30 กรกฎาคม 2566 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า อาจารย์นิติศาสตร์ 115 คนจากทั่วประเทศ ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่รัฐสภามีมติว่า การเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเสนอญัตติซ้ำ ทำให้ไม่อาจเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่ 2 ได้ ตามข้อบังคับรัฐสภาข้อ 41 เป็นการทำให้มติรัฐสภาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ อันจะทำให้การสอนลำดับชั้นของกฎหมายยากที่จะทำได้ ก่อนหน้าแถลงการณ์ดังกล่าวก็มีนักกฎหมายชั้นนำของประเทศ 2 ท่านออกมาแสดงความเห็นแบบเดียวกัน ดังนั้น เพื่อความกระจ่างเราลองนำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องนำมาพิจารณา โดยเริ่มกฎหมายรัฐธรรมนูญก่อน
รัฐธรรมนูญมาตรา 159 บัญญัติว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88
รัฐธรรมนูญมาตรา 272 บัญญัติว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นขอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่ให้ความเห็นชอบบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา