อย่างที่ทุกคนรู้ดีในทางการเมืองตอนนี้แม้ก้าวไกลจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งที่มีส.ส.ในมือมากถึง 151 เสียง และมีสถานะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง ก่อนจะถ่ายโอนอำนาจมาให้พรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยที่มี 141 เสียง ดำเนินการหาเสียงหาแนวร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลและโหวตนายกฯต่อ เพราะตัวเองไม่มีปัญญาหาพวกไม่ได้ ไม่มีเพื่อนในสองสภาพอที่จะหาเสียงถึง 376 มากกกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภา ในทางทฤษฎีโอกาสของพิธากับก้าวไกลอาจยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการรอลุ้นคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเสนอญัตติซ้ำได้หรือไม่ หรือการเสนอชื่อพิธาในสมัยประชุมหน้าตอนเดือนธ.ค. หรือจะรอให้ส.ว.หมดวาระในวันที่ 11 พ.ค.2567 ปีหน้าก็ว่าก็เชื่อกันไป แต่ในทางปฏิบัติทุกคนต่างเห็นว่าพิธาน่าจะหมดโอกาสเป็นนายกฯแล้ว ส่วนก้าวไกลหนทางในการเป็นรัฐบาลชั่วโมงนี้ก็ต้องบอกว่ายากเต็มที
เพราะแม้จะมีช่องทางให้พิธาลุ้นให้ก้าวไกลต่อสู้ได้ แต่ต้องบอกว่าทางที่เห็นที่เป็นอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นทางชำรุดทางขุรขระ เผลอๆเดินลึกเข้าไปอาจจะพบว่าสุดท้ายปลายทางอาจกลายเป็น “ทางตัน” ที่ไปต่อไม่ได้ แต่พิธาและก้าวไกลก็พยายามอย่างยิ่งยวดในการดันทุรัง พยายามดิ้นหนีตายให้กับตัวเองและพวกพ้องฝ่ายล้มเจ้า ทั้งๆที่ก็รู้ว่าหนทางที่ว่านั้นยากและมีโอกาสน้อยจริงๆที่จะสำเร็จ เพราะตอนนี้พรรคตัวเองฝ่ายตัวเอง ถูกทุกขั้วทุกพรรคกาหัวกลายเป็น “พรรคหมาหัวเน่า” ทางการเมือง ไม่มีใครเอา ไม่มีใครคบ แต่ก้าวไกลก็ต้องดื้อรั้นหัวชนฝาต้องหาทางออกให้กับฝ่ายตัวเองให้ได้ ทั้งกรณีที่แกนนำก้าวไกล นักวิชาการ และ ฝ่ายตัวเองได้ยื่น 17 คำร้อง ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ ม. 213
จากกรณีที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 ลงมติวินิจฉัยว่าการเสนอชื่อพิธา ให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกฯ เป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ซึ่งกำหนดว่า “ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน” เป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่ล่าสุดทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ประเด็นนี้ก็ถูกจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเบรกไว้ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้เนื่องจากมติในสภาถือว่าเป็นที่สิ้่นสุดแล้ว ทั้งนี้มติของรัฐสภาถือเป็น 3 อำนาจหลักของประเทศ ที่ประกอบด้วย นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ นอกจากนี้ใน พ.ร.บ.ประกอบรธน.ว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ให้อำนาจศาลรับเรื่องลักษณะนี้มาพิจารณา เพราะฉะนั้นโอกาสรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาของศาลจึงมีน้อยมาก
พลันที่การเสนอคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีส.ว. มีผู้รู้ ออกมาเบรกว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณา งานนี้ไม่รู้ฝ่ายก้าวไกลซี้ซั้วหรือมั่วไปเอง นอกจากนี้อาจเป็นไปได้ว่าก้าวไกลกังวลว่าหากผลการตัดสินของสศาลรัฐธรรมนูญออกมาไม่เป็นบวกกับพิธาและฝ่ายตน อาทิ ไม่รับคำร้องตีตกคำร้องหรือตัดสินว่าญัตติโหวตพิธาตกไปแล้วเอามาโหวตซ้ำไม่ได้ ตรงนี้จะยิ่งทำให้โอกาสของพิธาที่จะกลับมาเป็นนายกฯยิ่งยากขึ้นไปอีก พอเป็นแบบนี้ล่าสุดในการประชุมพรรคเมื่อวาน 25 ก.ค.2566 ก้าวไกลก็พลิกเกมด้วยการประกาศว่าในการประชุมสภาคราวหน้า จะหารือกับประธานรัฐสภาและจะยื่นให้ทบทวนญัตติที่เคยมีไปแล้ว เพื่อขอให้รัฐสภาพิจารณาทบทวนการเสนอชื่อนายกฯซ้ำได้ ตรงนี้ก็จะเป็นโอกาสให้พิธากลับมามีลุ้นโหวตนายกฯได้อีก โดยไม่ต้องไปหวังพึ่งอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่ก้าวไกลมองแล้วว่าคงยากที่จะตัดสินหรือวินิจฉัยเป็นคุณต่อพิธาหรือฝ่ายตัวเอง ในขณะเดียวกันถ้าการหาเสียงให้กับพิธายังไม่ได้เสียงถึง 376 เสียงจาก 750 ก้าวไกลก็พร้อมที่จะลากเกมยาวไปอีก 10 เดือน โดยจะรอให้ส.ว.หมดวาระก่อนในปีหน้าในวันที่ 11 พ.ค.2567
แม้จะต้องรอถึง 292 วัน กว่าส.ว.ชุดนี้จะหมดวาระ แต่ฝ่ายก้าวไกลก็ชูสโลแกนว่าพร้อมรอได้ เพราะรอมา 9 ปี ยังรอได้รออีกแค่ 10 เดือนทำไมจะรอไม่ได้ อย่างไรก็ตามหลังก้าวไกลอยากลากเวลาโหวตนายกฯไป 10 เดือน หลายฝ่ายก็ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง ไหนจะเรื่องงบประมาณแผ่นดิน การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ข้อตกลง-เจรจาความต่างประเทศ การค้า-การขาย น้ำมัน ไฟฟ้าแพง ค่าครองชีพ ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน จิปาถะสารพัด ที่ต้องรอนายกฯใหม่ รัฐบาลใหม่เข้ามาสะสาง จะลากยาวแล้วให้บิ๊กตู่รักษาการไปยาวๆ ใครจะเอา ขนาดเจ้าตัวยังบอกให้คิดถึงความเสียหายของประเทศด้วย ขณะที่วิษณุ เครืองาม รองนายกฯกฎหมาย ก็บอกว่ามีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะในการโหวตนายกฯตั้งรัฐบาลโดยไม่ต้องรอนานถึง 10 เดือน ” ยังมีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะแยะ และมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถ่วงเวลาไปอย่างนั้น รัฐบาลจะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็ลำบาก จะใช้งบกลางก็ลำบาก จะเสนองบประมาณใหม่เข้าสภาก็ไม่ได้ และในระหว่างนี้อาจจะต้องโดนไปตอบกระทู้ รัฐบาลต้องไปตอบเอง” วิษณุให้ความรู้
เพลานี้เหมือนก้าวไกลกำลังเมาหมัด ถูกหลายปัญหารุมเร้า เพื่อนก็ไม่คบ สังคมก็หมางเมิน ถูกปล่อยเดี่ยวให้เดินลำพังอยู่คนเดียว ขนาดพันธมิตร 8 พรรค 312 เสียงตอนนี้ก็ง่อนแง่นเต็มทน ถูกพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาไล่เช้าไล่เย็นให้ก้าวไกลเสียสละแตกขั้วไปเสียที ไม่งั้นก็ไปต่อกันไม่ได้ ไม่มีนายกฯไม่มีรัฐบาล อัดบริหารไม่เป็นหัวดีแต่ไม่มีใครคบ ไล่ส่งก้าวไกลยังไม่พอ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังเผยเหตุพลที่พิธาพังไม่เป็นท่า นอกจากจะถูกด้อมส้มจูงจมูกสนตะพายแล้ว พิธายังหัวอ่อนจนถูกแกนนำถูกบรรดาเจ้าของพรรคชักใยครอบงำในทุกเรื่องทั้งหมด หน้าหล่อจึงเป็นได้แค่หุ่นเชิดไม่เป็นตัวของตัวเองไม่สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์โพดผลกับบ้านเมืองได้ ไม่ใช่แค่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เท่านั้นที่ออกมาขย่มก้าวไกล ล่าสุด เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ก็ออกมาให้ฉีก MOU 23 ข้อเสียเหอะ เพราะตอนนี้เกมเปลี่ยนเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว จะมาสร้างภาพรักษาหน้ากันอยู่ทำไม ก้าวไกลหัวร้อนเพราะตัวเองถูกบีบจากทุกทิศ ตอนนี้ก็ยิ่งวิตกไปใหญ่ว่าจะถูกถีบไปเป็นฝ่ายค้านอยู่พรรคเดียว
ยิ่งล่าสุดฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิม 10 พรรค 188 เสียงก็พูดชัดตอนเจอกับแกนนำเพื่อไทย “มีมัน ไม่มีกู” ถ้าเพื่อไทยมีก้าวไกลเกาะคออยู่บนไหล่ 10 พรรค 188 เสียงก็จะไม่สนับสนุนไม่อยู่ด้วย เจอพรรคพวกบีบจนหน้าเขียวแบบนี้ไม่แปลกที่จะมีข่าวผู้นำความคิดของก้าวไกลจะบินไปหาทักษิณที่ฮ่องกง เจรจาต้าอ้วยขออยู่ร่วมรัฐบาลแบบไม่ทิ้งไม่หักหลังกัน เสนอข้อแลกเปลี่ยนรับปบากจะถอยจากแก้ไข ม.112 จะไม่ผลักดันกฎหมายด่าเจ้าเข้าสภา งานนี้เท็จจริงไม่รู้ เพราะฝ่ายแกนนำก้าวไกลปฏิเสธพัลวันไม่มีทางใช้บริการทักษิณตั้งรัฐบาล เรื่องแบบนี้ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ พรรคเทวดาอย่างก้าวไกลคงไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
ล่าสุด 8 พรรคก็เลื่อนประชุมเคาะอนาคตของตัวเองออกไปก่อน ขณะที่โหวตนายกฯก็เจอโรคเลื่อนออกไปก่อน หลังวันมูหะมัด นอร์มะทา ประธานรัฐสภา ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาระหว่างรัฐสภากับศาลรัฐธรรมนูญที่จะทำให้เรื่องโหวตนายกฯยุ่งยากมากไปกว่านี้อีก ตอนนี้ก็ทำใจร่มๆ รอวัน ว. เวลา น. ที่ประธานสภาจะนัดโหวตนายกฯครั้งที่ 3 อีกที ที่หลังเลื่อนจาก 27 ก.ค.2566 ออกไปแล้วจะเป็นวันไหน ถ้าเอาพฤหัสบดีหน้าก็เป็นวันที่ 3 ก.ค.2566 หรือ ถัดไปก็เป็นวันสุกดิบ 10 ส.ค.2566 ที่ตรงกับวันประกาศกลับไทยของนักโทษหนีคดีคนแดนไกลอย่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนที่ 23 เจ้าของพรรคเพื่อไทยพอดิบพอดี การเมืองยังฝุ่นตลบอยู่ นายกฯก็ยังไม่รู้จะเป็นใคร ทักษิณก็กำลังจะกลับมา ส่วนพิธากับก้าวไกลตอนนี้ก็ร่อแร่เต็มทน เพราะยิ่งนานไปทางเดินก็ยิ่งแคบลงทุกวัน
///////////////////