วันที่ 25 ก.ค. 66 นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกรณีที่ประชุมรัฐสภาลงมติว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 เป็นญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2561 ข้อ 41 เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียนทั้ง 17 คำร้อง พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งยุติการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ออกไปก่อน ว่า ตนเห็นด้วยกับนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ว่าการพิจารณาของศาลทุกศาล จะเริ่มต้นด้วยเขตอำนาจศาลก่อน และท่านวินิจฉัยในฐานะที่เคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะนักกฎหมายมหาชนที่มีความเชี่ยวชาญ ข้อคิดเห็นที่แสดงออกตนเห็นว่ามีน้ำหนักที่สุด คือศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณา เมื่อไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา ก็กลับไปสู่การประชุมรัฐสภา ที่ว่าญัตติจบไปแล้ว หยิบยกมาพิจารณาใหม่ไม่ได้ ดังนั้นการดิ้นรนต่อสู้ของพรรคก้าวไกลกับฝ่ายวิชาการที่พยายามตีความให้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสเป็นนายกฯ ตนว่าพอแล้ว เพราะบ้านเมืองรอนายกรัฐมนตรี นานเกินไปแล้ว ผ่านมา 80 วันแล้ว ตนคิดว่าน่าจะเดินหน้าต่อไป พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการประชุมเพื่อเลือกนายกฯ ต่อไป
ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ออกไปก่อนนั้น นายถาวร กล่าวว่า คนที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา จะหาช่องทางให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เรียกว่าใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อคุ้มครอง แต่ศาลควรจะเร่งรัดพิจารณาให้เร็วที่สุด ก่อนจะรับเรื่องไว้พิจารณาต้องดูว่า เรื่องนี้อยู่ในเขตอำนาจหรือไม่ เมื่อไม่อยู่ในเขตอำนาจก็จบแล้วไม่ต้องพิจารณาในรายละเอียด