ตั้งแต่เลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 จวบจนวันนี้ก็ปาเข้าไปเกือบ 2 เดือนครึ่งแล้ว แต่ไทยก็ยังไม่มีนายกฯคนที่ 30 ไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศเสียที ด้วยเหตุที่พรรคอันดับ 1 ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างก้าวไกลแม้จะได้คะแนนเลือกตั้งมาถึง 14.4 ล้านเสียง ได้ส.ส.มา 151 คน แต่ก็จนปัญญาแสวงหาเสียงสนับสนุนจากส.ส.และส.ว. ทำให้ไม่สามารถได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภาคือ 376 หมดโอกาสผลักดันพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯของพรรคขึ้นเป็นนายกฯได้สำเร็จ ด้วยเหตุที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ และส.ว.ในสภาสูง ต่างไม่เห็นด้วยที่จะให้พิธาเป็นนายกฯไม่สนับสนุนก้าวไกลที่มีแนวคิดล้มเจ้ามีแนวคิดในการแก้ไขม.112 ขึ้นมาบริหารประเทศ แม้ก้าวไกลจะชนะการเลือกตั้งแต่ก็ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากเสนอนายกฯตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงต้องยอมยกสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยที่ได้เสียงส.ส.ตามหลังมา 141 เสียง
แต่การตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยก็ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะแม้จะได้ฉันทามติจากก้าวไกลให้จัดตั้งรัฐบาล แต่เพื่อไทยก็ยังถูกผูกคอล่ามขากับ 8 พรรค 312 เสียงด้วยสัตายาบัน 23 ข้อที่ก้าวไกลเขียนขึ้นมาเป็นหลักในการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ไก่โห่หลังจบเลือกตั้งใหม่ๆ งานนี้เพื่อไทยก็เลยกระอักกระอ่วนใจเพราะไร้อำนาจเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งๆที่ความจริงสภาพของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ก็แตกเละไม่มีชิ้นดี ไม่มีใครยอมรับก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ 1 ของขั้ว เพราะเป็นพรรคเจ้าปัญหาที่ทำให้เลือกนายกฯตั้งรัฐบาลไม่ได้ จุดยืนล้มเจ้าทำลายทำร้ายสถาบันเข้าเส้นเลือด จนทำให้ถูกส.ส.กับส.ว.บอยคอตไม่สนับสนุน ตอนนี้ก็กลายเป็นจุดอ่อนเป็นบ่อที่ทำให้ ขั้ว 8 พรรคมีสิทธิ์ซวยล่องจุ๊นไม่ได้เป็นรัฐบาลมากถึง 99 % เพราะไม่ยอมถอยไม่ถอยลดราวาศอกอคติด้านมืดในใจที่ทีต่อสถาบัน ในส่วนเพื่อไทยก็ดันกลายมาเป็นพรรคการเมืองหน้าบาง ไม่ยอมฉีกสัตายาบันไม่ยอมถีบก้าวไกลออกไปพ้นๆเสียที ทั้งๆที่ตัวเองอยากจะเป็นรัฐบาลใจจะขาดอยากไสหัวก้าวไกลไปให้พ้นๆทาง แต่เพราะกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ กลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนหักหลังพวกเดียวกันเอง กลัวจะถูกฝ่ายประชาธิปไตยเกลียดไม่เลือกส.ส.ของตัวเอง ถึงขั้นทำให้พรรคถึงจุดเสื่อมทรุดถดถอย
