ประธานอียูเยือนฟิลิปปินส์ครั้งแรก เปิดเจรจาการค้าเสรีอีกครั้งหลังหยุดชะงักมาหลายปี
วานนี้ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลย์เยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ในกรุงมะนิลา ในการเยือนฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรกว่า สหภาพยุโรปและฟิลิปปินส์จะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA อีกครั้ง เพื่อเร่งให้เกิดความร่วมมือยุคใหม่ โดยคณะผู้ทำงานจะเริ่มทำงานทันทีเพื่อกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า FTA จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้แก่ทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนนายมาร์กอสกล่าวถึงฟิลิปปินส์และสหภาพยุโรปว่าเป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน ด้วยค่านิยมร่วมกันในเรื่องประชาธิปไตย ความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนและครอบคลุม หลักนิติธรรม สันติภาพและเสถียรภาพ และสิทธิมนุษยชน
โดยการเจรจา FTA ระหว่างอียูและฟิลิปปินส์นั้นเริ่มขึ้นในปี 2558 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีเบนิกโน อากีโนในขณะนั้น แต่หยุดชะงักลงในอีก 2 ปีต่อมา ในสมัยของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งใช้นโยบายปราบปรามยาเสพติดที่รุนแรง และถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน จนทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับตะวันตกตึงเครียดและจุดชนวนการสอบสวนระหว่างประเทศ
ทั้งนี้สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสี่ของฟิลิปปินส์ และ FTA จะเป็นข้อตกลงทวิภาคีอันดับสองของฟิลิปปินส์ หลังจากเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่น ขณะนี้ฟิลิปปินส์ได้รับสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี หรือ GSP+ ซึ่งอนุญาตให้ส่งออกสินค้า 6 พัน 274 รายการไปยังสหภาพยุโรปโดยปลอดภาษี แต่สถานะนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ ภายใต้โครงการ GSP+ ซึ่งขยายไปยังประเทศกำลังพัฒนา อียูลดภาษีนำเข้าลงเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ใน 2 ใน 3 ของประเภทสินค้า แลกกับการปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ 27 ฉบับว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ นางฟอน เดอร์ เลย์เยน ยังกล่าวว่า อียูจะมอบเงิน 466 ล้านยูโร (ราว 1 หมื่น 8 พันล้านบาท)สนับสนุนฟิลิปปินส์พัฒนา พลังงานสีเขียว และการรีไซเคิลพลาสติก รวมถึงให้ข้อมูลดาวเทียมเพื่อช่วยให้ฟิลิปปินส์เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศเลวร้ายได้ดียิ่งขึ้น