประชุมรัฐสภา วันที่ 27 ก.ค. อาจจะยื่นวันที่ 25 หรือ 26 ก.ค. ขอตรวจสอบคำร้องที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้องก่อน