ด้วยเหตุนี้เพื่อไทยก็เลยต้องเล่นเกมหน้าอย่างหลังอย่าง ปากก็บอกว่ารักก้าวไกล แต่ในใจอยากถีบฝ่ายส้มให้ตกเรือใจจะขาดให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะเป็นมารคอหอยขวางทางเข้าสู่อำยาจ แต่ส้มก็ไม่โง่ให้แดงหลอกง่ายๆ เพราะเคยตีโง่ตำแหน่งประธานสภามาครั้งนึงแล้ว แถมการมี MOU ข้าวต้มมัดผูกสองพรรคเข้าด้วยกัน พลอยทำให้เพื่อไทยขยับทิ้งก้าวไกลลำบาก ทั้งๆที่ความจริงอยากย้ายขั้วสลับข้างไปตั้งรัฐบาลกับ 5 พรรครัฐบาลรักษาการแบบสุดๆ แต่กลัวขายหน้าชาวบ้านและสังคมประนาม เพราะเพิ่งไปหมั่นกับสาวก้าวไกลเมื่อสองเดือนก่อน ยังไม่ทันจะแต่งงานจะถอนหมั่นไปเอาสาวอื่นทำเมียเข้าประตูวิวาห์แทนเสียแล้ว เอาจริงๆฝ่ายส้มก็ชั่วที่ล้มเจ้าชังชาติ ส่วนฝ่ายแดงก็โคตรเลวเพราะเห็นแต่เรื่องประโยชน์ตัวเอง ยึดเรื่องเอาพ่อกลับบ้านอย่างเดียวเป็นหลัก ชั่วกับเลวมาเจอกันก็เลยทำให้ชาติบ้านเมืองบรรลัยอยู่เช่นทุกวันนี้ ประชาชนตาดำๆเลยต้องทนรับกรรมเพราะไร้นายกฯไม่มีรัฐบาลมาบริหารประเทศ ด้วยเหตุที่การเมืองยังตกลงผลประโยชน์ระหว่างกันไม่ลงตัว ด้านหนึ่งก้าวไกลก็พยายามรักษาที่นั่งใน 8 พรรค ทำทุกวิถีทางไม่ให้ถูกถีบออกจากเรือ ล่าสุดมีข่าวหลุดออกมาว่า ธนาธรเจ้าของพรรคตัวจริงร้อนตัวถึงขั้นบินไปคุยกับทักษิณที่ฮ่องกง ขอเวลาเจอโทนี่เป็นคนแรกเพื่อคุยดีลส้ม ไป 24 ก.ค.2566 กลับ 25 ก.ค.2566 เบื้องต้นเจ้าของพรรคส้มยืนกรานขออยู่เป็นรัฐบาลต่อโดยมีข้อแม้จะถอย ม.112 ให้ ไม่เสนอไม่แก้กฎหมายลดความคุ้มครองสถาบันมาตรานี้ รวมถึงไม่นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทั้งหมด แต่ต้องแลกด้วยข้อเสนอดังนี้ หนึ่งพิธาเป็นรองนายกฯควบกระทรวงเกรดเอกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ก้าวไกลได้รัฐมนตรี 14 ตัวเหมือนเดิม แต่เรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบว่าผลออกมาอย่างไร แต่เชื่อว่าคงยาก เพราะทักษิณก็รู้อยู่แล้วว่าก้าวไกลหมดสิทธิ์ที่จะต่อรองแล้ว เพราะกลายเป็นพรรคหมาหัวเน่าทางการเมืองไม่มีใครเอาไม่มีใครคบ
ประเด็นต่อมาอีกด้านก็บอกว่าภายในพรรคแดงฝ่ายเพื่อไทยเองตอนนี้ก็กระเพื่อมไม่แพ้กัน เพราะความเห็นของพ่อกับลูกไม่ตรงกันด้านหนึ่งฝ่ายอุ๊งอิ๊งอยากให้เพื่อไทยจับกับก้าวไกลต่อไปไม่อยากให้แยกจากขั้วประชาธิปไตย เพราะสะดวกที่จะเป็นพันธมิตรกับฝ่ายส้มล้มเจ้ามากกว่า แม้อาจจะต้องเป็นศัตรูกันในอนาคต ซึ่งแนวทางนี้ตรงกับความคิดของ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่ไม่เอาพรรค 2 ลุงอย่าง “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” เหมือนกัน ตรงนี้ก็เลยทำให้ดีลลับสลับขั้วถีบก้าวไกลยังไม่สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ เพราะเศรษฐากับแพทองธารไม่เอาด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับที่ “นายหญิง” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เคยพูดกับนักข่าวเอาไว้ในทำนองว่า “เด็กๆเขาไม่เอาลุง ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร” แถมล่าสุดยังมีข่าวว่าทักษิณพูดกับคนในพรรคว่า “เศรษฐาให้อยู่ทำเนียบ อุ๊งอิ๊งให้เฝ้าพรรค” ที่ไม่รู้ส่งสัญญาณนัยยะอย่างไร ส่วนข่าวอีกฝากก็เห็นต่างและบอกว่าดีลลับจบแล้ว ระหว่างทักษิณกับรัฐบาลรักษาการคุยกันจบแล้ว ขั้วใหม่ก็จะมีพรรคอันดับ (2+3+4+5+7) เพื่อไทย 141 ภูมิใจไทย 71 พลังประชารัฐ 40 รวมไทยสร้างชาติ 36 ชาติไทยพัฒนา 10 ประชาชาติ 9 เสรีรวมไทย 1 รวมกันก็ 308 เสียง ยังไม่นับพรรคเล็กๆปลาซิวปลาสร้อยอีก ขณะที่ขั้วฝ่ายค้านก็จะมีก้าวไกล 151 เสียง เป็นแกนนำ ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ที่เพื่อไทยไม่เอาไม่ต้องการทำงานด้วย ไทยสร้างไทย 6 เสียงของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ทักษิณคุณหญิงพจมาน และ ” 3 เจ๊ใหญ่” ในเพื่อไทยไม่เอามาร่วมงานด้วยแน่นอน รวมถึงเป็นธรรมที่อยู่ห้อยกับก้าวไกลไปตลอด รวมฝ่ายค้านก็จะมี (151+25+6+1) 183 คน งานนี้คุยกันจบแฮปปี้เอนดิ้งทักษิณเลยมั่นใจประกาศกลับไทย 10 ส.ค.2566
ส่วนใครจะเป็นนายกฯก็ค่อยไปว่ากัน แต่ไม้แรกถ้าเศรษฐาถูกเสนอชื่อขึ้นเป็นนายกฯตอนที่เพื่อไทยกับก้าวไกลยังไม่แตกกัน แสดงว่าเศรษฐาต้องเข้าปิ้งอดเป็นนายกฯแน่นอน ถึงตอนนั้นก็ไปลุ้นว่าจะเป็นใครระหว่าง “แพทองธาร-อนุทิน-ประวิตร” แต่ถ้ามีการฉีกสัตยาบันกันจบเพื่อไทยแตกหักกับก้าวไกลได้ก่อนโหวตนายกฯ ทักษิณคุยกับขั้วรัฐบาลปัจจุบันลงตัวโอกาสเศรษฐาก็อาจจะมีแต่น้อย อย่าลืมว่าเศรษฐาไม่มีพวก ไม่ลงเงิน ไร้บารมี คนในพรรคไม่ยอมรับ แถมยังมีคดีที่ชูวิทย์เตรียมออกมาแฉอีก อุ๊งอิ๊งอายุน้อยแค่ 38 ปี ประสบการณ์ยังไม่มี แถมแม่ไม่อยากให้เป็นใหญ่เร็วทามกลางสถานการณ์ขัดแย้งกลางเขาควายก็คงยาก ลุงป้อมมากบารมีแถมมีส.ว.หนุนแต่อายุมากวัยรุ่นคนรุ่นใหม่บอยคอตไม่ยอมรับ อนุทินเป็นพรรคเบอร์ 3 แต่ไม่มีส.ส.ไม่มีส.ว.ในมือถ้าไม่มีกำลังภายในมาช่วยก็ขึ้นเป็นนายกฯยาก โค้งสุดท้ายนายกฯ ต้องดูว่ายก 3 จะนัดโหวตกันเมื่อไหร่ วันนอร์ประธานสภาบอกจะนัดวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.2566 ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินปมโหวตซ้ำพิธาไหมในวันพุธที่ 3 ส.ค.2566 ถ้าไม่รับตีตกโอกาสโหวตนายกฯกันในวันที่ 4 ส.ค.2566 เลยก็มีความเป็นไปได้สูง ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปอีกยาว เพราะวันนอร์มีคิวไปประชุมสภาอาเซียนที่อินโดนีเซีย 5-10 ส.ค.2566 แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับลูกการโหวตนายกฯก็คงถูกเลื่อนไปอีกยาว การเมืองตอนนี้ยังเปลี่ยนได้ทุกขณะ นายกฯคนใหม่ก็ยังต้องลุ้น แต่ในสำรับที่ลุ้นนายกฯไม่มีชื่อพิธา และฝ่ายค้านติดป้ายได้เลยก้าวไกลเป็นผู้นำ
/////////////////////