“เพื่อไทย” ย้ำยังจับมือ “ก้าวไกล” ไม่มียืมมือเพื่อนถีบไปเป็นฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า เรื่องการพูดคุย สว.ตอนนี้คืบไปมากน้อยเพียงใดจากเดิมที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ 13 เสียง นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้มาพอสมควร ส่วน 13 เสียงเดิมของพรรค ก.ก.เราได้คุยกับ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในเรื่องนี้ ก็ยังยืนยันว่ายังอยู่ ส่วนที่สอง เป็นส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้ไปประสานงานเอง ส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุย อีกส่วนหนึ่งตัดสินใจแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้คอยสักนิด เราคิดว่ายังมีเวลาอยู่ เมื่อถามว่า ส่วนที่ตัดสินใจแล้วมีเงื่อนไขมาตรา 112 หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า หลายท่านมี บางท่านก็ไม่มี

เมื่อถามย้ำว่า แนวโน้มเป็นอย่างไร ถ้าประเมินจากสถานการณ์วันนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนขอไปทำตัวเลขก่อน ยังไม่อยากคิดว่าจะไปถึงไหน เพราะขณะนี้ นอกจากเราได้คุยกับทาง สว.แล้วส่วนหนึ่ง เรายังได้คุยกับทางพรรคอื่นๆ เกือบทั้งหมดแล้ว คงเป็นเรื่องที่ 8 พรรค ต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง เมื่อถามว่า ถ้าเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้าถือว่ามีเวลามากขึ้นหรือไม่ในการพูดคุย นายประเสริฐ กล่าวว่า มากขึ้น คิดว่าจะทำให้เรามีเวลาอีก 1 สัปดาห์โดยประมาณ
เมื่อถามว่า เมื่อวานที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล มองหน้ากันไม่ติดแล้ว นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่มี เมื่อวานตนยังต่อสายกับนายชัยธวัช และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงเหตุผลการเลื่อน ทุกคนก็ยอมรับ หากพรรคเพื่อไทยนัดวันใดอีกก็พร้อม เมื่อถามว่า ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยไปหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ ได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย คุยในองค์ประชุม 8 พรรคทีเดียวเลย

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลเองก็มองว่าการหารือของพรรคเพื่อไทยในช่วงเสาร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา เป็นการยืมมือเพื่อนเพื่อผลักพรรคก้าวไปออกจากพรรคร่วม นายประเสริฐ ปฏิเสธว่า ไม่ เนื่องจากเมื่อวันเสาร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา เป็นการทำมติของทาง 8 พรรคร่วมเท่านั้น ไม่มีการตกลงที่จะขอไปร่วมรัฐบาลกัน หรือตกลงในเรื่องอื่นๆ นั้นไม่มี เพียงแต่มาดูสถานการณ์การเมืองในเมื่อมันเป็นแบบนี้ทุกคนคิดอย่างไรเท่านั้นเอง

“ไม่มีการคุยกันเรื่องร่วมรัฐบาล ผมยืนยัน เรื่องตำแหน่ง ครม.ไม่มีการพูดถึง” นายประเสริฐ กล่าว

เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคก้าวไกลรู้เรื่องนี้ก่อนอยู่แล้วหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ในการพูดคุยกัน เราบอกว่าจะไปคุยกับทุกพรรค ก็ถือว่ารับรู้ และก่อนที่เราจะคุยก็ออกหมายสาธารณะ ออกหมายสื่อ คิดว่าทุกพรรคการเมืองต้องทราบในเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ทำไมพรรคก้าวไกลถึงคิดว่าเป็นการยืมมือเพื่อน นายประเสริฐ ปฏิเสธว่า ไม่ 8 พรรคยังพูดคุยกันอยู่ ยังทำงานร่วมกันอยู่

เมื่อถามว่า ข้อเสนอของ นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ (พ.ส.ม) ที่บอกว่า MOU ควรมีการทำใหม่หรือไม่ ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะ MOU เดิม 23 ข้อ เป็นของพรรคก้าวไกลล้วนๆ รวมถึงมีการระบุชัดว่า ใน MOU สนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่ตอนนี้แกนนำเป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว นายประเสริฐ กล่าวว่า จะพูดว่า MOU เป็นของพรรคเพื่อไทย 23 ข้อนั้นไม่ใช่ ความจริงเป็นของพรรคก้าวไกล และอีกหลายพรรคการเมือง ซึ่งวันนั้นได้พูดคุยกันไป 23 ข้อ แต่ MOU นี้เป็นฉบับที่ 2 ที่เป็นระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำขึ้นระหว่าง 2 พรรคการเมืองเท่านั้นเอง ซึ่งมีประมาณ 4 ข้อ เพราะฉะนั้นในเรื่อง MOU ขอเรียนว่าถ้ามีการนัดหมาย 8 พรรคร่วมอีก คงมีการพูดคุยในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วต้องปรับแก้ MOU ให้สอดคล้องขึ้นใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องสอดคล้องขึ้น เพราะ MOU เดิมข้อ 1 ที่ว่าเราจะร่วมกันสนับสนุนนายพิธา โอกาสเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้ ดังนั้น ต้องมีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ล่าสุดทางมติพรรคก้าวไกลจะเสนอที่ประชุมสภาให้ทบทวนมติวันที่ 19 ก.ค.ทางพรรคเพื่อไทยคิดเห็นอย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอดูเหตุผลก่อนว่าทางพรรคก้าวไกลจะยื่นอะไรหรือไม่ และจะดูในรายละเอียดก่อน

เมื่อถามว่า วันนี้จะมีการเลื่อนนายกฯ อีกหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จะคุยเรื่องวาระนายกฯ วันที่ 27 ก.ค.ในวันพรุ่งนี้ เมื่อสภาเลื่อนแล้ววาระที่เราประชุมพรรคยังอยู่คงมีการพูดคุยเรื่องนี้บ้าง ถึงความคิดเห็นของ ส.ส.ที่ไปลงพื้นที่มาว่า ประชาชนคิดอย่างไร และเข้าใจว่าจะมีการพูดคุยถึงแคนดิเดตนายกฯด้วย ตอนเราพิจารณาแคนดิเดตนายกฯกรรมการบริหารพรรคมอบหมายให้หัวหน้าพรรคมีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจได้เลย